[CR] ที่...เกาะหลีเป๊ะ... มันมีอะไร ที่ทำให้เรานั้นต้องอยากไป



ทริปนี้เราไปดำน้ำดูปลา ดูปะการังที่เกาะหลีเป๊ะกันค่ะ วันที่ 6-8 พ.ค. 60 เริ่มต้นการเดินทางเลยเนาะ เพี้ยนออกทริป

เราได้ไฟลท์บินเจ้าที่ถูกที่สุด ณ ตอนนั้นที่จองของนกแอร์ ดอนเมือง-หาดใหญ่ จองล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนมั้ง ไป-กลับคนละ 2,000 บาท รวมภาษีแล้ว

เราซื้อแพคเกจทัวร์ของ อัพทูยู คนละ 3,990 บาท รวมค่ารถรับ-ส่ง จากสนามบินถึงท่าเรือ ค่าที่พัก 2 คืน ค่าสปีดโบ๊ท จากท่าเรือไปเกาะ ค่าดำน้ำ 1 วัน
ไปถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 7.30 น. ก็มีคนขับรถตู้โทรมาบอกให้ไปรอตรงจุดนัดหมาย ระหว่างที่รอรถมารับ ส่วนใหญ่คนที่ลงเครื่องมาก็มุ่งหน้าไปเกาะหลีเป๊ะกันทั้งนั้นเลย เพราะมีรถตู้จากบริษัทฯ ทัวร์ต่างๆ วิ่งมารับน่าจะเกือบๆ 10 คัน เรานั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไปท่าเรือปากบารา คนขับบอกว่าใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

พอนั่งมาได้ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ รถก็จอดแวะที่หน้าร้านขายของชำในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง คนขับบอกว่าให้ซื้อของกินของใช้จากร้านนี้ได้เลย เพราะบนเกาะของจะแพง พ่อเราถามคนขับว่าแถวๆ ท่าเรือไม่มีเซเว่นหรอ คนขับบอกว่ามีแต่ต้องเดินไกล เราก็เลยซื้อพวกมาม่าคัพ น้ำ กะขนมเล็กน้อย (แต่พอไปถึงท่าเรือจริงๆ แล้ว เซเว่นอยู่ไม่ไกลเลยนะ _ _”)

นั่งรถต่อไปอีกประมาณ 40 นาที ก็ถึงท่าเรือปากบารา คนขับรถก็พาเราไปรับบัตรคิวขึ้นเรือ เราได้เรือชื่อว่า บันดาหยา ได้เรือรอบ 11 โมง พวกกระเป๋าสัมภาระต่างๆ เค้าให้กองรวมกันไว้ เค้าจะไปโหลดไว้ใต้ที่นั่งบนเรือให้ ระหว่างนั้นเราก็ไปเดินหาข้าวกินกันซะหน่อย เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย _ _”

จากตรงจุดรับตั๋วเรือ ก็เดินข้ามฝั่งมาเข้าสู่ท่าเรือ ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าท่าเรือคนละ 20 บาท ระหว่างทางก็มีขนมของฝาก แล้วก็รูปถ่ายที่แปะใส่จานวางขายอยู่ เดินเข้ามาที่ท่าเรือก็มีคนรอเยอะอยู่พอสมควร ส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย ยุโรป แล้วก็มีคนจีนบ้างไม่เยอะมาก รอเรือเข้ามารับอยู่สักพัก เกือบๆ เที่ยง เค้าจะเรียกขึ้นเรือตามคิวลำละประมาณ 40 คน ลำที่เราขึ้นมีต่างชาติอยู่ 5 คน นอกนั้นก็คนไทยทั้งลำเลย มาจากเชียงใหม่ก็ปาเข้าไปครึ่งลำ (รู้เพราะได้ยินเค้าคุยกันเป็นภาษาเหนือ พ่อเราเลยเข้าไปทักทายเพราะคนบ้านเดียวกัน ^^)

จากท่าเรือไปถึงเกาะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ซึ่งระหว่างทางจะแวะให้อยู่ 2 จุด นั่งมาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงจุดแรก คือ เกาะตะรุเตามั้ง ก็แวะให้ถ่ายรูปประมาณ 15 นาที เป็นแค่จุดชมวิว ไม่ค่อยมีไรมาก เป็นชายหาดมีป้ายติดว่าห้ามลงเล่นน้ำด้วย น่าจะเพราะเป็นจุดที่มีเรือวิ่งเข้าออกตลอดมั้ง ก่อนเดินเข้าไปต้องซื้อบัตรสำหรับเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท เค้าบอกว่าบัตรนี้ต้องติดตัวเราตลอดเวลาอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ เพราะไม่ว่าจะไปเกาะไหนเค้าก็จะถามหาบัตร ถ้าไม่มีก็ต้องซื้อใหม่

นั่งเรือต่อมาอีกประมาณ 20 นาที ก็มาแวะจุดที่ 2 คือ เกาะไข่ ที่มีซุ้มอุโมงค์ให้คู่รักไปเดินรอด แต่เราไม่ได้เดินไป เพราะแค่ลงจากเรือเดินขึ้นหาดมาก็ต้องสะดุ้งกับแสดงแดดที่แผดเผา อีกทั้งมองไปคนก็เยอะด้วย เลยเดินเล่นอยู่ใกล้ๆ เรือ

นั่งเรือต่อไปอีกประมาณ 40 นาที ก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะละค่ะ พอลงจากเรือรอรับของ ที่พักต่างๆ เค้าก็จะมีเจ้าหน้าที่มารอรับ ส่วนของเราพักที่ ศลิษา รีสอร์ท ตามที่ทัวร์แจ้งไว้คือเราต้องหาเรือหางยาวหรือแท็กซี่ต่อไปที่พักเอาเอง เราก็มองหาเรือหางยาวก็มีเรือมาจอดอยู่เต็มเลย แต่ส่วนใหญ่เค้ามาส่งคน ไม่ได้มารับคน เราเลยไม่กล้าเดินไปขึ้น ก็เลยถามคนแถวนั้นเค้าเลยบอกให้เดินเข้าซอยวอร์คกิ้งไป จะเจอแท็กซี่ใกล้ๆ เซเว่น แท็กซี่ที่นี่จะเป็นรถมอไซค์พ่วงข้างค่ะ ค่าบริการคนละ 50 บาท จากวอร์คกิ้งไปที่พักก็ดูเหมือนไม่ไกลมาก แต่ถ้าเดินก็น่าจะเหนื่อยพอสมควร ช่วงนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาเลย เพราะถือของ แล้วแดดก็ร้อนเลยรีบเดิน รีบขึ้นรถ

แล้วก็มาถึงที่พักของเราค่ะ ศลิษา รีสอร์ท เป็นที่พักติดชายหาด ไปถึงปุ๊บเจ้าหน้าที่ก็ต้อนรับด้วยการเอาน้ำอัญชันมะนาวมาให้ดื่มคนละแก้วเล็กๆ พอให้ได้ชื่นใจ ที่หาดนี่น้ำใสมากค่ะ เดินลงไปนิดเดียวก็มองเห็นปลาตัวเล็กๆ แล้วก็จะมีกอปะการังอยู่ไม่ไกลมาก แต่น้ำลึกขาเหยียบไม่ถึงพื้น ต้องดำน้ำไปดูน่าจะเห็นปลาเยอะอยู่ค่ะ เราว่ายน้ำไปไม่เป็น เลยได้แค่พายเรือคายัคไปวนดูรอบๆ ยังมองเห็นปลาเลย แต่เราไม่ชอบอย่างนึงคือมันจะมีเรือมาจอดอยู่ตรงนี้ตามรูป เวลามีเรือเข้าออกเล่นน้ำอยู่ก็ต้องระวัง แล้วก็เวลาเค้าติดเครื่องเรือก็จะเหม็นควันเหม็นน้ำมัน เลยเล่นน้ำไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่

พอเล่นน้ำกันได้สักพักก็เริ่มหิวค่ะ เลยคิดว่าจะลองเดินไปวอร์คกิ้งสตรีทดู ถ้าเหนื่อยหรือไปไม่ถึงก็แวะหาข้าวกินตามข้างทางก็ได้ เพราะตอนที่นั่งแท็กซี่มาก็เห็นมีร้านอาหารอยู่บ้าง

อาบน้ำเสร็จก็ออกเดินทางค่ะ ก็เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เดินออกมาเป็นกลุ่ม 2 กลุ่ม คาดว่าน่าจะไปวอร์คกิ้งเหมือนกัน เลยคิดว่ามันไม่น่าจะไกลมาก เดินไปเรื่อยๆ ประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงทางเข้าแล้วค่ะ คือที่แท็กซี่พามาน่าจะเป็นทางอ้อมสำหรับรถวิ่งมันเลยดูไกล เราก็เดินเล่นทะลุออกไปอีกฝั่ง เป็นหาดที่ลงเรือมาตอนแรก แล้วก็เดินกลับมาหาข้าวกิน เสร็จแล้วก็กลับที่พัก

เช้ามาวันที่สอง ก็ไปกินอาหารเช้าตรงล็อบบี้รีสอร์ท แล้วก็ไปเตรียมตัวออกไปดำน้ำ ตามโปรแกรมจะพาไปแวะ 6 ที่ ตอนออกไปนี่แดดเปรี้ยงมากค่ะ แต่พอใกล้ๆ ถึงจุดที่ 1 เมฆเริ่มครึ้มมาละ พอลงน้ำเท่านั้นแหละ ฝนก็ตกลงมา แต่ไม่หนักมาก พอปรอยๆ ให้เย็นๆ จุดที่ 2 หาดหินงามค่ะ หาดนี้เรียกถามหาบัตรเข้าอุทยานด้วย ไปดำน้ำก็ต้องพกบัตรไปนะคะ หินดำเงาสวยงามมากค่ะ แต่ฟ้ามันครึ้มๆ ฝนจะตก แดดไม่มี เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะ ถ้าแดดจ้าๆ กระทบกับหินและน้ำทะเล น่าจะสวยงามทีเดียว พอไปดำน้ำจุดที่ 3 ฝนก็ตกลงมาหนักเลยค่ะ ดำน้ำมองไม่ค่อยเห็นอะไรเลย เพราะน้ำมันขุ่น ก็เลยขึ้นเรือต่อไปจุดที่ 4 เป็นหาดทรายขาวๆ แวะพักกินข้าวกล่องกันที่นี่ ตอนนั้นแดดเริ่มออกละ เสร็จแล้วก็ไปดำต่ออีก 2 จุด เวลาแดดออกแรงๆ จะเห็นแสงแดดกระทบกับน้ำและปะการังด้านล่างสวยงามมากค่ะ เรารวมรูปใต้ทะเลไว้ทีเดียวเลยเนาะ ก็จะมีรูปที่เราถ่ายเองบ้าง ละก็เอาจากจากกล้องของพี่คนขับเรือบ้าง พี่เค้าจะดำลงไปใต้น้ำลึก ไปซูมปะการังกับปลานีโม่มาให้ค่ะ พอดีกล้องกันน้ำเราพังกลางทะเลซะงั้น เลยได้รูปมานิดเดียวเอง เสียดายมากกก แต่ก็ดูด้วยตาและเก็บความสวยงามไว้ในความทรงจำ ^^

ดำน้ำเสร็จกลับมาที่พักก็ประมาณบ่ายสองกว่าๆ ก็อาบน้ำแล้วก็นอนพักกันค่ะ รู้สึกว่าเหนื่อยเพลียมากๆ ตอนเย็นๆ ก็ออกไปเดินเล่นที่วอร์คกิ้งแล้วก็หาข้าวกินอีก เช้ามาก็เช็คเอ้าท์ออกตอน 10 โมงค่ะ เพราะเราต้องขึ้นเรือกลับตอน 11 โมง รู้สึกว่ายังไม่อยากกลับเลยย ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาอีกค่ะ เรารวมรูปวิวอื่นๆ ไว้ข้างล่างนี้นะ

...ลาไปด้วยเจ้าปูเสฉวนตัวน้อย... พาพันดี๊ด๊า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ นานาขอบคุณ
ชื่อสินค้า:   เกาะหลีเป๊ะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่