.
มันเป็นฝันร้ายในคืนเลวร้าย ฝันร้ายที่ชัดเจนยิ่งกว่าความจริงเสียอีก คุณอาจไม่รับรู้ว่าโลกของเราบ้ากันไปหมดแล้ว
ผมลุกขึ้น อาบน้ำ แต่งตัวเพื่อขับเน้นความหล่ออันมีน้อยนิดให้เปล่งประกายออกมาเต็มร้อย ตั้งใจจะออกไปทำงานตามปกติในตอนเช้าของวันสดใส บนท้องฟ้าไม่มียานอวกาศลำใหญ่ของพวกต่างดาวเรียงราย หน้าบ้านยังไม่มีเจ้าหนี้มายืนรอ ขณะสวมรองเท้าข้างสุดท้ายอยู่บริเวณหน้าบ้าน เสียงคุ้นหูจากข้างบ้านทำให้ต้องหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ
มันก็เป็นเหตุการณ์ตามปกติเหมือนทุกวันที่ผ่านมานั่นล่ะครับ... สามีภรรยาทะเลาะกัน เรื่องภายในครอบครัว เรื่องปกติวิสัยไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด ผมว่าคุณเองก็ต้องเคยสัมผัสรับรู้ ภาพผู้เป็นภรรยากำลังวิ่งหนีไปรอบบ้าน เลือดท่วมตัว ศีรษะห้อยร่องแร่งเจียนขาดแกว่งไปมาตามแรงวิ่ง เสื้อผ้าฉีกขาดร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ โดยมีสามีในชุดนอนลายตุ๊กตาหมีน้อยควงเลื่อยยนต์ครางกระหึ่มฟังแล้วเสียวรากฟัน วิ่งตามไปติดๆ
นั่นแน่...เคยเห็นใช่ไหมล่ะ ผมรู้ว่าคุณต้องเคยเห็นจนเบื่อ
ภรรยาหอบศีรษะวิ่งอ้อมมาประตูหน้า ล็อคประตูอย่างหวุดหวิด ทิ้งเศษเนื้อเปื้อนเลือดเรียงรายตามเส้นทางผ่านเต็มไปหมด เนื้อบางชิ้นยังสั่นระริกด้วยความอยากกลับหาร่างเดิม ผู้เป็นสามีทำท่าจะใช้เลื่อยยนต์ตัดประตู พอดีหันมาเจอผมผู้ยืนมองอย่างไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก แกจึงวางเลื่อยยนต์ลงยิ้มขวยเขินและมีมรรยาท ตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงเลื่อยยนต์ซึ่งยังคงครางอี๋ดิ้นพราดไปมาอยู่บนพื้นอย่างกระหายเลือด
“ขอโทษนะครับ วันนี้ใช้อุปกรณ์เสียงดังไปหน่อย เกรงใจคุณจริงๆ แหม...เกรงใจ๊เกรงใจ...พอดีขวานผ่าฟืนหายครับ...”
“ตามสะดวกเถอะ” ผมพยักหน้าไปตามเรื่องตามราว แต่แล้วก็อดถามไม่ได้ว่า
“แล้วเกิดภรรยาคุณตายไปจะทำไงครับ”
ชายคนนั้นลืมตาโพลง มองหน้าผมอย่างขบขัน แล้วหัวเราะพลางพูดพลาง
“โอ้ย ตลกครับตลก...ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ กฎหมายให้สามีฆ่าภรรยาได้โดยไม่ติดคุก เพิ่งประกาศใช้เมื่อวานนี้เอง แหม... ผมล่ะปลื้มจริงๆ ฆ่าคนแล้วไม่ติดคุกนี่ให้ความรู้สึกดีเหลือแสนเหมือนลอยแดนสรวง ว่าไหมครับ… เพราะสมัยก่อนคนฆ่าคนแล้วไม่ติดคุกมักจะเป็นลูกท่านหลานเธอคนใหญ่คนโตคนรวยคนมีสีทั้งนั้น อย่างไม่เราไม่ได้แอ้มหรอกครับ”
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยฆ่าใคร” ผมหลีกเลี่ยงในการเออออห่อหมก “ว่างๆ ก็หัดไล่ฆ่าคนบ้างนะครับ เดี๋ยวจะเชย....ไม่ทันสมัยนิยม ผมล่ะห่วงคุณจริงๆ เห็นว่าบ้านใกล้เรือนเคียงนะครับถึงบอก”
พูดจบชายผู้เป็นสามีหันไปมองประตูอย่างเสียดายก่อนจะก้มลงหยิบเลื่อยยนต์ยกขึ้นชูเหนือหัวและแกว่งไปมาเหมือนฉากจบของหนังเขย่าขวัญอมตะเรื่อง Texas Chainsaw Massacre ใบหน้าอิ่มเอิบ
ประตูเปิดผางออก ผู้เป็นภรรยายืนจังก้า ศีรษะที่เคยห้อยเจียน หลุดถูกวางตำแหน่งเดิมโดยมีผ้าพันแผลมัดล้อมรอบลำคอไว้อย่างลวกๆ กันหลุดร่วง คงเป็นเพราะไม่มีเวลานั่นเอง มือทั้งสองประคองลูกซองแฝดยาวเล็งมายังผู้เป็นสามี
ตูม..ตูม!
ลูกซองระเบิดกระสุนดังกึกก้อง ร่างของผู้เป็นสามีลอยกระเด็นเหมือนถูกช้างถีบ ชนรั้วบ้านพังครืนไปแถบหนึ่ง ศีรษะขาดลอยไปชนกันสาดหน้าบ้าน คาดว่าวิถีกระสุนกลุ่มหนึ่งคงตัดก้านคอพอดี ศีรษะกระเด้งลอยเป็นวิถีโค้งข้ามรั้วตกเข้ามาในเขตบ้านของผม (สงสัยว่าหมอนี่คงเจตนาแกล้งผมด้วยล่ะถึงจงใจให้ศีรษะลอยกระเด็นมาทางนี้) เลื่อยยนต์ในมือหลุดกระเด็นลงไปยังพื้นแล้วแถกไถตามแรงของดิ้นสะบัดของเลื่อยซึ่งยังคงทำงานอยู่ ตัดต้นไม้พุ่มไม้กระจุยกระจายเป็นทาง ผมพยายามถอยห่างหลบม่านเลือดที่กระเซ็นซ่าน เพราะมันค่อนข้างซักยาก
เกือบไปแล้วไหมล่ะ ชุดทำงานตัวเก่ง ผู้เป็นภรรยาโดนปืนลูกซองแฝดถีบหงายหลังล้มไปข้างหลังเข้าไปในตัวบ้าน คงจะเสียหลักไปชนกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างจนมีเสียงระเบิดตูมเกิดเป็นประกายไฟวูบวาบไปทั่วชั้นล่างพร้อมกลิ่นเนื้อเหม็นไหม้คละคลุ้ง ผมยักไหล่อย่างเบื่อหน่ายกับเรื่องพรรค์นี้ จึงไม่สนใจว่าสองสามีภรรยาจะเป็นหรือตายอย่างไร เดินออกมาหน้าบ้านมุ่งหน้าออกปากซอยสู่ถนนใหญ่อย่างไม่รีบร้อน ขณะเดินอยู่บนทางเท้า ลางสังหรณ์อัปมงคลชนิดหนึ่งทำให้ผมแหงนหน้าขึ้นมองด้านบน
ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนดาดฟ้าอาคารสูงกำลังหักโค่นลงมา อันเป็นผลจากสายลมเรื่อยเฉื่อยฉิวแผ่วเบายามเช้า ผมวิ่งไปด้านหน้าสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกป้ายถล่มทับ
โครม.....
เสียงป้ายโฆษณาฟาดลงพื้นด้านหลังสนั่นหวั่นไหว เศษไม้กระเด็นไปทั่วเหมือนถูกถล่มด้วยระเบิดจากขบวนการก่อการร้ายแห่งชาติ ผมหลบทันอย่างหวุดหวิดแต่นักเรียนชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินตามมาหลบไม่พ้น เนื่องจากกำลังพยายามลากรถเข็นเก็บหนังสือสมุดการบ้านอยู่ จึงโดนป้ายโฆษณาถล่มใส่จมหายอยู่ในกองเศษไม้และโครงเหล็ก สงสัยว่าพวกรับเหมาคงใช้เหล็กเกรดต่ำสุด จึงพังลงมาง่ายดายเหลือเกิน
ว้า ...น่าสงสารจัง เด็กนักเรียนสองทั้งคนคงไปโรงเรียนสายแน่เลย
เจ้าของตึกโผล่หน้ามามองป้ายโฆษณาอย่างเสียดายจากหน้าต่างชั้นที่สาม พอมองเห็นผมกำลังยืนปัดฝุ่นและเศษไม้อยู่เขาทำหน้าเสียใจร้องบอกว่า
“ขอโทษนะครับ ไม่นึกว่าลมมันจะแรงอย่างนี้ เลยใช้กาวยางน้ำติดฐานป้ายโฆษณา รู้อย่างนี้ใช้กาวแห้งเร็วติดก็ดีแล้วครับ “
เออ..ผมด่ามันในใจ หนอย....ดันใช้กาวติดโครงสร้างป้ายโฆษณา แล้วมันจะเหลืออะไร พวกนี้ทำอะไรไม่รับผิดชอบต่อสังคมเลย มัวแต่ชะโงกตัวดูป้ายโฆษณาอย่างเสียดาย จึงมองไม่เห็นก้อนคอนกรีตขนาดใหญ่ตกลงมาจากดาดฟ้าชั้นที่สิบ ซึ่งกำลังมีการต่อเติมตัวอาคารอยู่ ผมมองเห็นชัดเจนแต่ด้วยความหมั่นไส้ จึงเพียงแต่ถอยห่างออกมาหน่อย เพื่อความปลอดภัย และมองดูชิ้นส่วนคอนกรีตพุ่งลิ่วลงมากระแทกเฉือนศีรษะเจ้าคนจอมงกแตกกระจายก่อนร่วงถึงพื้น ตกใส่มอเตอร์ไซด์รับจ้างซึ่งวิ่งมาบนทางเท้าพอดี
รถมอเตอร์ไซด์ระเบิดตูมไฟลุกพรึบ เศษเนื้อเศษเหล็กกระเด็นเซ็นซ่านกระจัดกระจาย เจ้าของตึกชะโงกลงมามองหัวโบกไม้โบกมือทำท่าเหมือนโวยวาย ท่าทางจะไม่รู้ตัวว่าหัวตวเองขาดไปแล้ว เพราะมัวแต่ห่วงกังวลอยู่กับป้ายโฆษณา มันจึงเป็นภาพน่าขบขันและสยดสยองน่ารักเป็นอย่างยิ่ง คุณลองนึกถึงภาพคนหัวขาดโบกไม้โบกมืออยู่ริมหน้าต่างดูสิครับ จะรู้ว่าน่าขำขนาดไหน..หนอย..หัวขาดแล้วยังทะลึ่งไม่รู้ตัว... ผมล่ะเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ห่วงเรื่องการไปทำงานสาย และอันตรายอย่างอื่นที่เกิดขึ้นได้เสมอกับคนเมือง
อย่างไรก็ตาม ผมก็เอาตัวรอดมาจนถึงป้ายรถเมล์จนได้ แต่แล้วผมก็พบกับความน่าเบื่อหน่ายอีกครั้งแถวบริเวณป้ายรถเมล์ เมื่อบรรดารถตู้เบียดเสียดกันเต็มไปหมด เห็นกับตาว่าทับผู้โดยสารหลายคนซึ่งพยายามวิ่งไปขึ้นรถเมล์จนเลือดเนื้อกระจายเต็มบริเวณป้ายจอดรถ คนเคราะห์ร้ายบางคนดูเหมือนจะไม่สนใจว่าโดนรถทับที่ไหนเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องงาน บางคนโดนรถทับขาดครึ่งตัวยังพยายามตะกายขึ้นรถเมล์แข่งกับคนอื่น
ผมเองก็ไม่รู้ที่มาของรถตู้ จะรู้ตัวก็พบว่าวิ่งเกลื่อนเมืองแล้ว ที่จริงมันก็ดีอยู่หรอกในแง่การช่วยกันรับผู้โดยสาร แต่ที่รับไม่ได้คือนิสัยของรถตู้มักจะวิ่งตามกันเป็นขบวน และจอดนอนรอผู้โดยสารอย่างหน้าตาเฉยจนเกะกะป้ายรถเมล์ แถมเวลาขึ้นลงรถจะเสียเวลาเป็นอย่างมาก คนขับบางคนถึงกับลงมาเอาผ้าขาวม้าผูกกับเสาป้ายรถเมล์นอนรอผู้โดยสารให้เต็มคันรถ
รถเมล์ประจำทางคันหนึ่งพยายามจะเข้ามาจอดป้าย แต่ติดว่ารถตู้จอดกันท่า คนขับรถเมล์คงจะโมโหมากเลยเบนหัวรถเข้ามาอัดชนเอาดื้อๆ เป็นเรื่องสิครับ รถตู้หลายคันถูกชนกระเด็นมาอยู่บนทางเท้า บางคันพลิกคว่ำ ผู้โดยสารพากันส่งเสียงร้องอย่างตกใจพักหนึ่งก่อนจะวิ่งหารถคันอื่นต่อไป ไม่มีเวลาโวยวายมา กเพราะทุกคนต่างรีบร้อนด้วยกันทั้งนั้น
รถเมล์เลือดร้อนจอดป้ายได้สมประสงค์ พร้อมกับนักเรียนกลุ่มหนึ่งกรูกันลงมา นึกว่าอะไร ที่แท้ก็เป็นการตะลุมบอนกันระหว่างนักเรียนชื่อดังสองโรงเรียน เป็นคู่อริกันตั้งแต่เริ่มสร้างโรงเรียนแล้ว เพื่อเป็นการรักษาธรรมเนียมเก่าแก่ ต้องมีการยกพวกตีกันโดยสม่ำเสมอ นัยว่าอนุรักษ์พฤติกรรมชั่วของตัวเอง เด็กพวกนั้นพากันถอดชุดนักเรียนออก กลายเป็นชุดนักเลง พากันตวาดประกาศฉายากันสับสน พุ่งเข้าต่อสู้กันด้วยอาวุธที่ขโมยมาจากคลังแสง ผมก็ยืนดูอย่างสนใจ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหลบกระสุน มีด และอาวุธต่างๆ ที่กระจายออกมาจากวงการต่อสู้ไปด้วย ลีลาการหลบของผมดูไปแล้วก็ไม่ต่างจากพระเอกในหนังเรื่อง Matrix หลบกระสุนเท่าไรหรอกครับ บอกตรงๆว่าเท่มาก เพียงแต่หน้าตาและหุ่นไม่ให้แต่ใจรักเท่านั้น
ผู้โดยสารหลายคนชอบมวยฟรีพากันล้อมวงเป็นไทยมุงส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน หลายคนถึงกับวางเงินเดิมพันกันว่าพวกไหนจะเป็นฝ่ายชนะ ตายกี่คน เจ็บกี่คน สูง ต่ำ เต็ง โต๊ด ครบหมด ตามนิสัยชอบการพนันอยู่ในสายเลือด เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งโดนขวานสับติดซอกคอ แต่ไม่มีเวลาดึงออก เซออกมาล้มลงแทบเท้าข้างหน้า ผมลองเขี่ยดูด้วยรองเท้าเบา ๆ ก่อนถามตามมรรยาท มากกว่าจะเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างไอ้น้อง..”
หมอนั่นชักกระแด่วอยู่สามที ก่อนลุกขึ้นหยิบหวีมาเสยลอนผมอย่างห่วงในความหล่อ แล้วหันมายักคิ้วให้ผมอย่างกวน ๆ บอกว่า
“โด่ เพ่....จิ๊บจ๊อย เรื่องแค่นี้จิ๊บจ้อย สบายมากเพ่.. เดี๋ยวผมจะเข้าไปลุยใหม่ให้ดูเป็นขวัญตา”
ว่าแล้วก็ก้มลงหยิบไม้หน้าสามซึ่งหล่นบนพื้นวิ่งปราดเข้าวงตะลุมบอนอีกรอบ และกระเด้งออกมาอีกครั้ง คราวนี้มีมีดปักอกซ้าย ลูกธนูปักหลัง เลือดไหลออกมาสวยงาม ออกมายืนยึกยัก เซไปมา แล้วทำท่าจะวิ่งเข้าไปในวง แต่พอดีสายตาเหลือบมองไปเห็นเด็กนักเรียนหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนมองอยู่ เลยออกลีลายึกยักออกอารมณ์มากเป็นพิเศษ..แอ่นหน้าแอ่นหลังเซซ้ายเซขวาอวดสาวแบบเดียวกับท่าทางของพระเอกในหนังแอ๊คชัน โดนกระทืบแต่ยังลุกขึ้นมาได้แบบเหลือเชื่อเอาชนะใจท่านผู้ชม
นักเรียนนักเลงคนนี้ก็เหมือนกัน ยึกยักบิดตัวในแง่มุมคิดว่าเท่ที่สุด สีหน้าบิดเบี้ยว พยายามแสดงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวออกมาจากสีหน้าแววตา เซไปเซมาแต่ไม่ยอมล้ม เด้งหน้าถอยหลังอยู่หลายรอบโชว์สาวไม่เลิก ผมหมั่นไส้มากเป็นกรณีพิเศษ เลยถีบเปรี้ยงเข้ากลางหลัง!
เด็กคนนั้นเลยกระเด็นอกแอ่นเข้าไปในวงตะลุมบอน ทีนี้เลยโดนเข้าไปหลายขนาน ทั้งมีด ไม้ ศอก เข่า ปืน และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าคนรุมอยู่เป็นพวกเดียวกันนั่นเอง คงหมั่นไส้เมื่อเห็นออกลีลาอวดสาวแทนที่จะมาช่วยเพื่อน ผมไม่สนใจผลแพ้ชนะของนักเลงนักเรียนเพราะต้องรีบไปทำงาน เดี๋ยวตำรวจคงมาจัดการเองหรือไม่เดี๋ยวก็ตายกันหมดเอง รถเมล์ยังจอดอยู่หลายคัน ผมไม่สนใจรถตู้ ขณะก้าวเท้าออกไป ผมรู้สึกตาลายวูบหนึ่ง แผ่นดินใต้เท้าหายวูบไปโดยกะทันหัน
ฝาท่อระบายน้ำครับซึ่งเปิดทิ้งเอาไว้ตามแบบฉบับของความรับผิดชอบของผู้รับเหมา เพราะความรีบร้อนผมจึงไม่ทันดูว่าฝาท่อเปิดอยู่ มือทั้งสองไขว่คว้าหาที่ยึดเกาะ ถ้าหากเป็นคนอื่นคงมีการตายบ้างล่ะ แต่ดีว่าเป็นผมผู้คุ้นเคยกับหนังประเภทบู้ล้างผลาญมามาก มือจึงคว้าขอบบ่อไว้ทันร่างห้อยต่องแต่งอยู่อย่างน่าหวาดเสียว
.
ฝันร้าย
มันเป็นฝันร้ายในคืนเลวร้าย ฝันร้ายที่ชัดเจนยิ่งกว่าความจริงเสียอีก คุณอาจไม่รับรู้ว่าโลกของเราบ้ากันไปหมดแล้ว
ผมลุกขึ้น อาบน้ำ แต่งตัวเพื่อขับเน้นความหล่ออันมีน้อยนิดให้เปล่งประกายออกมาเต็มร้อย ตั้งใจจะออกไปทำงานตามปกติในตอนเช้าของวันสดใส บนท้องฟ้าไม่มียานอวกาศลำใหญ่ของพวกต่างดาวเรียงราย หน้าบ้านยังไม่มีเจ้าหนี้มายืนรอ ขณะสวมรองเท้าข้างสุดท้ายอยู่บริเวณหน้าบ้าน เสียงคุ้นหูจากข้างบ้านทำให้ต้องหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ
มันก็เป็นเหตุการณ์ตามปกติเหมือนทุกวันที่ผ่านมานั่นล่ะครับ... สามีภรรยาทะเลาะกัน เรื่องภายในครอบครัว เรื่องปกติวิสัยไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด ผมว่าคุณเองก็ต้องเคยสัมผัสรับรู้ ภาพผู้เป็นภรรยากำลังวิ่งหนีไปรอบบ้าน เลือดท่วมตัว ศีรษะห้อยร่องแร่งเจียนขาดแกว่งไปมาตามแรงวิ่ง เสื้อผ้าฉีกขาดร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ โดยมีสามีในชุดนอนลายตุ๊กตาหมีน้อยควงเลื่อยยนต์ครางกระหึ่มฟังแล้วเสียวรากฟัน วิ่งตามไปติดๆ
นั่นแน่...เคยเห็นใช่ไหมล่ะ ผมรู้ว่าคุณต้องเคยเห็นจนเบื่อ
ภรรยาหอบศีรษะวิ่งอ้อมมาประตูหน้า ล็อคประตูอย่างหวุดหวิด ทิ้งเศษเนื้อเปื้อนเลือดเรียงรายตามเส้นทางผ่านเต็มไปหมด เนื้อบางชิ้นยังสั่นระริกด้วยความอยากกลับหาร่างเดิม ผู้เป็นสามีทำท่าจะใช้เลื่อยยนต์ตัดประตู พอดีหันมาเจอผมผู้ยืนมองอย่างไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก แกจึงวางเลื่อยยนต์ลงยิ้มขวยเขินและมีมรรยาท ตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงเลื่อยยนต์ซึ่งยังคงครางอี๋ดิ้นพราดไปมาอยู่บนพื้นอย่างกระหายเลือด
“ขอโทษนะครับ วันนี้ใช้อุปกรณ์เสียงดังไปหน่อย เกรงใจคุณจริงๆ แหม...เกรงใจ๊เกรงใจ...พอดีขวานผ่าฟืนหายครับ...”
“ตามสะดวกเถอะ” ผมพยักหน้าไปตามเรื่องตามราว แต่แล้วก็อดถามไม่ได้ว่า
“แล้วเกิดภรรยาคุณตายไปจะทำไงครับ”
ชายคนนั้นลืมตาโพลง มองหน้าผมอย่างขบขัน แล้วหัวเราะพลางพูดพลาง
“โอ้ย ตลกครับตลก...ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ กฎหมายให้สามีฆ่าภรรยาได้โดยไม่ติดคุก เพิ่งประกาศใช้เมื่อวานนี้เอง แหม... ผมล่ะปลื้มจริงๆ ฆ่าคนแล้วไม่ติดคุกนี่ให้ความรู้สึกดีเหลือแสนเหมือนลอยแดนสรวง ว่าไหมครับ… เพราะสมัยก่อนคนฆ่าคนแล้วไม่ติดคุกมักจะเป็นลูกท่านหลานเธอคนใหญ่คนโตคนรวยคนมีสีทั้งนั้น อย่างไม่เราไม่ได้แอ้มหรอกครับ”
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยฆ่าใคร” ผมหลีกเลี่ยงในการเออออห่อหมก “ว่างๆ ก็หัดไล่ฆ่าคนบ้างนะครับ เดี๋ยวจะเชย....ไม่ทันสมัยนิยม ผมล่ะห่วงคุณจริงๆ เห็นว่าบ้านใกล้เรือนเคียงนะครับถึงบอก”
พูดจบชายผู้เป็นสามีหันไปมองประตูอย่างเสียดายก่อนจะก้มลงหยิบเลื่อยยนต์ยกขึ้นชูเหนือหัวและแกว่งไปมาเหมือนฉากจบของหนังเขย่าขวัญอมตะเรื่อง Texas Chainsaw Massacre ใบหน้าอิ่มเอิบ
ประตูเปิดผางออก ผู้เป็นภรรยายืนจังก้า ศีรษะที่เคยห้อยเจียน หลุดถูกวางตำแหน่งเดิมโดยมีผ้าพันแผลมัดล้อมรอบลำคอไว้อย่างลวกๆ กันหลุดร่วง คงเป็นเพราะไม่มีเวลานั่นเอง มือทั้งสองประคองลูกซองแฝดยาวเล็งมายังผู้เป็นสามี
ตูม..ตูม!
ลูกซองระเบิดกระสุนดังกึกก้อง ร่างของผู้เป็นสามีลอยกระเด็นเหมือนถูกช้างถีบ ชนรั้วบ้านพังครืนไปแถบหนึ่ง ศีรษะขาดลอยไปชนกันสาดหน้าบ้าน คาดว่าวิถีกระสุนกลุ่มหนึ่งคงตัดก้านคอพอดี ศีรษะกระเด้งลอยเป็นวิถีโค้งข้ามรั้วตกเข้ามาในเขตบ้านของผม (สงสัยว่าหมอนี่คงเจตนาแกล้งผมด้วยล่ะถึงจงใจให้ศีรษะลอยกระเด็นมาทางนี้) เลื่อยยนต์ในมือหลุดกระเด็นลงไปยังพื้นแล้วแถกไถตามแรงของดิ้นสะบัดของเลื่อยซึ่งยังคงทำงานอยู่ ตัดต้นไม้พุ่มไม้กระจุยกระจายเป็นทาง ผมพยายามถอยห่างหลบม่านเลือดที่กระเซ็นซ่าน เพราะมันค่อนข้างซักยาก
เกือบไปแล้วไหมล่ะ ชุดทำงานตัวเก่ง ผู้เป็นภรรยาโดนปืนลูกซองแฝดถีบหงายหลังล้มไปข้างหลังเข้าไปในตัวบ้าน คงจะเสียหลักไปชนกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างจนมีเสียงระเบิดตูมเกิดเป็นประกายไฟวูบวาบไปทั่วชั้นล่างพร้อมกลิ่นเนื้อเหม็นไหม้คละคลุ้ง ผมยักไหล่อย่างเบื่อหน่ายกับเรื่องพรรค์นี้ จึงไม่สนใจว่าสองสามีภรรยาจะเป็นหรือตายอย่างไร เดินออกมาหน้าบ้านมุ่งหน้าออกปากซอยสู่ถนนใหญ่อย่างไม่รีบร้อน ขณะเดินอยู่บนทางเท้า ลางสังหรณ์อัปมงคลชนิดหนึ่งทำให้ผมแหงนหน้าขึ้นมองด้านบน
ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนดาดฟ้าอาคารสูงกำลังหักโค่นลงมา อันเป็นผลจากสายลมเรื่อยเฉื่อยฉิวแผ่วเบายามเช้า ผมวิ่งไปด้านหน้าสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกป้ายถล่มทับ
โครม.....
เสียงป้ายโฆษณาฟาดลงพื้นด้านหลังสนั่นหวั่นไหว เศษไม้กระเด็นไปทั่วเหมือนถูกถล่มด้วยระเบิดจากขบวนการก่อการร้ายแห่งชาติ ผมหลบทันอย่างหวุดหวิดแต่นักเรียนชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินตามมาหลบไม่พ้น เนื่องจากกำลังพยายามลากรถเข็นเก็บหนังสือสมุดการบ้านอยู่ จึงโดนป้ายโฆษณาถล่มใส่จมหายอยู่ในกองเศษไม้และโครงเหล็ก สงสัยว่าพวกรับเหมาคงใช้เหล็กเกรดต่ำสุด จึงพังลงมาง่ายดายเหลือเกิน
ว้า ...น่าสงสารจัง เด็กนักเรียนสองทั้งคนคงไปโรงเรียนสายแน่เลย
เจ้าของตึกโผล่หน้ามามองป้ายโฆษณาอย่างเสียดายจากหน้าต่างชั้นที่สาม พอมองเห็นผมกำลังยืนปัดฝุ่นและเศษไม้อยู่เขาทำหน้าเสียใจร้องบอกว่า
“ขอโทษนะครับ ไม่นึกว่าลมมันจะแรงอย่างนี้ เลยใช้กาวยางน้ำติดฐานป้ายโฆษณา รู้อย่างนี้ใช้กาวแห้งเร็วติดก็ดีแล้วครับ “
เออ..ผมด่ามันในใจ หนอย....ดันใช้กาวติดโครงสร้างป้ายโฆษณา แล้วมันจะเหลืออะไร พวกนี้ทำอะไรไม่รับผิดชอบต่อสังคมเลย มัวแต่ชะโงกตัวดูป้ายโฆษณาอย่างเสียดาย จึงมองไม่เห็นก้อนคอนกรีตขนาดใหญ่ตกลงมาจากดาดฟ้าชั้นที่สิบ ซึ่งกำลังมีการต่อเติมตัวอาคารอยู่ ผมมองเห็นชัดเจนแต่ด้วยความหมั่นไส้ จึงเพียงแต่ถอยห่างออกมาหน่อย เพื่อความปลอดภัย และมองดูชิ้นส่วนคอนกรีตพุ่งลิ่วลงมากระแทกเฉือนศีรษะเจ้าคนจอมงกแตกกระจายก่อนร่วงถึงพื้น ตกใส่มอเตอร์ไซด์รับจ้างซึ่งวิ่งมาบนทางเท้าพอดี
รถมอเตอร์ไซด์ระเบิดตูมไฟลุกพรึบ เศษเนื้อเศษเหล็กกระเด็นเซ็นซ่านกระจัดกระจาย เจ้าของตึกชะโงกลงมามองหัวโบกไม้โบกมือทำท่าเหมือนโวยวาย ท่าทางจะไม่รู้ตัวว่าหัวตวเองขาดไปแล้ว เพราะมัวแต่ห่วงกังวลอยู่กับป้ายโฆษณา มันจึงเป็นภาพน่าขบขันและสยดสยองน่ารักเป็นอย่างยิ่ง คุณลองนึกถึงภาพคนหัวขาดโบกไม้โบกมืออยู่ริมหน้าต่างดูสิครับ จะรู้ว่าน่าขำขนาดไหน..หนอย..หัวขาดแล้วยังทะลึ่งไม่รู้ตัว... ผมล่ะเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ห่วงเรื่องการไปทำงานสาย และอันตรายอย่างอื่นที่เกิดขึ้นได้เสมอกับคนเมือง
อย่างไรก็ตาม ผมก็เอาตัวรอดมาจนถึงป้ายรถเมล์จนได้ แต่แล้วผมก็พบกับความน่าเบื่อหน่ายอีกครั้งแถวบริเวณป้ายรถเมล์ เมื่อบรรดารถตู้เบียดเสียดกันเต็มไปหมด เห็นกับตาว่าทับผู้โดยสารหลายคนซึ่งพยายามวิ่งไปขึ้นรถเมล์จนเลือดเนื้อกระจายเต็มบริเวณป้ายจอดรถ คนเคราะห์ร้ายบางคนดูเหมือนจะไม่สนใจว่าโดนรถทับที่ไหนเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องงาน บางคนโดนรถทับขาดครึ่งตัวยังพยายามตะกายขึ้นรถเมล์แข่งกับคนอื่น
ผมเองก็ไม่รู้ที่มาของรถตู้ จะรู้ตัวก็พบว่าวิ่งเกลื่อนเมืองแล้ว ที่จริงมันก็ดีอยู่หรอกในแง่การช่วยกันรับผู้โดยสาร แต่ที่รับไม่ได้คือนิสัยของรถตู้มักจะวิ่งตามกันเป็นขบวน และจอดนอนรอผู้โดยสารอย่างหน้าตาเฉยจนเกะกะป้ายรถเมล์ แถมเวลาขึ้นลงรถจะเสียเวลาเป็นอย่างมาก คนขับบางคนถึงกับลงมาเอาผ้าขาวม้าผูกกับเสาป้ายรถเมล์นอนรอผู้โดยสารให้เต็มคันรถ
รถเมล์ประจำทางคันหนึ่งพยายามจะเข้ามาจอดป้าย แต่ติดว่ารถตู้จอดกันท่า คนขับรถเมล์คงจะโมโหมากเลยเบนหัวรถเข้ามาอัดชนเอาดื้อๆ เป็นเรื่องสิครับ รถตู้หลายคันถูกชนกระเด็นมาอยู่บนทางเท้า บางคันพลิกคว่ำ ผู้โดยสารพากันส่งเสียงร้องอย่างตกใจพักหนึ่งก่อนจะวิ่งหารถคันอื่นต่อไป ไม่มีเวลาโวยวายมา กเพราะทุกคนต่างรีบร้อนด้วยกันทั้งนั้น
รถเมล์เลือดร้อนจอดป้ายได้สมประสงค์ พร้อมกับนักเรียนกลุ่มหนึ่งกรูกันลงมา นึกว่าอะไร ที่แท้ก็เป็นการตะลุมบอนกันระหว่างนักเรียนชื่อดังสองโรงเรียน เป็นคู่อริกันตั้งแต่เริ่มสร้างโรงเรียนแล้ว เพื่อเป็นการรักษาธรรมเนียมเก่าแก่ ต้องมีการยกพวกตีกันโดยสม่ำเสมอ นัยว่าอนุรักษ์พฤติกรรมชั่วของตัวเอง เด็กพวกนั้นพากันถอดชุดนักเรียนออก กลายเป็นชุดนักเลง พากันตวาดประกาศฉายากันสับสน พุ่งเข้าต่อสู้กันด้วยอาวุธที่ขโมยมาจากคลังแสง ผมก็ยืนดูอย่างสนใจ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหลบกระสุน มีด และอาวุธต่างๆ ที่กระจายออกมาจากวงการต่อสู้ไปด้วย ลีลาการหลบของผมดูไปแล้วก็ไม่ต่างจากพระเอกในหนังเรื่อง Matrix หลบกระสุนเท่าไรหรอกครับ บอกตรงๆว่าเท่มาก เพียงแต่หน้าตาและหุ่นไม่ให้แต่ใจรักเท่านั้น
ผู้โดยสารหลายคนชอบมวยฟรีพากันล้อมวงเป็นไทยมุงส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน หลายคนถึงกับวางเงินเดิมพันกันว่าพวกไหนจะเป็นฝ่ายชนะ ตายกี่คน เจ็บกี่คน สูง ต่ำ เต็ง โต๊ด ครบหมด ตามนิสัยชอบการพนันอยู่ในสายเลือด เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งโดนขวานสับติดซอกคอ แต่ไม่มีเวลาดึงออก เซออกมาล้มลงแทบเท้าข้างหน้า ผมลองเขี่ยดูด้วยรองเท้าเบา ๆ ก่อนถามตามมรรยาท มากกว่าจะเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างไอ้น้อง..”
หมอนั่นชักกระแด่วอยู่สามที ก่อนลุกขึ้นหยิบหวีมาเสยลอนผมอย่างห่วงในความหล่อ แล้วหันมายักคิ้วให้ผมอย่างกวน ๆ บอกว่า
“โด่ เพ่....จิ๊บจ๊อย เรื่องแค่นี้จิ๊บจ้อย สบายมากเพ่.. เดี๋ยวผมจะเข้าไปลุยใหม่ให้ดูเป็นขวัญตา”
ว่าแล้วก็ก้มลงหยิบไม้หน้าสามซึ่งหล่นบนพื้นวิ่งปราดเข้าวงตะลุมบอนอีกรอบ และกระเด้งออกมาอีกครั้ง คราวนี้มีมีดปักอกซ้าย ลูกธนูปักหลัง เลือดไหลออกมาสวยงาม ออกมายืนยึกยัก เซไปมา แล้วทำท่าจะวิ่งเข้าไปในวง แต่พอดีสายตาเหลือบมองไปเห็นเด็กนักเรียนหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนมองอยู่ เลยออกลีลายึกยักออกอารมณ์มากเป็นพิเศษ..แอ่นหน้าแอ่นหลังเซซ้ายเซขวาอวดสาวแบบเดียวกับท่าทางของพระเอกในหนังแอ๊คชัน โดนกระทืบแต่ยังลุกขึ้นมาได้แบบเหลือเชื่อเอาชนะใจท่านผู้ชม
นักเรียนนักเลงคนนี้ก็เหมือนกัน ยึกยักบิดตัวในแง่มุมคิดว่าเท่ที่สุด สีหน้าบิดเบี้ยว พยายามแสดงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวออกมาจากสีหน้าแววตา เซไปเซมาแต่ไม่ยอมล้ม เด้งหน้าถอยหลังอยู่หลายรอบโชว์สาวไม่เลิก ผมหมั่นไส้มากเป็นกรณีพิเศษ เลยถีบเปรี้ยงเข้ากลางหลัง!
เด็กคนนั้นเลยกระเด็นอกแอ่นเข้าไปในวงตะลุมบอน ทีนี้เลยโดนเข้าไปหลายขนาน ทั้งมีด ไม้ ศอก เข่า ปืน และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าคนรุมอยู่เป็นพวกเดียวกันนั่นเอง คงหมั่นไส้เมื่อเห็นออกลีลาอวดสาวแทนที่จะมาช่วยเพื่อน ผมไม่สนใจผลแพ้ชนะของนักเลงนักเรียนเพราะต้องรีบไปทำงาน เดี๋ยวตำรวจคงมาจัดการเองหรือไม่เดี๋ยวก็ตายกันหมดเอง รถเมล์ยังจอดอยู่หลายคัน ผมไม่สนใจรถตู้ ขณะก้าวเท้าออกไป ผมรู้สึกตาลายวูบหนึ่ง แผ่นดินใต้เท้าหายวูบไปโดยกะทันหัน
ฝาท่อระบายน้ำครับซึ่งเปิดทิ้งเอาไว้ตามแบบฉบับของความรับผิดชอบของผู้รับเหมา เพราะความรีบร้อนผมจึงไม่ทันดูว่าฝาท่อเปิดอยู่ มือทั้งสองไขว่คว้าหาที่ยึดเกาะ ถ้าหากเป็นคนอื่นคงมีการตายบ้างล่ะ แต่ดีว่าเป็นผมผู้คุ้นเคยกับหนังประเภทบู้ล้างผลาญมามาก มือจึงคว้าขอบบ่อไว้ทันร่างห้อยต่องแต่งอยู่อย่างน่าหวาดเสียว
.