จากเมื่อปีที่แล้ว ที่ได้ไปดำน้ำ ที่ ตรัง กับ มดตะนอย รีสอร์ท ซึ่งทำให้เริ่มชอบการดำน้ำ มาปีนี้เลยขอดำอีกสักปีแล้วกัน แต่ขอเปลี่ยนสถานที่เป็น หลีเป๊ะ แล้วกัน .. ผมเคยไปดำน้ำที่หลีเป๊ะมาครั้งนึงแล้ว เมื่อ 14 ปีก่อน มาดูกันว่า ผ่านไป 14 ปี หลีเป๊ะ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ
ผมซื้อเป็นแพคเกจ กับ บันดาหยา วิลล่า นะครับ ห้อง Beach Front รวมดำน้ำ รถรับส่ง และอาหารทุกมื้อ 3 วัน 2 คืน รวม 20,790 บาท
13 เมษายน 2566 .. เจอดีตั้งแต่ออกจากบ้านเลย
เนื่องจาก ผมบินไฟล์ทเช้าสุด คือ 6.30 น. กับ Air Asia ที่สนามบินดอนเมือง ดังนั้น เลทสุดไม่น่าเกิน ตี 5 ผมควรจะต้องถึงสนามบินแล้ว จะให้ดี ควรจะตี 4 ครึ่งด้วยซ้ำ เพราะคนน่าจะเยอะ
วันที่ 12 ผมลางานครึ่งวันบ่ายเพื่อกลับมาพักที่บ้านย่านเตาปูน พร้อมกับจอง Grab ไว้ล่วงหน้า เมื่อระบบหาคนขับได้ ผมก็โทรคอนเฟิร์ม .. โทร.ไปคนขับก็งงๆ (แล้วกดรับมาได้ไงนะ ???) พร้อมกับบอกว่า โอเค ใกล้ๆกับที่เค้าอยู่ .. โอเค สบายใจ
2.30 น. ผมตื่นนอน กด App ดู ยังไม่ถูกยกเลิก
3.00น. อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย กดดูว่าถึงไหนแล้ว อ้าวว เฮ้ยยย App ขึ้นว่า กำลังหาคนขับใหม่ ... เฮ้อออ
บอกแฟนว่า คงต้องเดินไปรอรถหน้าปากซอยละ ระหว่างเดินก็กดดู App เรื่อยๆ สักพักก็มีคนกดรับงาน จัดการโทรเฟิร์ม โอเค เรียบร้อย รอกันหน้า สน.เตาปูน นี่แหละ ได้ขึ้นรถตอน 3.30น. ตามแผนเป๊ะ
ค่า Grab 231 บาท
ค่าโทลเวย์ 80 บาท (จะได้ไม่ต้องเสียเวลาติดขึ้นสะพานข้างล่าง)
4.00น. ถึงสนามบินดอนเมือง พอดี
จัดการ check in มาเรียบร้อย เปิด App ให้เค้าดู พร้อมบัตรประชาชน ก็เดินผ่านเข้ามาสบายๆ แวะหาของรองท้องนิดนึง เช้ามืด มีแค่ Mc ที่เปิดก่อน เลยไม่มีทางเลือก
จัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปหลับรอ ที่ Gate 54 มีจุดเสียบ USB / ปลั๊กไฟ เยอะดีครับ แต่ชาร์จได้ค่อนข้างช้าครับ (เมื่อคืนเสียบก่อนนอนแล้วนะ แต่ดันสายไม่สุด ไฟเลยไม่เข้า Ipad)
5.50น. จนท. ก็เรียกเข้าแถว ตาม Zone ซึ่งป้ายก็บอกแถว ผมก็จำได้แต่ ของตัวเอง แถว 20 ดังนั้นก็ยืนรอคนแรกเลยที่ Zone 3 ... พอเรียก Zone 3 เดินเข้าไป จนท. ก็บอกว่า จริงๆของผม Zone 1 นะ ก้มลงดู e-boarding อ้าวว เค้าเขียน Zone 1 จริงๆด้วย ... บ้านนอก นานๆขึ้นเครื่องทีก็งี้แหละ
ได้ที่นั่ง ตรงประตูฉุกเฉินพอดี เนื้อที่วางเท้าก็จะเยอะเป็นพิเศษ แต่ห้ามวางสัมภาระเลย ดังนั้น กระเป๋ากล้องก็ต้องเก็บด้านบน
วิวยอดนิยม ที่คนชอบถ่ายกัน ..
ต่อรถตู้ ..
รอบนี้เครื่องบินใหม่ Airbus A321 Neo ออกตามเวลา แต่ถึงก่อนเวลาด้วยแฮะ นัดรถตู้ไว้ 8.30น. ก็เลยมารอกันตรงทางออก
ตำแหน่งที่นั่งรถตู้ ที่ดีที่สุด สำหรับผม คือ เบาะแถวสอง (ไม่นับแถวคนขับนะ) เพราะอยู่กลางๆช่วงล้อหน้ากับหลังพอดี ที่จริงแถวหน้าก็ได้ แต่แถวหน้าจะยืดขาไม่ได้ .. ติดคอนโซลครับ ส่วนแถวที่นรก คือ แถวสาม หลังสุด นี่แหละ ถ้ารถเดิมๆ Commuter นี่ มีจุกแน่นอน
ทานเที่ยงกัน ..
ใช้เวลาราวๆ 2 ช.ม.เศษ ก็ถึง ท่าเรือ ปากบารา แล้วครับ (รถเยอะมาก) ลงรถมา เดินไปที่ office บันดาหยา ไกด์ก็รอรับเราอยู่แล้ว จัดการติด Tag สัมภาระ แล้วพาเราไปทานข้าวกัน (รวมในแพคเกจ)
อาหารง่ายๆ แต่รสชาติใช้ได้นะครับ
ตบท้ายด้วยโรตี
อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา
อิ่มกันแล้ว ก็เดินไปที่ท่าเรือกันได้เลย คนล้านแปด รอสักพักใหญ่ๆ ก็ได้ขึ้นเรือครับ ไกด์จัดการจองที่ให้เราเรียบร้อย ตำแหน่งหน้าสุดคู่กับกัปตันล่ะครับ
เรือเดินทางสักชั่วโมงเศษ ก็แวะที่เกาะตะรุเตา ครับ ..
อดีตเป็นคุกเก่า
ปัจจุบัน เป็นจุดจอดแวะขาไป ของเรือที่ไปหลีเป๊ะ แวะเข้าห้องน้ำ หาของทาน นั่งรับลม
เกาะไข่
ต่ออีก 30 นาทีครับ ถึงละ ที่เกาะไข่ ไม่มีท่าเรือ เรือจะจอดริมหาด ดังนั้น ต้องใส่รองเท้าที่ลุยน้ำได้ กับ กางเกงขาสั้นนะครับ
มุมยอดนิยม กับ คนมหาศาล อย่าหวังจะได้ภาพสวยๆเลย
เกาะนี้ เรือจอดแป้บเดียวครับ ไกด์บอกไม่มีอะไร ร้อน มดตะนอยเยอะ ไปดีกว่า
บันดาหยา วิลล่า
14.30น. เรือก็จอดหน้ารีสอร์ทบันดาหยา ละ
แอบตกใจเล็กน้อย กับ หาดพัทยา ที่กลายสภาพเป็นที่จอดเรือ มีเรือเยอะแยะเต็มไปหมด น้ำแม้จะยังใส แต่มันไม่ใส่เท่า 14 ปีก่อนแฮะ
ตอนนั้นที่มา มีแต่ บันดาหยา รีสอร์ท .. แต่รอบนี้สร้าง บันดาหยา วิลล่า เพิ่มเข้ามาครับ อยู่ติดๆกันแหละ นัยว่า หรูหรากว่า
เข้าห้องดีกว่า ..
มุมจากหน้าห้องพัก .. (ห้องหน้าสุด จะเป็นห้อง Honey Moon ครับ)
มาดูภายในห้องกัน สวยไม่หยอก มีที่อาบน้ำแบบ out door ด้วย .. อีกเรื่องที่ชม ก็คือ พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ห้องเย็นเฉียบ เปิดแอร์รอเลย แล้วเค้าก็เสียบ keycard คาห้องไว้เลย ดังนั้น มีไฟใช้ยาวๆครับ เพราะการล็อคห้องใช้กุญแจตามปกติ ไม่ต้องถือ keycard ออกมาให้ไฟดับ (แต่ตอนออกไปดำน้ำ ผมก็ปิดไฟ ปิดแอร์ ทั้งหมดนะ)
อาบน้ำเรียบร้อย ก็ สลบยาว สลบจากการตื่นตี 2 ครึ่งนี่แหละ
ร่องเรือชมพระอาทิตย์ตก
พอดีเห็นโฆษณาเด้งขึ้นมาใน FB ของบันดาหยาว่า มีบริการร่องเรือชมพระอาทิตย์ตกด้วย เลยจองไปหัวละ 890 บาท พร้อมของว่างเครื่องดื่มนิดหน่อย เลยจัดไป
นัดไป 16.30น. ที่ “บันดาหยารีสอร์ท” ครับ เดี๋ยวจะมีไกด์ พาขึ้นเรือเล็ก เพื่อไปเปลี่ยนขึ้น เรือไม้ ลำใหญ่อีกทีครับ
ก่อนขึ้นเรือใหญ่ เค้าจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุง แล้วหิ้วขึ้นไปวางบนเรือใหญ่ครับ เดินบนเรือใหญ่ ไม่ต้องใส่รองเท้า บนเรือจะมี 2 ชั้น ขึ้นไปก็จะเจอกับ Welcome Drink ก่อนเลย
พอดีขึ้นมาคนแรกๆ เลยถ่ายรูปสบายหน่อย .. ไปดูชั้นสองกัน
สรุปแล้วก็ .. มานั่งรับลมบนชั้น 2 นี่แหละ อย่างฟิน
เรือจะวิ่งวนรอบๆเกาะหลีเป๊ะ ไปเรื่อยๆ มีไกด์อธิบายเป็นช่วงๆพร้อมเสิร์ฟของว่างนิดๆหน่อย พอสัก 18.30น. พระอาทิตย์ก็เริ่มตก แต่เสียดาย ตกได้แค่นั้น จากนั้นก็หายไปในเมฆ ไม่เห็นลงไปในน้ำครับ
จากนั้น เรือก็วนกลับ เพื่อมาต่อเรือเล็ก กลับถึงฝั่ง ประมาณทุ่มเศษๆครับ ลงเรือเล็กมา ไกด์ก็ยืนรอเรียบร้อยแล้วครับ (ลืมบอก ก่อนไปดูพระอาทิตย์ตก จัดการแจ้งไกด์ จองโต๊ะริม ไว้เรียบร้อย)
อาหารเย็น 4 อย่าง เรื่องความสดหายห่วง ตบท้ายด้วยผลไม้อีกจาน จุกกันไปข้างนึงล่ะครับ
Walking Street
รีสอร์ทที่เราพักตั้งอยู่บนหาดพัทยา ก็เลยจะคึกคักหน่อย มีดนตรีต่างๆ ห่างจากรีสอร์ทสัก 200 เมตร ก็จะเป็นถนนคนเดินแหละ เดินย่อยกันเพลินๆ หาโรตีกินกัน
เดินเข้าไปซื้อของ 7-11 สักหน่อย เมื่อ 14 ปีก่อน ยังไม่มี .. ส่วนราคาของก็แทบจะคูณสองล่ะ ตามความลำบากของการขนส่ง .. กาแฟกระป๋องปกติ 16 บาท มาอยู่บนหลีเป๊ะ ก็ตามภาพครับ
ถนนคนเดินยาวดี คึกคักไม่เลว มีคนเล่นปืนฉีดน้ำบ้าง ส่วนมากจะฉีดแต่ฝรั่ง ส่วนคนไทยไม่มีใครเล่นด้วยครับ อ้อ อีกอย่าง บนเกาะแทบไม่มีใครใส่ mask เลยครับ
วนๆหาโรตี สุดท้าย ก็มาเจ้านี้ .. โรตีนุช สาขา 4 .. แอบบอกว่า ชอบกว่า สาขาแรกอีก แป้งกรอบดี ครับ แต่กาแฟนี่ไม่ผ่านอย่างแรง เพราะคนชงนี่ ไม่รู้เอาใครมาชง ชงไปถามไป ดูดคำเดียวแล้ววางตรงนั้นแหละ
[CR] * * * หลีเป๊ะ กับ ความเปลี่ยนแปลง และอุปสรรคการเดินทาง * * *
ผมซื้อเป็นแพคเกจ กับ บันดาหยา วิลล่า นะครับ ห้อง Beach Front รวมดำน้ำ รถรับส่ง และอาหารทุกมื้อ 3 วัน 2 คืน รวม 20,790 บาท
13 เมษายน 2566 .. เจอดีตั้งแต่ออกจากบ้านเลย
เนื่องจาก ผมบินไฟล์ทเช้าสุด คือ 6.30 น. กับ Air Asia ที่สนามบินดอนเมือง ดังนั้น เลทสุดไม่น่าเกิน ตี 5 ผมควรจะต้องถึงสนามบินแล้ว จะให้ดี ควรจะตี 4 ครึ่งด้วยซ้ำ เพราะคนน่าจะเยอะ
วันที่ 12 ผมลางานครึ่งวันบ่ายเพื่อกลับมาพักที่บ้านย่านเตาปูน พร้อมกับจอง Grab ไว้ล่วงหน้า เมื่อระบบหาคนขับได้ ผมก็โทรคอนเฟิร์ม .. โทร.ไปคนขับก็งงๆ (แล้วกดรับมาได้ไงนะ ???) พร้อมกับบอกว่า โอเค ใกล้ๆกับที่เค้าอยู่ .. โอเค สบายใจ
2.30 น. ผมตื่นนอน กด App ดู ยังไม่ถูกยกเลิก
3.00น. อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย กดดูว่าถึงไหนแล้ว อ้าวว เฮ้ยยย App ขึ้นว่า กำลังหาคนขับใหม่ ... เฮ้อออ
บอกแฟนว่า คงต้องเดินไปรอรถหน้าปากซอยละ ระหว่างเดินก็กดดู App เรื่อยๆ สักพักก็มีคนกดรับงาน จัดการโทรเฟิร์ม โอเค เรียบร้อย รอกันหน้า สน.เตาปูน นี่แหละ ได้ขึ้นรถตอน 3.30น. ตามแผนเป๊ะ
ค่า Grab 231 บาท
ค่าโทลเวย์ 80 บาท (จะได้ไม่ต้องเสียเวลาติดขึ้นสะพานข้างล่าง)
4.00น. ถึงสนามบินดอนเมือง พอดี
จัดการ check in มาเรียบร้อย เปิด App ให้เค้าดู พร้อมบัตรประชาชน ก็เดินผ่านเข้ามาสบายๆ แวะหาของรองท้องนิดนึง เช้ามืด มีแค่ Mc ที่เปิดก่อน เลยไม่มีทางเลือก
จัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปหลับรอ ที่ Gate 54 มีจุดเสียบ USB / ปลั๊กไฟ เยอะดีครับ แต่ชาร์จได้ค่อนข้างช้าครับ (เมื่อคืนเสียบก่อนนอนแล้วนะ แต่ดันสายไม่สุด ไฟเลยไม่เข้า Ipad)
5.50น. จนท. ก็เรียกเข้าแถว ตาม Zone ซึ่งป้ายก็บอกแถว ผมก็จำได้แต่ ของตัวเอง แถว 20 ดังนั้นก็ยืนรอคนแรกเลยที่ Zone 3 ... พอเรียก Zone 3 เดินเข้าไป จนท. ก็บอกว่า จริงๆของผม Zone 1 นะ ก้มลงดู e-boarding อ้าวว เค้าเขียน Zone 1 จริงๆด้วย ... บ้านนอก นานๆขึ้นเครื่องทีก็งี้แหละ
ได้ที่นั่ง ตรงประตูฉุกเฉินพอดี เนื้อที่วางเท้าก็จะเยอะเป็นพิเศษ แต่ห้ามวางสัมภาระเลย ดังนั้น กระเป๋ากล้องก็ต้องเก็บด้านบน
วิวยอดนิยม ที่คนชอบถ่ายกัน ..
ต่อรถตู้ ..
รอบนี้เครื่องบินใหม่ Airbus A321 Neo ออกตามเวลา แต่ถึงก่อนเวลาด้วยแฮะ นัดรถตู้ไว้ 8.30น. ก็เลยมารอกันตรงทางออก
ตำแหน่งที่นั่งรถตู้ ที่ดีที่สุด สำหรับผม คือ เบาะแถวสอง (ไม่นับแถวคนขับนะ) เพราะอยู่กลางๆช่วงล้อหน้ากับหลังพอดี ที่จริงแถวหน้าก็ได้ แต่แถวหน้าจะยืดขาไม่ได้ .. ติดคอนโซลครับ ส่วนแถวที่นรก คือ แถวสาม หลังสุด นี่แหละ ถ้ารถเดิมๆ Commuter นี่ มีจุกแน่นอน
ทานเที่ยงกัน ..
ใช้เวลาราวๆ 2 ช.ม.เศษ ก็ถึง ท่าเรือ ปากบารา แล้วครับ (รถเยอะมาก) ลงรถมา เดินไปที่ office บันดาหยา ไกด์ก็รอรับเราอยู่แล้ว จัดการติด Tag สัมภาระ แล้วพาเราไปทานข้าวกัน (รวมในแพคเกจ)
อาหารง่ายๆ แต่รสชาติใช้ได้นะครับ
ตบท้ายด้วยโรตี
อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา
อิ่มกันแล้ว ก็เดินไปที่ท่าเรือกันได้เลย คนล้านแปด รอสักพักใหญ่ๆ ก็ได้ขึ้นเรือครับ ไกด์จัดการจองที่ให้เราเรียบร้อย ตำแหน่งหน้าสุดคู่กับกัปตันล่ะครับ
เรือเดินทางสักชั่วโมงเศษ ก็แวะที่เกาะตะรุเตา ครับ ..
อดีตเป็นคุกเก่า
ปัจจุบัน เป็นจุดจอดแวะขาไป ของเรือที่ไปหลีเป๊ะ แวะเข้าห้องน้ำ หาของทาน นั่งรับลม
เกาะไข่
ต่ออีก 30 นาทีครับ ถึงละ ที่เกาะไข่ ไม่มีท่าเรือ เรือจะจอดริมหาด ดังนั้น ต้องใส่รองเท้าที่ลุยน้ำได้ กับ กางเกงขาสั้นนะครับ
มุมยอดนิยม กับ คนมหาศาล อย่าหวังจะได้ภาพสวยๆเลย
เกาะนี้ เรือจอดแป้บเดียวครับ ไกด์บอกไม่มีอะไร ร้อน มดตะนอยเยอะ ไปดีกว่า
บันดาหยา วิลล่า
14.30น. เรือก็จอดหน้ารีสอร์ทบันดาหยา ละ
แอบตกใจเล็กน้อย กับ หาดพัทยา ที่กลายสภาพเป็นที่จอดเรือ มีเรือเยอะแยะเต็มไปหมด น้ำแม้จะยังใส แต่มันไม่ใส่เท่า 14 ปีก่อนแฮะ
ตอนนั้นที่มา มีแต่ บันดาหยา รีสอร์ท .. แต่รอบนี้สร้าง บันดาหยา วิลล่า เพิ่มเข้ามาครับ อยู่ติดๆกันแหละ นัยว่า หรูหรากว่า
เข้าห้องดีกว่า ..
มุมจากหน้าห้องพัก .. (ห้องหน้าสุด จะเป็นห้อง Honey Moon ครับ)
มาดูภายในห้องกัน สวยไม่หยอก มีที่อาบน้ำแบบ out door ด้วย .. อีกเรื่องที่ชม ก็คือ พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ห้องเย็นเฉียบ เปิดแอร์รอเลย แล้วเค้าก็เสียบ keycard คาห้องไว้เลย ดังนั้น มีไฟใช้ยาวๆครับ เพราะการล็อคห้องใช้กุญแจตามปกติ ไม่ต้องถือ keycard ออกมาให้ไฟดับ (แต่ตอนออกไปดำน้ำ ผมก็ปิดไฟ ปิดแอร์ ทั้งหมดนะ)
อาบน้ำเรียบร้อย ก็ สลบยาว สลบจากการตื่นตี 2 ครึ่งนี่แหละ
ร่องเรือชมพระอาทิตย์ตก
พอดีเห็นโฆษณาเด้งขึ้นมาใน FB ของบันดาหยาว่า มีบริการร่องเรือชมพระอาทิตย์ตกด้วย เลยจองไปหัวละ 890 บาท พร้อมของว่างเครื่องดื่มนิดหน่อย เลยจัดไป
นัดไป 16.30น. ที่ “บันดาหยารีสอร์ท” ครับ เดี๋ยวจะมีไกด์ พาขึ้นเรือเล็ก เพื่อไปเปลี่ยนขึ้น เรือไม้ ลำใหญ่อีกทีครับ
ก่อนขึ้นเรือใหญ่ เค้าจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุง แล้วหิ้วขึ้นไปวางบนเรือใหญ่ครับ เดินบนเรือใหญ่ ไม่ต้องใส่รองเท้า บนเรือจะมี 2 ชั้น ขึ้นไปก็จะเจอกับ Welcome Drink ก่อนเลย
พอดีขึ้นมาคนแรกๆ เลยถ่ายรูปสบายหน่อย .. ไปดูชั้นสองกัน
สรุปแล้วก็ .. มานั่งรับลมบนชั้น 2 นี่แหละ อย่างฟิน
เรือจะวิ่งวนรอบๆเกาะหลีเป๊ะ ไปเรื่อยๆ มีไกด์อธิบายเป็นช่วงๆพร้อมเสิร์ฟของว่างนิดๆหน่อย พอสัก 18.30น. พระอาทิตย์ก็เริ่มตก แต่เสียดาย ตกได้แค่นั้น จากนั้นก็หายไปในเมฆ ไม่เห็นลงไปในน้ำครับ
จากนั้น เรือก็วนกลับ เพื่อมาต่อเรือเล็ก กลับถึงฝั่ง ประมาณทุ่มเศษๆครับ ลงเรือเล็กมา ไกด์ก็ยืนรอเรียบร้อยแล้วครับ (ลืมบอก ก่อนไปดูพระอาทิตย์ตก จัดการแจ้งไกด์ จองโต๊ะริม ไว้เรียบร้อย)
อาหารเย็น 4 อย่าง เรื่องความสดหายห่วง ตบท้ายด้วยผลไม้อีกจาน จุกกันไปข้างนึงล่ะครับ
Walking Street
รีสอร์ทที่เราพักตั้งอยู่บนหาดพัทยา ก็เลยจะคึกคักหน่อย มีดนตรีต่างๆ ห่างจากรีสอร์ทสัก 200 เมตร ก็จะเป็นถนนคนเดินแหละ เดินย่อยกันเพลินๆ หาโรตีกินกัน
เดินเข้าไปซื้อของ 7-11 สักหน่อย เมื่อ 14 ปีก่อน ยังไม่มี .. ส่วนราคาของก็แทบจะคูณสองล่ะ ตามความลำบากของการขนส่ง .. กาแฟกระป๋องปกติ 16 บาท มาอยู่บนหลีเป๊ะ ก็ตามภาพครับ
ถนนคนเดินยาวดี คึกคักไม่เลว มีคนเล่นปืนฉีดน้ำบ้าง ส่วนมากจะฉีดแต่ฝรั่ง ส่วนคนไทยไม่มีใครเล่นด้วยครับ อ้อ อีกอย่าง บนเกาะแทบไม่มีใครใส่ mask เลยครับ
วนๆหาโรตี สุดท้าย ก็มาเจ้านี้ .. โรตีนุช สาขา 4 .. แอบบอกว่า ชอบกว่า สาขาแรกอีก แป้งกรอบดี ครับ แต่กาแฟนี่ไม่ผ่านอย่างแรง เพราะคนชงนี่ ไม่รู้เอาใครมาชง ชงไปถามไป ดูดคำเดียวแล้ววางตรงนั้นแหละ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้