เมื่อร่างกายต้องการทะเล เราเลยต้องเซมาที่ "หลีเป๊ะ" ค่ะ
“เกาะหลีเป๊ะ” เป็นทริปการรอคอยอันยาวนานของเรามากๆ เลยค่ะ วางแผนว่าจะมาดำน้ำดูปะการังที่นี่ตั้งแต่ก่อนโควิด
เตรียมพร้อมอย่างดี และมีการจองที่พัก เที่ยวบิน และทริปทัวร์ไว้อย่างครบถ้วน แต่ทุกอย่างก็ต้องยกเลิกลง ยังดีเงินที่จองไว้เค้าคืนให้หมด
รวมถึงตั๋วเครื่องบินที่ทางสายการบินได้ Hold ไว้ได้ถึง 2 ปี (ดีใจดีไหม)
และในปีนี้ (2022) โควิดก็มีแนวโน้มดีขึ้น เราจึงมีโอกาสได้มาเที่ยวตามแผนที่วางไว้สักที
ว่ากันว่าเกาะหลีเป๊ะนั้น เป็นเกาะที่สวยงามเกาะนึง เป็นสวรรค์ของเกาะอันดามัน หรือที่หลายๆ คนเรียกว่ามัลดีฟเมืองไทย
เพราะมีประการังที่มีความสมบูรณ์ มีสีสันสดใสโดยเฉพาะประการัง 7 สี เป็นที่โปรดปรานของนักดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกกันเลยนะ
(แต่เรามาดำน้ำตื้นนะ) เราเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย จากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินหาดใหญ่
และโบกรถสองแถวเข้าไปยังในเมือง (ตลาดกินหยง) คนละ 40 บาท
หลังจากลงรถสองแถวแล้วเราก็มองหาโรงแรมที่เราได้จองไว้ “Golden Crown Grand Hotel” (ใช้โปรของเราเที่ยวด้วยกัน)
เราเลือกที่นี่เพราะไม่ไกลจากตลาดกิมหยง อยู่บริเวณใจกลางเมืองของกินเพียบ และก็สะดวกที่รถตู้จะมารับเรา
เราพักที่นี่คืนเดียว ห้องพักที่นี่ก็ดูสะอาดกว้างขวางและเรียบร้อยดี ราคาไม่แพงคืนละ 594 บาท (ราคาโปร) รวมอาหารเช้าด้วยนะ
เราเช็คอินเก็บของและพักผ่อนสักครู่ จากนั้นก็ออกมาหากาแฟทานกัน และตั้งใจจะมาทาน “ไก่ทอดหาดใหญ่ และ "ชาชัก" กินให้ปากมันกันไปเลย
ฟ้ายังสว่างอยู่ กินเสร็จก็มาเดินเล่นที่ “วัดฉื่อฉาง” ไม่ไกลจากตลาดกิมหยง และโรงแรมของเรา
ใครที่ไปเที่ยวหาดใหญ่แวะมาสักการะและขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลได้ทุกวัน
ส่วนเราสองคนก็จะเดินเล่นถ่ายรูปวัดนี้ และถนนรอบๆ เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวหาดใหญ่ รวมถึงช๊อปปิ้งของฝากกรุบกริบ
ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปท่าเรือปากบาราในวันรุ่งขึ้นค่ะ....
เช้าวันที่ 2 แล้วนะ...วันนี้เราจะนั่งรถไปท่าเรือปากบารากันคะ ซึ่งเราได้ซื้อตั๋วรถรับ-ส่งไปกลับ, ค่าเรือไปกลับ และทริปดำน้ำเกาะนอกเกาะใน
(One Day Trip) ไว้เรียบร้อยกับเที่ยวสนุกทัวร์ค่ะ ส่วนที่พักนั้นเราจองเองค่ะ ซึ่งที่นี่เค้าก็มีบริการทุกอย่างทั้งที่พัก+ทริปดำน้ำ
ราคาก็แปรผันตามราคาที่พักแหละ เลือกได้หลากหลายอยากนอนสบายขนาดไหนก็ตามใจชอบกันเลย
หรือจะเลือกเฉพาะทริปดำน้ำอย่างเดียวก็ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
กอ่นเดินทางคนขับรถตู้จะโทรมานัดเราก่อนล่วงหน้า 1 วันคอนเฟิร์มวันเวลาสถานที่ค่ะ เค้าก็มารับเราเป็นคู่แรกหน้าโรงแรมเลย
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อย พี่เค้าก็มารอพอดีเลย ประมาณ 8 โมงเช้าค่ะ รถตู้กว้างขวางนั่งสบาย
นั่งยาวๆ ไปประมาณ 2 ชม ก็จะถึงท่าเรือปากบาราค่ะ ก่อนไปท่าเรือเราจะไปแวะรับตั๋วก่อนนะ
เป็นส่วนบริการของ “เที่ยวสนุกทัวร์” เราก็ยื่นเอกสารการจองกับเจ้าหน้าที่แล้วเค้าก็จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตั๋วการรับตั๋ว
พร้อมวันเวลาขากลับด้วย... ก็สะดวกดีนะ หลังจากผ่านด่านตรวจประวัติการฉีดวัคซีนแล้ว เราก็เดินเข้ามาด้านในนะคะ
เพื่อซื้อตั๋วค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 60 บาท และเดินเข้าไปรอลงเรือด้านในบริเวณทางออกประตู 1 ค่ะ
วันที่เรามานี้ คนเยอะมากๆ เลยค่ะ แดดก็ร้อนมากด้วย ครีมกันแดด/แว่น เตรียมมาให้พร้อมนะ
นั่งเรือมาไม่นานนักเราก็จะมาถึงสถานที่แรกนั่นก็คือ “เกาะตะรุเตา” หรืออ่าวพันเตมะละกา เกาะตะรุเตา สตูล
ที่มีชายหาดยาวขาวสะอาด เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา นอกจากนี้ยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ซึ่งอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของเกาะตะรุเตา ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามด้วยนะ
เราต้องสแกนอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตาค่ะ
และวันที่เรามาคนเยอะพอสมควร กว่าจะได้ภาพคู่ก็กดชัตเตอร์ไปหลายครั้ง มุมมหาชนที่ทุกคนต้องแย่ง
จากนั้นเราก็กลับมาที่ยังเรือลำเดิม เพื่อนั่งเรือไปยัง "เกาะไข่" (ตามแผน)
แต่เราไม่ได้ไปตามแผนเพราะเรือไม่จอด คนในเรือก็ไม่อยากลง ถือว่าเสียใจมากเลย เพราะเกาะไข่ถือเป็นไฮไลท์ของจังหวัดสตูล
ใครไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึง (สงสัยได้มาใหม่อีกรอบ) โถ่...ซุ้มหินรักนิรันดร์ของฉ้านนน..
จากเกาะไข่เรือก็พาเรามาส่งที่เกาะหลีเป๊ะ ใกล้เคียงกับกำหนดเวลาเรือจะทยอยส่งผู้โดยสารตามจุดที่ใกล้กับที่พัก
โดยจะแวะลงที่หาดซันไรส์ก่อน และไปส่งที่หาดพัทยาเป็นจุดที่สอง แต่ที่พักเราสามารถเดินไปได้จากจุดจอดเรือที่หาดซันไรด์เราเลยขอลงที่นี่
และเดินไปเรื่อยๆ เพราะใกล้กว่า แดดกำลังแรงพอดีเลย 555++
เราจองที่พักกับทัวร์ของเที่ยวสนุกเลย เพื่อความสะดวกซึ่งก็แพงกว่าจองเองด้วยนะ แต่ก็ไม่เป็นไรเอาสะดวก
ข้อเสียของที่พักเรานั้นไม่มีอาหารเลยค่ะทั้งเช้าและเย็น แต่ที่นี่เค้ามีลักษณะไม่เหมือนที่อื่น รูปแบบของที่พักสวยงาม
ที่นี่คือ “CASTAWAY” ค่ะ ใช่ค่ะชื่อเดียวกับหนังเลยค่ะ “เหมือนติดเกาะ” มาสัมผัสชีวิตติดเกาะกันเลยจ้า..
หลักจากเช็คอินเก็บของเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกมาหามื้อเย็นทานกันค่ะ
ที่ Castaway เค้ามีทางออกด้านหลัง สามารถเดินทะลุไปทางหาดพัทยาได้ จริงๆ แล้วเกาะหลีเป๊ะสามารถเดินทะลุกันได้
หรือถ้าไม่อยากเดินที่นี่เค้าก็มีบริการรถพ่วง หรือมอเตอไซด์รับจ้าง ประมาณ 50 บาท/คน เราเลือกเดินค่ะ
เดินไปทางถนนคนเดิน แต่เรามาบ่ายกว่าๆ เลยยังไม่มีร้านอะไรมากนัก แต่ก็พอมีร้านอาหารตามสั่ง ว่ากันว่าที่นี่มีชาชัก และโรตีอันแสนอร่อย
แต่จะบอกว่ายังไม่โดนเลย สู้ชาชักที่หาดใหญ่ไม่ได้ โรตีนั้นก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าตามรอยรีวิวผิดที่หรือป่าว กินไป 2 ร้านไม่ได้เรื่องเลย เลิกค่ะ
เราเดินเล่น+ถ่ายรูป และนั่งชิลล์ๆ ริมหาด ก่อนจะออกไปหามื้อเย็นทานกันที่ถนนคนเดินอีกรอบ
เดินชมบรรยากาศไปจนสุดถนนคนเดิน ก็มาทะลุหาดพัทยา และก็โชคดีมากตอนที่เราเดินมานั้น
เจอการแสดงควงกระบองไฟริมชายหาดพอดี เลยได้นั่งชมอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินย้อนกลับไปกินไอติมโฮมเมท และพิซซ่าร้านดังที่เค้ารีวิวกัน
เป็นพิซซ่าเตาถ่าน ชื่อร้านว่า "Paolo Italian Pizza koh lipe" กินตอนออกมาร้อน ๆ มันอร่อยดีนะ ราคาก็ไม่แพง 100 บาทเท่านั้น
อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ วันที่ 3 ของทริปนี้ เป็นวันที่เราจะได้ไปดำน้ำดูประการังกันค่ะ
แต่ขอตื่นเช้ามาชมบรรยากาศความงามของพระอาทิตย์ขึ้นกันก่อน
เดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ จากหน้าที่พักไปจนสุดหาด และก็เดินกลับมา ตอนเช้ามีพระมาเดินบิณฑบาตหน้าหาดด้วย ดี๊ดี..
เราเดินเล่นสักพักก็กลับไปเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ดำน้ำ และรอเรือที่จะมารับเราหน้าหาด ประมาณ 8 โมงเช้า
วันนี้เราจะไปดำน้ำทั้งเกาะนอก และเกาะใน รวม 7 จุดค่ะ
กัปตันเรือโทรมาบอกว่าจะมารับเราหน้าที่พัก ไม่ต้องไปรอที่หาดพัทยาตามที่เค้าได้แจ้งไว้แต่แรก ถือว่าโชคดีไป
และพี่เค้าจะแวะรับสมาชิกร่วมทริปเดียวกับเราที่หน้าหาดพัทยาอีก 1 คน กลายเป็นทริปส่วนตัวไปเลย
ซึ่งโดยปกติแล้วเรือหางยาวจะรับคนได้ประมาณ 5 - 6 คน/ทริป เราจึงได้เพื่อนเพื่อนร่วมทางเพิ่ม 1 คน
จุดชมวิวจุดแรกของเราคือ "เกาะหินซ้อน" ค่ะ แต่นี่ยังไม่ใช่จุดดำน้ำนะ เค้าพามาชมความงามของหินซ้อนเฉย ๆ จ๊ะ
จุดต่อไปพี่กัปตันเรือของเรา พามาดำน้ำกันอีก 2 จุดที่ “เกาะอาดัง" และ "เกาะราวี”
จากนั้นไปต่อกันที่ "เกาะรอกลอย" เกาะเล็กๆ ในหมู่เกาะดง ห่างจากเกาะอาดังราว 1 ชั่วโมง
มีหาดทรายสีขาวเนียนสั้นๆ ตัดกับน้ำทะเลสีเขียวอ่อน ซึ่งจะเห็นสีได้ชัดในวันที่แดดจัดมากๆ จนทะเลแห่งนี้ได้รับสมญานามว่า “ทะเลหยก”
จากเกาะรอกลอย กัปตันพาเรามานั่งพักทานอาหารเที่ยงกันที่ “เกาะราวี” คู่แฝดเกาะอาดังมีแหล่งน้ำหลายแห่ง และยังมีสัตว์ป่าด้วย
เราแอบเห็นนางอายบนต้นไม้หลายตัว ที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ โดยที่นี่จะมีร้านอาหารสวัสดิการ รวมถึงห้องน้ำ และพื้นที่สำหรับล้างตัวด้วย
ที่นี่แม้แดดจะแรงแต่ลมก็พัดเย็นสบายจนอยากจะล้มตัวลงนอนเลยหละ แต่เราจะหลับไม่ได้เพราะเราจะไปยัง "เกาะหินงาม" กันต่อ
และจากนั้น เราก็จะไปดำน้ำกันต่อที่ "ร่องน้ำจาบัง" ไฮท์ไลท์ของทริป เพราะที่นี่มีปะการัง 7 สี
โชคดีด้วยที่คลื่นใต้น้ำไม่แรง จึงทำให้เราเห็นปะการังสีสวยอย่างที่ตั้งใจ
ดำน้ำเสร็จก็กลับมาที่พัก อาบน้ำ และออกไปหามื้อเย็นแบบซีฟู๊ดทานกันที่ถนนคนเดินสักหน่อย
หลังจากถ่ายภาพความประทับใจเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงเรือมายังท่าเรือปากบารา โดยมีฝนไล่หลังมาแบบติดๆ
และนั่งรถตู้ไปยังสนามบินด้วยเวลาแบบเหลือๆ จบทริปดำน้ำดูปะการังด้วยงบ ประมาณ 17,000 บาท (2 คน ไม่รวมของฝาก)
คราวหน้าเราจะพักที่หาดอื่นกันบ้าง และหวังว่าเราจะได้กินโรตีอร่อยๆ กว่านี้
[CR] หนีร้อน..มานอนเกาะ "หลีเป๊ะ"
คราวหน้าเราจะพักที่หาดอื่นกันบ้าง และหวังว่าเราจะได้กินโรตีอร่อยๆ กว่านี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้