คนไทยแห่เรียน นายร้อย จปรแน่ๆๆ หลังให้ตำรวจอยู่ใต้เท้า ทหาร คือกระทรวงกะลาโหม

ปฏิรูปตำรวจฉบับ “ปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง” แฉ...บุญเรือง ผลพานิชย์ เคยสร้างความฮือฮามาแล้วด้วยการนำเสนอปฏิรูปตำรวจด้วยการย้ายไปอยู่กลาโหม
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม             
20 พฤษภาคม 2560 16:11 น.

ปฏิรูปตำรวจฉบับ “ปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง”  แฉ...บุญเรือง ผลพานิชย์ เคยสร้างความฮือฮามาแล้วด้วยการนำเสนอปฏิรูปตำรวจด้วยการย้ายไปอยู่กลาโหม

         
       สมัยปฏิวัติ “คมช.” จับตาแผนล้ำลึก “คุณจ่อย”ไม่แยกงานสอบสวนให้แต่ “ยกพวง”บุกกระทรวงยุติธรรม “ทั้งดุ้น”..เตือนข้าราชการตราชั่ง เขาไม่แค่มาอาศัยให้ระวังถูกยึด !!??
      
       ....ความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในบรรดาสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย ทั้งในสากล จักรวาล ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายน่าอันตรายมากกว่าความเห็นแก่ตัว....ท่านพุทธทาสภิกขุ....สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพรัก สัปดาห์นี้เป็นช่วงฤดูฝนชุ่มฉ่ำโดยเฉพาะเหนือ อีสาน “ฉ่ำ”กันเกินเหตุจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ “บิ๊กเกรียน”คนกรุงเทพหัวใจบ้านนอกขอแสดงความห่วงใยไปยังพ่อแม่พี่น้อง...นี่เพิ่งเข้าต้นฝนนะขอรับ ยังน่าจะมีอีกหลายกระทอกแถวอยุธยา ปทุมธานี ใครอยู่ที่ลุ่มเตรียมรับมือแต่เนิ่นๆเด้อ
      
       00000.....ทักทายประสาคนคุ้นเคยขอเข้าเรื่องใหญ่ และหนักนั่นคือการปฏิรูปตำรวจฉบับ “คุณจ่อย”พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนปฏิรูปกิจการตำรวจ ได้นำเสนอต่อสาธารณะชนไปแล้ว “ผู้รู้”ตั้งข้อสังเกตว่า 3 ปีของกลุ่มแก๊งตำรวจที่เข้ามามีบทบาทปฏิรูปประเทศไทยไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน...สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง “หวงอำนาจ”....เห็นกันจะๆ 9 หน่วยงาน ตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและฯลฯยังไม่ตกลงเป็นชิ้นเป็นอันจะให้ย้ายไปอยู่ไหน....”คุณจ่อย” บุญเรือง ผลพานิชย์ คือใคร แท้จริงก็คือคนสนิทมักคุ้นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.25 ของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.น้องชาย “สุดเลิฟ” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สตช.และ รวม.กลาโหม นั่นเอง...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “คุณจ่อย”แสดงบทบาท “จิ๊ดจ๊าด”แต่เมื่อครั้งปฏิวัติ-รัฐประหารของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เจ้าของสโลแกน “ขออภัยในความไม่สะดวก” หรือ คมช. (คณะมนตรีความมั่นคง)รุ่นพี่ คสช.”บุญเรือง ผลพานิชย์”นี่แหละเคยเสนอให้ สตช.ไปอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงกลาโหม มาแล้ว...การเคลื่อนไหวของคุณจ่อย ในครั้งนี้สังคมจึงควรจับตาว่าเขาเคลื่อนไหวในฐานะอะไร...ตามอำนาจหน้าที่ หรือเป็นร่างทรงของกลุ่มอำนาจใด และเพื่ออะไร !!??
      
       00000.....ก่อนชำแหละให้เห็นกันชัดๆกระพ้มอ่านดูแล้วหลายรอบสรุปเป็นประเด็นๆได้ดังนี้.... 1.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม 2.ผบ.ตร.ต้องผ่านงานสอบสวนอย่างน้อย 2 ปีหรือร่วมรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนมาไม่น้อยกว่า 70 คดี 3.ปรับปรุงเงินเดือนให้เพียงพอต่อการดำรงชีพเพราะที่เป็นอยู่ยังน้อยเกินไปและเป็นต้นเหตุผลักให้ตำรวจไปยืนในพื้นที่สีเทา 4.โอนระบบรักษาความปลอดภัย (ซีซีทีวี)จากทุกหน่วยงานอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของตำรวจ 5.ปรับเงินเดือนตำรวจชั้นประทวนจากเดิมเริ่มที่ 10,760 บาท เป็น 13,773 บาท ตำรวจชั้นสัญญาบัตรจาก 15,290 บาท เป็น 26,605 บาท
      
       แฮ่มมมม....คราวนี้กระพ้มขออนุญาตเสนอมุมมองอีกด้านดังนี้..ขอตั้งคำถามก่อนเลยว่าข้อเสนอของคุณจ่อย ต้องการให้ปฏิรูปตำรวจอย่างจริงใจหรือแค่เพียง “ปฏิลวง”ถ่วงเวลากันไปเรื่อยๆ ข้อแรกไม่เห็นท่านพูดถึงสิ่งที่ประชาชน และตำรวจจำนวนไม่น้อยเขาเรียกร้องกันนั่นคือการแยกงานสอบสวนออกจากการกำกับดูแลของตำรวจ...โดยเฉพาะตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาทั้งหลายที่เป็นต้นตอของความบิดเบี้ยวจนพนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงจริงๆ....คุณพี่จ่อยเล่นยกมา “ทั้งดุ้น” เล่นกันแบบนี้มันจะเกิดประโยชน์อะไรเพราะตามหลักการเข้าอยากให้มีการถ่วงดุล-ตรวจสอบ ไม่ใช่ล่อกันดุ้นใหญ่ดุ้นเดียวแบบที่คุณจ่อย นำเสนอ
      
       ข้อ 2. มีการกำหนดสเป็กผบ.ตร.ต้องผ่านงานสอบสวนเท่านั้นเท่านี้ปี แถมยังมีจำนวนกำกับมาด้วยว่าต้องมีส่วนร่วมการสอบสวนอย่างน้อย 70 คดี...ดูเผินๆเหมือนจะดีแต่นี่คือความ “เขี้ยว”ของตำรวจเพราะต่อไปนี้ “คนนอก”โดยเฉพาะ ท ทหาร ซึ่งประวัติศาสตร์เคยมีมาหลายครั้งหลายหนที่หัวหน้าคณะปฏิวัติส่ง ท ทหาร มาคุมตำรวจ ต่อจากนี้ไปถ้าผ่านเป็นกฎหมายตำรวจก็จะสบายใจเป็นอย่างยิ่งเพราะถึงแม้ ท ทหาร จะใหญ่โตมโหระทึกอย่างไร...อยากจะเข้ามาแทรกแซงอย่างไรก็ไม่มีวันทำได้....กระทั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จะไม่มีวันเข้ามากินตับ กินไตงานของตำรวจได้ มีแต่ตำรวจจะขยายพันธ์ กลายเป็นพาหะนำโรคให้กับกระทรวงตาชั่งเสียเปล่าๆปลี้ๆ....เหนืออื่นใดข้อกำหนดให้มีส่วนร่วมงานสอบสวนไม่ต่ำกว่า 70 คดี ถ้าเป็นแบบนี้ในระดับผู้ช่วยผบ.ตร. หรือรองผบ.ตร. ใครจะขั้วตำแหน่งผบ.ตร.ก็คงพอรู้ พอเดาออกแล้ว...สรุปว่าขอเหตุผลชัดๆหน่อยว่าสเป็กนี้ “คุณจ่อย”ทำเพื่อใคร หรือมีเหตุผลอะไร
      
       ข้อ3 .ปรับปรุงเงินเดือนให้เพียงพอเพราะปัจจุบันเงินเดือนน้อยเป็นสาเหตุให้ตำรวจต้องออกรีดไถ หรือยอมเป็นพวกกับนักธุรกิจผิดกฎหมาย.....โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ..อกอีแป้นแตก...ประเด็นนี้ถือเป็นตรรกะวิบัติที่บรรดาตำรวจระดับสูง ตำรวจโบราณไดโนเสาร์เต่าล้านปีและเครือข่ายชอบเอามาใช้...ท่านจะว่าเงินเดือนน้อยไม่พอแก่การครองชีพก็ว่าไป แต่อย่าอ้างเงินน้อยทำให้ทุจริต...แบบนี้มันใช้ไม่ได้...ข้าราชการหน่วยอื่นล่ะเขาไม่เห็นต้องโกงจนเป็นข่าวกันทุกวันอย่างที่สังคมตำรวจเป็น.....พูดกันให้สะเด็ดน้ำไปเลยว่า “ส่วย”ที่ทำมาหารับทานกันอยู่นั้น 100 % ส่งให้ “เจ้านาย”ยัดห่านกันทั้งสิ้น ของแบบนี้รู้ใส้รู้พุงกันดี...ไม่เชื่อกระพ้ม หรือคิดว่าไอ้ “บิ๊กเกรียน”มันใส่ไคร้ก็กลับไปดูบัญชีส่วยต่างๆที่ฝ่ายปกครองเขา “ลากใส้”มาดิ...ส่วยซ่องนาตารี ส่วยบ่อนนวนคร หรือแม้แต่ผับ-บาร์ ที่ปล่อยเยาวชนมั่วสุม ลำพัง 5 เสือมันจะ “เอาอยู่”ไหมล่ะ ถ้าไม่มีระดับ “บน”ปากว่า-ตาขยิบ หรือรู้เห็นเป็นใจแอบให้ท้ายกัน...ขณะที่ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่มีทางได้ลิ้มลองส่วยบ่อน ซ่อนซ่อง ส่วยของเถื่อนอย่างเเด็ดขาดเพราะเป็นระบบที่สงวนไว้ให้บรรดานายๆได้ “แ-ก”โดยเฉพาะ..โน่นหาตีกินพวกแรงงานต่างด้าว...รีด-ไถบนถนนเกี่ยวกับความผิดจราจร ปากกัดตีนถีบทะเลาะกับชาวบ้านทุกวันตามที่เห็น...เรียกว่ามีแผนประทุษกรรม “ทำยำยำ”คนละแบบ...ดังนั้นหากจะปฏิรูป-ช่วยเหลือควรเน้นสวัสดิการด้านอื่นเช่นแฟลตที่พักอาศัย การให้วิชาชีพแก่คู่สมรสและโอกาสทางการศึกษาบุตร...และถ้าทำผิดเลิกซะทีไอ้ที่ทำขึงขังแล้วแอบช่วยเหลือกัน...แบบนี้ดีกว่าเยอะเลยใช่ไหมคุณจ่อย
      
       ข้อ 4.โอน ซีซีทีวี ให้กับตำรวจ....อื่มอออ ข้อเสนอนี่มันใช่การปฏิรูปเหรอ...เหมือนขัดส้วม ล้างส้วมต้อนรับประชาชนเปี๊ยบ และว่ากันตรงไปตรงมากระพ้มโคตรกลัวเลยว่าอาจจะเกิดรายการ “กล้องเสีย”ในคดีการเมือง คดีที่ผู้มีอำนาจจะเสียประโยชน์ แต่ที่สุดแล้วจะเอาไงเอาทำไปเพราะข้อเสนอนี้ไม่ถือเป็นการปฏิรูป
      
       ข้อ 5.การเพิ่มเงินเดือน ความเห็นเหมือนข้อ 3 วิพากษ์วิจารณ์ไปหมดสิ้นแล้วขอแถมท้ายนิดเดียวว่า...ทำชั่วอย่าโทษใคร...ทำชั่วอย่าโทษเงินเดือนน้อย...ทำชั่วเพราะเรามันชั่ว แต่โอกาสของคนในเครื่องแบบมันมีมากกว่า...มือหนึ่งถือปืน มือหนึ่งถือกฎหมาย มีอำนาจ-อิทธิพล...ลองไม่มีผลประโยชน์จะวิ่งเต้นรับใช้นักการเมือง รับใช้ผู้มีอำนาจ หรือซื้อขายตำแหน่งกันแย่งกันยิ่งกว่าอะไรทำไมมี.....จริงป่ะคุณจ่อย!!??
      
       00000.....”บิ๊กเกรียน”แสดงความเห็นไปตามประสบการณ์ และด้วยความบริสุทธิ์ใจปราศจากอคติใดๆทั้งสิ้น...ปัญหาที่แท้จริงของตำรวจมีอยู่มากมาย ถ้ามันไม่มาเกี่ยวกับชาวบ้านให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วยกระพ้มจะไม่เอ่ยซักแอะ...แต่นี่มันหนีกันไม่ออก จะให้นั่งดู-นอนดูตาปริบๆก็ไม่ใช่วิสัย....ช่วง “ชวน-เชื่อ”ปฏิรูปประเทศของการชุมนุม กปปส. ฟังแล้วเคลิ้ม...สภานิติบัญญัติฯจะประกอบด้วยชนทุกอาชีพ...อุ้ยต๊ายตายพอยึดอำนาจก็มีแต่พวกท่าน...แสบสุดก็คือขบวนการผู้มีอำนาจสายสีกากี(บางคน)ที่แทรกอยู่ในสภาอันทรงเกียรติ !!?? ขอถามหน่อยว่าช่วงสมัยที่ท่านรับราชการอยู่นั้นเคยมีคุณงามความดีอะไรที่สามารถจับต้องได้ หรือเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนกันบ้าง...คนหนึ่งมีพฤติการณ์ทำมาหากินกับแก๊งตู้ม้า อีกคนหากินกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองจนขึ้นชื่อว่าเป็น “เศรษฐีจลาจล” และบางคนเคยกินส่วยเจ้าพ่อเงินกู้ดอกเบี้ยโหด...แบบนี้หรือที่จะนำพาสิ่งดีๆมาสู่สังคมไทย...แบบนี้หรือที่จะนำพาสิ่งดีงามมาสู่อาณาจักรของตำรวจ “บ่องตง” กระพ้มไม่มีวันเชื่อ และยังมองไม่เห็น....เฉพาะปัญหาการสอบสวน ซึ่งถือว่าล้มเหลว-เลวร้าย มีประชาชนต้องเดือดร้อนถึงขนาดบ้านแตกสาแหรกขาด หมดอนาคตกันไปแต่ผู้มีอำนาจกลับทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว...การปฏิรูปตำรวจที่ถูกต้อง และได้การยอมรับจะต้องถือตามมาตรา 258 ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่...โจทก์ใหญ่ของภารกิจตำรวจก็คือจะต้องมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถูกครอบงำ (งานสอบสวน)...ฝากคนไทยและตำรวจไทยที่อยากเห็นการปฏิรุปอย่างแท้จริงแยกแยะกันให้ดี... อย่าหลงกลพวกสับขาหลอก
      
       00000.....กราบเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี -หัวหน้า คสช.ด้วยความเคารพ....การปฏิรูปตำรวจมีมานานแล้วแต่ทุกครั้ง “ล้มเหลว”เพราะถูก “แหกตา”ไม่มีการปฏิรูปจริงมีแต่ “ปฏิลวง”หรือ “ปล้ำผีลุก-ปลุกผีนั่ง” กลับไป 3-40 ปีก่อน สมัยโรงพักยังยกให้ “สารวัตรใหญ่”ดูแลรับผิดชอบงานในพื้นที่...กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีเพียง 3 กองบังคับการคือ บก.น.เหนือ บก.น.ใต้ บก.น.ธนฯ ส่วนรูปแบบตำรวจทั้งประเทศช่วงที่ยังเป็น “กรมตำรวจ”นอกจากนครบาล ก็คือตำรวจภูธร กับตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจตระเวนชายแดน แค่นี้จริงๆแต่ดูเหมือนว่าปัญหายังไม่มากมายเช่นในปัจจุบัน...ปี 2547 เปลี่ยนโครงสร้างขนานใหญ่จาก “กรมตำรวจ”กลายมาเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”...โรงพักที่เคยมี สวญ.กลายเป็น ผกก.ต้องมียศ พ.ต.อ. กองบังคับการต่างๆเปลี่ยนไปหมด...ขยายตำแหน่งนายพัน-นายพล ได้ประโยชน์เฉพาะคนสีกากีแต่ชาวประชาไม่ได้แม้แต่น้อย...วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนายพลกี่คน...ต่ำกว่า 500 คนไหม หรือว่ามีนายพลมากที่สุดในโลก !!??
      
       00000....ดังนั้นปัญหาของตำรวจหากต้องการแก้ไขและเชื่อว่าการปฏิรูปจะช่วยได้ ท่านก็ต้อง “ใจกล้า” ยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง อย่าปล่อยให้เขา “แหกตา”ท่านเป็นรายต่อไป....ถ้าเชื่อคุณจ่อย หรือทำตามคุณจ่อย มันจะแตกต่างอะไรกับสมัยที่แยกตำรวจมาจากกระทรวงมหาดไทย แล้วให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี...อยู่กับนายกฯไม่เวิร์คเพราะอะไรก็ไม่รู้ (รู้ก็พูดไม่ได้...กลัว) ..พอถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น..โน่น...โยนไปกระทรวงยุติธรรมเหมือนตามที่ประชานเรียกร้อง แต่แทนที่จะไปเฉพาะงานสอบสวน คุณพี่จ่อย เล่นยกไป “ทั้งดุ้น”มันใช่หรือขอรับ.....สรุปได้เลยว่าหากผู้มีอำนาจ “เอาด้วย”กับคุณจ่อย...สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมควรสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์คุณงามความดีแก่พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ (กับพวก) ในฐานะผู้มีคุณูปการ สามารถนำนาวาสีกากีฝ่ากระแสคลื่นลมการปฏิรูปตำรวจมาได้...ไม่เพียงรักษาอำนาจตำรวจได้เช่นเดิม แต่ยังได้โบนัสมีเงินเดือนเพิ่มมากขึ้น ....ส่วนท่านนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เตรียมรับก้อนอิฐก้อนหินไว้ดีๆ...อย่าคิดเลยว่าประชาชนจะเชื่อในเรื่องการปฏิรูปประเทศ เพราะแค่ปฏิรูปตำรวจ “หมูในอวย”แท้ๆท่านยังเคี้ยวไม่ขาด !!??
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9600000051247
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่