เพาะปลูกอย่างไรบนที่ดินที่มีจำกัดให้คุ้มค่าที่สุด

สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานประจำอยู่ที่กรุงเทพ และมีที่ดินที่เพิ่งซื้อมาประมาณ 4 ไร่ อยู่ที่ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน (มีคนที่สามารถช่วยดูแลได้บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ตลอดเวลาครับ) โดยความตั้งใจเริ่มแรกคือ ต้องการจะลองปลูกมะพร้าวน้ำหอมดูอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งผมมีความตั้งใจว่าถ้าทุกอย่างไปได้ดีมากๆ (คำว่าไปได้ดีของผม หมายถึงสามารถทำกำไรได้อย่างต่ำ 50,000 บาทต่อเดือน หรือ 6แสนบาทต่อปี) ผมอาจจะลาออกไปใช้ชีวิตที่น่าน แต่จับพลัดจับผลู ดันมาได้ที่ดินที่มีต้นลำไยกับต้นปาล์มซึ่งอายุมากกว่า 5 ปี อย่างละประมาณ 40 ต้นปลูกไว้อยู่แล้ว โดย:
1) ต้นปาล์มปลูกอยู่ตรงที่ลุ่มแม่น้ำ (1.5 ไร่)
2) ต้นลำไยปลูกอยู่บนที่เนินเขา (2.5 ไร่)
3) พวกต้นไม้เหล่านี้ ไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร
4) น้ำจะสามารถท่วมถึงที่ดินที่ปลูกต้นปาล์มได้ทุกปี ช่วงหน้าฝน แต่จะท่วมอยู่แค่ 2-3 วันเท่านั้น น้ำก็จะลด
5) ดินที่ปลูกต้นปาล์ม เป็นดินที่ดูอุดมสมบูรณ์กว่าดินบนเนินเขาที่น้ำท่วมไม่ถึงค่อนข้างมากครับ

หากผมตัดสินใจที่จะดูแลสิ่งที่ผมมีอยู่แล้ว เท่าที่ผมลองหามาคร่าวๆ ข้อดีข้อเสียของมันมีอยู่ว่า:
1) ลำไย ขายง่ายขายคล่อง กำไรต่อพื้นที่หนึ่งไร่ค่อนข้างดี ยกเว้นปีที่ลำไยล้นตลาด แต่ต้องพ่นยาเยอะ และต้องการการดูแลเอาใจใส่ตลอด
2) ต้นปาล์ม มีสหกรณ์รับซื้อแน่นอน แต่ราคาต่ำ (ตอนนี้รับซื้อที่โลละ 3 บาท ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 4.5 บาท) ต้องมีพื้นที่ปลูกหลายสิบไร่ ถึงจะคุ้มกับการนำผลปาล์มสุกไปส่งที่สหกรณ์ (ระยะห่างจากสวนไปสหกรณ์ประมาณ 6-7 กิโลเมตร)

ดังนั้นผมจึงได้มองหาทางเลือกอื่นๆที่ดีกว่าไว้อยู่ โดยได้ลองค้นคว้าดูเองคร่าวๆ ก็มีดังนี้ครับ:
1) ถอนต้นปาล์ม แล้วลงมะพร้าวน้ำหอมแทนตามความตั้งใจเริ่มแรก  -  มะพร้าวน้ำหอมราคาดีกว่าปาล์มพอควร เป็นที่ต้องการของตลาด และแม่ค้าน่าจะรับซื้อไปขายต่อได้ง่าย แต่ที่น่าน เหมือนจะไม่มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อหน้าสวนเลย
2) เห็ดฟางใต้ต้นปาล์ม - ต้นทุนต่ำ ดูแลไม่ยาก ใช้ทะลายปาล์มมาเป็นแหล่งเพาะเชื้อเห็ดได้ และน่าจะเป็นที่ต้องการพอสมควร แต่ก็น่าจะต้องไปหาทางติดต่อแม่ค้าในตลาดด้วยตนเอง
3) ว่านหางจระเข้ - ดูแลง่าย โตได้ในที่แล้ง ราคาดี แต่ไม่รู้จะไปขายใครได้ที่น่าน เพราะตลาดเหมือนจะอยู่ที่ภาคกลาง (มีกลุ่มแม่บ้านรับซื้อไปทำน้ำว่านหางจระเข้ที่ สมุทรสาครและราชบุรี)
4) สตรอเบอรี่ - รายได้ค่อนข้างสูง แต่ต้นทุนก็สูงเหมือนกัน  และไม่รู้ว่าคนเมืองน่านจะบริโภคกันมากมั้ย

แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าทางเลือกเหล่านี้ อันไหนจะเหมาะสมที่สุด เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเกษตรมาก่อนเลย (แต่สนใจและตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆครับ ไม่ยอมแพ้แน่นอน) ดังนั้น ผมจึงอยากได้รับคำชี้แนะจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ว่ามีผลผลิตทางการเกษตรแบบผสมผสานแบบไหนที่ตอบโจทย์ด้านล่างนี้ได้เกือบครบทุกข้อบ้างครับ:
1) มีตลาดรับซื้อแน่นอนใน อำเภอเวียงสา หรือภายในจังหวัดน่าน
2) ราคาผลผลิตค่อนข้างดี
3) ปลูกได้ในพื้นที่จำกัด
4) ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากนัก
5) เหมาะกับสภาพดิน (ใกล้แม่น้ำ) และอากาศเมืองน่าน

น้อมรับทุกความคิดเห็นและคำชี้แนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่