ตัวฉันเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงมาก ฉันทำอะไรไม่ค่อยจะแคร์สายตาใคร เรื่องที่ฉันจะเล่าเป็นเรื่องที่ฉันกำลังคิดและตัดสินใจที่จะทำมัน ปัจจุบันฉันมีครอบครัวแต่งงานกับสามีมาแล้ว 10 กว่าปี ฉันเป็นคนขอให้สามีของฉันมาแต่งงานกับฉัน ทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นฉันรักเขาหรือเปล่า หรือว่าเขารักฉันจริงหรือเปล่า เรื่องราวมันเกิดขึ้นตั้งแต่ฉันกำลังจะเรียนจบ ป.ตรี ฉันมีแฟนที่คบหาดูใจกันตั้งแต่ตอนเรียนเป็นเด็กศิลป์เหมือนกัน นิสัยคล้ายๆกัน ฉันวางแผนอนาคตไว้กับแฟนหลายอย่าง แต่ความหวังของฉันก็ต้องมาพังลง เพียงเพราะฉันรู้ว่าเพื่อนสนิทของฉันกับแฟนของฉันแอบคบกัน ฉันเสียใจมาก ผิดหวัง อนาคตที่วาดไว้มันพังลงไปในพริบตา แต่ฉันไม่ร้องไห้ ไม่มีน้ำตา พอฉันเรียนจบฉันก็ออกหางานทำ ทำหมดทุกอย่าง ตอนนั้นไม่หวังหางานที่จบตรงสาย หรืองานที่ตังเองรักเลย ฉันใช้ชัวิตลำพังคนเดียว กิน เล่น เที่ยว คบผู้ชายทุกคนที่เข้ามาสนใจในตัวฉัน รวมถึงสามีคนปัจจุบันของฉันด้วย แต่ยิ่งระยะเวลามันผ่านไป ทุกคนที่เข้ามาในชีวิตต่างก็ต้องการความชัดเจน บางคนมีการกดดัน ทำให้ฉันทนรับสภาพแรงกดดันตอนนั้นไม่ไหวจริงๆ ฉันจึงขอให้สามีของฉันแต่งงานกับฉัน ซึ่งเขาก็ตกลง เราแต่งงานกันโดยใช้เงินทั้งของฉันและของแฟนฉัน โดยที่ไม่ได้ทำให้พ่อแม่ต้องมาลำบากกับเรื่องนี้ด้วย งานแต่งงานที่ไม่ใหญ่มากถูกจัดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายโดยคนของฉันที่ฉันสร้างปัญหาขึ้นมาเอง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ชีวิตหลังแต่งงานของฉันก็มีความสุขในรูปแบบความเห็นแก่ตัวของฉัน ฉันจะไปไหน ทำอะไร สามีของฉันไม่มีสิทธิบ่น หรือว่ากล่าว จะหายไปเป็นอาทิตย์ หรือจะไปค้างคืนไม่กลับ สามีก็ต้องทนรับสภาพแบบที่ฉันเป็น ไม่มีการวางแผนอนาคตร่วมกัน หรือว่าทำอะไรร่วมกันในชีวิตแต่งงาน 3 ปีแรกของฉัน แต่เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อพ่อของฉันต้องมาเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุ ฉันตัดสินใจลาออกจากงานกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกับแม่ ฉันตั้งใจจะเลิกกับสามี เพราะฉันก็คิดว่าสามีของฉันก็ไม่ได้รักฉันเหมือนกัน แต่ฉันก็คิดผิด เมื่อสามีของฉันยอมลาออกจากงานและกลับไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยกันกับฉัน ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำงานประจำ มีเพียงช่วยแม่ทำไร่ ทำสวน เวลาว่างฉันก็จะออกไปขายของตามตลาดนัด ฉันตัดสินใจว่าช่วงที่ฉันว่างอยู่นี้ ฉันอยากมีลูก ฉันก็พยายามทำดีกับสามี ซึ่งตอนนั้นฉันรู้แล้วว่าสามีของฉันรักฉันมาก และฉันก็ดีใจที่ฉันเลือกผู้ชายคนนี้ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน ชีวิตก็มีความสุขดี จนฉันตั้งท้องลูกคนแรก สามีของฉันก็ดีใจ ในเวลาเดียวกันทางแม่ของฉันก็มีคนเข้ามาติดพันธ์ ฉันเห็นว่าเป็นเรื่องดีถ้าแม่จะมีคนเข้ามาดูแลอีกครั้ง ฉันไม่ห้าม ไม่ขัดขวาง หลังจากแม่ฉันแต่งงานใหม่ ฉันคลอดลูกชายคนแรก ฉันอยากสร้างครอบครัวกับสามีแล้ว ฉันจึงคุยกับทุกคนว่าฉันจะเอาลูกมาให้ทาง พ่อ แม่ สามีของเป็นเป็นคนเลี้ยงดู และฉันกับสามีจะเริ่มต้นหางานตามที่ได้เรียนมา ซึ่งทุกคนก็เห็นดีด้วยกับฉัน ฉันออกมาหาทำกับสามีที่จังหวัดใกล้บ้านของสามี เพื่อที่จะมีเวลากลับไปหาลูก ฉันได้งานทำ หน้าที่การงานดีกว่าที่เคยทำมา เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว ฉันก็ทำงานเรื่อยมา จนฉันตั้งท้องลูกคนที่ 2 ซึ่งถ้านับจริงๆลูกของฉันห่างกันไม่ถึง 2 ปี ชาวบ้านจะเรียกว่าหัวปีท้ายปี แต่มันไม่ใช่ความบังเอิญนะ มันเป็นความตั้งใจของฉัน พอฉันคลอดลูกคนที่ 2 ฉันก็เอาลูกกลับไปให้ พ่อ แม่ สามีเลี้ยงเหมือนเดิม ความผิดของฉันเริ่มขึ้น ณ จุดนี้ ฉันได้เริ่มงานที่ใหม่ที่เขาให้เงินเดือนมากว่าที่เก่า ฉันเริ่มรู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ เริ่มเที่ยว เริ่มกินเหล้า เริ่มไม่สนใจสามี แต่สามีของฉันก็เปลี่ยนไปจากที่เคยเงียบไม่เคยบ่น ก็เริ่มมีปากเสียงกัน แต่ฉันก็ไม่สนใจยังคงทำตัวเหมือนเดิม ทำให้ชีวิตครอบครัวฉันกับสามีเริ่มมีปัญหาขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีปัญหาฉันก็ยิ่ง กิน เล่น เที่ยว วันนึงฉันได้พบกับผู้ชายคนนึงในวงเหล้า ฉันไม่รู้สึกถูกชะตาหรือพิเศษอะไรกับเขา มีแต่เพียงตัวเขาที่เป็นผู้ชายก็พยายามหยอด พูดเล่น เหมือนผู้ชายทั่วไปที่เจอกันในวงเหล้า ฉันก็บอกเขาว่าฉันมีครอบครัวแล้ว มีลูก 2คน เขาบอกกับฉันว่าเขารอฉันได้ รอให้ฉันเลิกกับสามี ฉันไม่ติดใจคำพูดอะไรของเขาเลย เพราะมันเป็นวันแรกที่เราได้เจอกัน ฉันขำๆมากกว่า หลังจากแยกย้ายกัน ฉันก็กลับบ้านตามปกติ ผู้ชายคนนั้นก็โทรมาหาฉัน โดยฉันไม่รู้ว่าเขาเอาเบอร์โทรของฉันมาจากที่ไหน เขาเป็นคนคุยสนุก เราคุยกันถูกคอ อาจจะเป็นเพราะฉันกับสามีของฉันมีช่องว่างระหว่างกันเยอะ ทำให้เขาเข้ามาง่ายๆ เขาสามารถโทรหาฉันได้ตลอดเวลา เราคุยกันจนฉันเริ่มรู้สึกหวั่นไหว และฉันเองที่เป็นคนก้าวเข้าไปในชีวิตเขา ฉันเริ่มไปหาเขาที่ห้อง เขาอยู่คนเดียว ซื้อเบียร์ ซื้อเหล้า นั่งกิน นั่งคุยกันหลายครั้ง จนเป็นความเคยชิน จนฉันแน่ใจแล้วว่า ฉันรักเขา ในที่สุดเราก็มีอะไรกัน ซึ่งก็เท่ากับว่า ฉันมีชู้ ฉันหายออกจากบ้านไปบ่อยๆ คอยโกหกสามีว่าไปทำงาน หรือไปทำธุระแต่คนเราความลับมันไม่มีในโลก สามีของฉันก็รู้เรื่องในที่สุด โดยที่เขาเห็นข้อความที่ฉันคุยกับชู้รักของรักทางเฟสบุ๊ค เขาไม่ได้แสดงออกว่าโกรธ ว่าโมโห หรือทำร้ายตบตีฉัน ฉันก็มีความรักลูกๆของฉันมาก ฉันจึงบอกสามีของฉันว่าฉันจะเลิกยุ่งกับเขาเด็ดขาด ซึ่งสามีของฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ปัจจุบันฉันสร้างครอบครัวกับสามีของฉันก็นับว่าจะสมบูรณ์แบบแล้ว มีบ้าน มีรถ มีลูกๆที่น่ารัก แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบแค่นั้น ปัจจุบันฉันกับผู้ชายคนนั้นก็ยังคบกันอยู่ แล้วฉันยิ่งแน่ใจว่าฉันรักเขามาก 5 ปีแล้วที่เราแอบคบกัน เขาเป็นฝ่ายรอฉันไปหา เมื่อฉันว่าง เราช่วยเหลือกันตลอด ฉันไปบ้านเขา เจอพ่อ แม่ เขา เจอเพื่อนเขา ซึ่งทุกคนก็จะทราบว่าเราเป็นเมียเขาที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ไม่มีใครรู้ว่าฉันมีครอบครัวอยู่แล้ว มาถึงวันนี้เขาถามฉันว่า 5 ปีที่คบกันมา ได้อะไรบ้าง อนาคตจะเป็นอย่างไร ฉันจุกอกกับคำถามของเขามาก แต่สิ่งที่อยู่ภายในใจของฉันที่ฉันคิดไว้ก็คือ ฉันจะอยู่กับสามีอีก 2 ปีเพื่อเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวให้ลูกๆของฉันโตพอที่จะมีเหตุ มีผล และรับรู้ว่าทำไมฉันถึงต้องตัดสินใจแบบนี้ ฉันไม่รู้หรอกว่าอีก 2 ปีที่จะถึง เขาจะรอฉันได้หรือเปล่า หรือจะมีตัวแปรอะไรเข้ามาภาใน 2 ปีนี้ ฉันตัดสินใจแล้วว่าอีก 2 ปีฉันจะไปร่วมสร้างครอบครัวกับเขาคนที่ฉันรัก ฉันเห็นแก่ตัวมากไปใช่ไหม ฉันจะทำอย่างไรดี
ฉันเลวมากไหม