ความไร้ธรรมาภิบาลของนักลงทุนจีนบางส่วน ที่มักง่ายไร้จริยธรรม ไปเช่าที่ในประเทศลาวปลูกสวนกล้วย แต่มีการใช้สารเคมีไร้ขีดจำกัด เพียงเพื่อหวังเก็บผลผลิตให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนในท้องถิ่น ที่จะเกิดขึ้นตามมา จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
กระทั่งล่าสุด นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีประเทศลาว ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2560 โดยระบุว่า รัฐบาลไม่อาจเมินเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว และเมื่อปีที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเช่าที่ดินเพื่อปลูกสวนกล้วยจากนักลงทุนจีนเด็ดขาด เพราะเกิดผลเสียตามมามากมาย เช่น ทำให้พื้นดินที่ใช้เพาะปลูกปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ไม่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นๆ ได้อีก หรือการที่ชาวบ้านเกิดปัญหาด้านสุขภาพ จากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และการเข้าไปทำงานในสวนกล้วย เพื่อแลกกับรายได้จากค่าเช่าเพียงเล็กน้อย
เมื่อเพื่อนบ้านประสบปัญหาเช่นนี้ นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา อ.เชียงของ จังหวัดเชียงราย จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้ในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงราย เช่น อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ อ.เชียงแสน กำลังประสบปัญหาจากนักลงทุนจีนมักง่ายเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อปีที่แล้วพบว่า ปลาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงตอนล่างสวนกล้วย ที่บ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น พบปลาแค้ยักษ์ขนาดน้ำหนักเกือบร้อยกิโลกรัม รวมทั้งสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ จู่ๆ ก็ลอยคอมาให้จับโดยง่าย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งคาดว่า น่าจะเกิดจากมีการปนเปื้อนสารเคมีจากสวนกล้วยของนักลงทุนจีน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาพบว่าสวนกล้วยของนักลงทุนจีนมีการใช้พื้นที่ติดแม่น้ำอิงเป็นที่เพาะปลูก จนทำให้เกิดปัญหาแย่งน้ำกับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังพบอีกด้วยว่า มีการขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับยังคงยินยอมให้มีการปลูกกล้วยหอมในลักษณะเดียวกับที่ปลูกในประเทศลาว ทั้งๆ ที่มีผลการตรวจสอบยืนยันออกมาแล้วด้วยว่า มีการใช้สารเคมีบางประเภทที่ประเทศไทยห้ามนำเข้าด้วยซ้ำไป
“ที่ผ่านมา มีชาวลาวหลายคนสอบถามมาที่ผมเสียด้วยซ้ำไปว่า เหตุใดรัฐบาลไทยจึงยังยินยอมให้มีการเช่าที่ปลูกสวนกล้วยหอมในลักษณะนี้ ซึ่งทางการลาวได้ประกาศห้ามไปแล้ว แต่เหตุใดในพื้นที่ จ.เชียงราย จึงยังปล่อยให้มีการทำในลักษณะนี้อยู่ หนำซ้ำ เรื่องนี้ยังเคยมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิฯ เพื่อให้ตรวจสอบ กระทั่งมีการลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วด้วย แต่ผ่านไปแล้วเกือบ 1 ปี กลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ออกมาเลย” นายสมเกียรติ กล่าว.
JJNY : ชีวิตดี๊ดี...ซี้จุกสูญ ลาวห้ามแล้ว! ไทยทำไมยังเฉย! ร่วมกระทุ้งรัฐ แบนจีนปลูกกล้วยโชกสารเคมี
กระทั่งล่าสุด นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีประเทศลาว ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2560 โดยระบุว่า รัฐบาลไม่อาจเมินเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว และเมื่อปีที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเช่าที่ดินเพื่อปลูกสวนกล้วยจากนักลงทุนจีนเด็ดขาด เพราะเกิดผลเสียตามมามากมาย เช่น ทำให้พื้นดินที่ใช้เพาะปลูกปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ไม่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นๆ ได้อีก หรือการที่ชาวบ้านเกิดปัญหาด้านสุขภาพ จากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และการเข้าไปทำงานในสวนกล้วย เพื่อแลกกับรายได้จากค่าเช่าเพียงเล็กน้อย
เมื่อเพื่อนบ้านประสบปัญหาเช่นนี้ นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา อ.เชียงของ จังหวัดเชียงราย จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้ในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงราย เช่น อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ อ.เชียงแสน กำลังประสบปัญหาจากนักลงทุนจีนมักง่ายเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อปีที่แล้วพบว่า ปลาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงตอนล่างสวนกล้วย ที่บ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น พบปลาแค้ยักษ์ขนาดน้ำหนักเกือบร้อยกิโลกรัม รวมทั้งสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ จู่ๆ ก็ลอยคอมาให้จับโดยง่าย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งคาดว่า น่าจะเกิดจากมีการปนเปื้อนสารเคมีจากสวนกล้วยของนักลงทุนจีน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาพบว่าสวนกล้วยของนักลงทุนจีนมีการใช้พื้นที่ติดแม่น้ำอิงเป็นที่เพาะปลูก จนทำให้เกิดปัญหาแย่งน้ำกับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังพบอีกด้วยว่า มีการขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับยังคงยินยอมให้มีการปลูกกล้วยหอมในลักษณะเดียวกับที่ปลูกในประเทศลาว ทั้งๆ ที่มีผลการตรวจสอบยืนยันออกมาแล้วด้วยว่า มีการใช้สารเคมีบางประเภทที่ประเทศไทยห้ามนำเข้าด้วยซ้ำไป
“ที่ผ่านมา มีชาวลาวหลายคนสอบถามมาที่ผมเสียด้วยซ้ำไปว่า เหตุใดรัฐบาลไทยจึงยังยินยอมให้มีการเช่าที่ปลูกสวนกล้วยหอมในลักษณะนี้ ซึ่งทางการลาวได้ประกาศห้ามไปแล้ว แต่เหตุใดในพื้นที่ จ.เชียงราย จึงยังปล่อยให้มีการทำในลักษณะนี้อยู่ หนำซ้ำ เรื่องนี้ยังเคยมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิฯ เพื่อให้ตรวจสอบ กระทั่งมีการลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วด้วย แต่ผ่านไปแล้วเกือบ 1 ปี กลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ออกมาเลย” นายสมเกียรติ กล่าว.