สวัสดีค่ะ มาตามคำเรียกร้องอีกตามเคยนะ อิอิ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจจะไปเทรคเส้นทางนี้ หรือกำลังวางแผนจะไป หรือเคยไปมาแล้วให้ได้มาระลึกความหลัง รวมทั้งคนที่อาจจะไม่มีโอกาสได้ไป (ผู้สูงอายุ ฯลฯ) เพื่อให้ได้ข้อมูลเหมือนได้ร่วมเดินทางไปกับเรานะคะ เรื่องราวเล่าผ่านมุมมองของเราจากประสบการณ์ที่เราได้เจอมากับตัวเองในการเดินทางครั้งนี้ ท่านใดที่พบเจออะไรที่แตกต่าง ก็ยินดีให้มาแบ่งปันกันค่ะ ^^ มีกระทู้รีวิว ABC ดีๆ สวยๆ อีกหลายอันที่เป็นประโยชน์กับเราซึ่งจะเอาลิ้งค์มาใส่ให้ในตอนท้ายนะคะ รีวิวรูปสวยมีเยอะแล้ว เอารีวิวแหวกแนวมั่งเนอะ!

**จุดเริ่มต้น
เทือกเขาหิมาลัย เป็นสิ่งหนึ่งที่เราผูกพันตั้งแต่เด็ก เพราะเคยเรียนโรงเรียนประจำแถบดาร์จีลิ่ง (รีวิวเที่ยวตามลิ้งค์นี้ค่ะ https://ppantip.com/topic/35238144) ซึ่งแทบทุกเช้าเราจะเห็นยอดภูเขาหิมะอยู่ไกลๆ จึงเกิดความใฝ่ฝันที่อยากไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ ความสวยงามทางธรรมชาตินี้ พอโตขึ้นมาจึงได้รู้จักกับ Annapurna Base Camp (ABC) ประเทศเนปาล เป้าหมายของเราในทริปนี้ค่ะ
จากที่เคยชวนเพื่อนๆไว้ เพราะคิดว่าจะจัดทริปเอง ไปๆมาๆ ไม่มีเพื่อนไปด้วย เพราะมันลำบาก ต้องหาคนที่เที่ยวแนวเดียวกัน และมันใช้เงินเยอะพอสมควร คนที่อุปกรณ์ไม่พร้อมก็ต้องลงทุนกันใหม่หมด สรุปเราเลยซื้อแพคเกจปีนเขาที่ไปรวมกับคนอื่นๆ โดยจ่ายเงิน 40,000 บาท ได้รายละเอียดดังนี้
1. ตั๋วเครื่องบินการบินไทยไปกลับ กรุงเทพ-Kathmandu เมืองหลวงของประเทศเนปาล บินเที่ยวละ 3.30ชม
2. รถรับ-ส่งจากสนามบินไปที่พัก
3. รถบัสไปกลับ Kathmandu-Pokhara เมืองตีนเขาก่อนเริ่มเดินเท้า นั่งรถขาละ 7ชม
4. รถบัสไปกลับ Pokhara-Nayapul จุดเริ่มต้นของการเดินเท้า นั่งรถขาละ 1.30ชม
5. ที่พักตลอดการเดินทางทั้งหมด 13 คืน
6. อาหารเช้า 4 มื้อที่ Kathmandu 2 มื้อและ Pokhara 2 มื้อ ไม่รวมอาหารวันที่เดินเทรค
7. ค่าเข้าอุทยานอันนาปุรนะตามจุด Check post มี 2 ที่ ราคาที่ละ 2,000 รูปี ต่อคน
8. ค่าเข้าชมพระอาทิตย์ขึ้นบน Poon Hill คนละ 50 รูปี
9. ค่าเข้าบ่อน้ำพุร้อนที่เมือง Jhinnu ราคา 100 รูปี ต่อคน
10. ไกด์นำทาง 1 คน ผู้ช่วยไกด์ 2 คน ต่อกลุ่ม
11. ลูกหาบ 1 คน ที่จะแบกของให้เราประมาณ 12-15 กิโลกรัม
12. เพื่อนใหม่ที่ร่วมเดินทางด้วยกันอีก 15 คน ^^

สิ่งที่เราต้องจ่ายเองเพิ่มเติม คือ
1. ค่าวีซ่าเนปาลแบบท่องเที่ยว 15 วัน ราคา 900 บาท (ใช้เอกสารน้อยมาก สามารถให้คนอื่นยื่นและรับแทนให้ได้ และใช้เวลาเพียง 2 วันทำการเพื่อออกวีซ่า) ดูรายละเอียดการขอวีซ่าได้ที่ http://nepalembassybangkok.com/visathai.php
2. ค่าประกันการเดินทาง เราซื้อของบูพา แบบ ELITE (14วัน) ราคา 1,890 บาท โดยซื้อทางออนไลน์ประมาณ 5-7 วันก่อนเดินทาง
3. ค่าอาหารกลางวันและเย็นที่ Kathmandu, Pokhara และ ระหว่างนั่งรถ
4. ค่าอาหารทุกมื้อ ขนม ของใช้ส่วนตัว และน้ำดื่มตลอดการเทรค ประมาณ 10 วัน
5. ค่า internet wifi ในที่พักที่มีบริการ ครั้งละ 100-200 รูปี (สัญญาณอาจไม่ค่อยดีนะคะ)
6. ค่าช้าจแบตเตอรี่ อุปกรณ์ละ 100-200 รูปี (เฉพาะบางที่ที่มีไฟฟ้าเพียงพอ)
7. ค่าอาบน้ำร้อน ที่ละ 100-300 รูปี ต่อคน ต่อครั้ง #อาบน้ำเย็นฟรีจ้า
8. ค่าโทรศัพท์ หากซื้อซิมเองก็ได้ค่ะ แต่ในบางพื้นที่จะไม่มีสัญญาณเลย ที่พักบางแห่งจะมีโทรศัทพ์ที่สามารถโทรทางไกลได้ เขาคิดค่าโทรนาทีละ 50 รูปี แต่บางทีเรายืมโทรศัพท์ของไกด์ ซึ่งจะมีรหัสโทรถูกนาทีละ 10 รูปีเองค่ะ

ทุกอย่างยิ่งไกล ยิ่งสูง ยิ่งแพง เพราะต้องขนส่งทาง ลา หรือม้าแคระ (pony) และคน เท่านั้นค่ะ

>> สกุลเงินที่ประเทศเนปาลคือ รูปีเนปาล (ไม่ใช่รูปีอินเดีย) ซึ่งคิดคร่าวๆที่ 1 บาท = 3 รูปีเนปาล เวลาจะซื้ออะไร ก็ดูราคารูปี แล้วหารด้วย 3 ก็จะได้ราคา บาทไทย แบบคร่าวๆค่ะ ซึ่งเงินสกุลนี้หาแลกได้ยากในประเทศไทย พวกเราได้รับคำแนะนำให้แลกเป็นเงิน US Dollar ไปแล้วแลกเป็นรูปีกับไกด์เมื่อถึง Kathmandu โดยเราแลกเงินไทยประมาณ 10,500 บาท = 300 USD = 37,500 รูปี เงินสกุลนี้มีเหรียญ 1 รูปี และธนบัตร ตั้งแต่ 5 จนถึง 1000 รูปี โดยส่วนมากแบ้งค์จะเก่าๆ ขาดๆ ดำๆ ยุ่ยๆ บางอันมีสก๊อตเทปติดดามเอาไว้ ไม่ต้องแปลกใจนะคะ เขาใช้กันแบบนี้ ร้านค้าทุกที่เขาก็รับหมดค่ะ <<

        เนปาล เป็นประเทศเล็กๆในอนาเขตของเทือกเขาหิมาลัยในทวีปเอเชีย ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยมีชายแดนติดกับประเทศอินเดียและทิเบต เนื่องจากภูเขาที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Mount Everest อยู่ที่นี่ ประเทศเนปาล จึงมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ท้าทาย ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเพื่อ เดินป่า ปีนเขา หรือนั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อสัมผัสความยิ่งใหญ่ และสวยงามที่นี่เป็นจำนวนมากทุกๆปี โดยมีหลากหลายเส้นทางที่น่าสนใจ และหนึ่งในนั้นก็คือ ABC ซึ่งจะอยู่คนละฝั่งกับภูเขาเอเวอร์เรสค่ะ
เส้นทางที่เราเลือก คือการเดินเท้าไปสู่ ABC โดยเดินอ้อมไปเพื่อชมวิวที่ Poon Hill ก่อน ใช้เวลาในการเดินทั้งหมด 10 วัน (เดินขึ้น 7 วันและเดินลง 3 วัน) เพิ่มวันเดินทางไปสู่จุดเริ่มเดินเท้าอีก 2 วัน และเดินทางกลับอีก 2 วัน เป็นเวลาทั้งหมด 14 วัน ตามตารางด้านล่าง ซึ่งได้สรุปการเดินทางคร่าวๆมาไว้ รวมทั้งสภาพอากาศระหว่างการเดินทางค่ะ
Day 1: Bangkok - Kathmandu (เครื่องบิน)
Day 2: Kathmandu - Pokhara (รถบัส)
Day 3: Pokhara - Nayapul - Ulleri (รถบัส + เดิน)
Day 4: Ulleri - Ghorepani (เดิน)
Day 5: Ghorepani - Poon Hill - Tadapani (เดิน)
Day 6 : Tadapani - Chhomrong (เดิน)
Day 7 : Chhomrong - Bamboo (เดิน)
Day 8 : Bamboo - Deurali (เดิน)
Day 9 : Deurali - ABC (เดิน)
Day 10 : ABC - Bamboo (เดิน)
Day 11 : Bamboo - Jhinu Danda (เดิน)
Day 12 : Jhinu Danda - Nayapul - Pokhara (เดิน + รถจี๊บ + รถบัส)
Day 13 : Pokhara - Kathmandu (รถบัส)
Day 14 : Kathmandu - Bangkok (เครื่องบิน)

**โดยรวม
สำหรับทริปของกลุ่มเรา ทุกอย่างค่อนข้างลงตัว เนื่องจากสภาพอากาศที่เป็นใจ ในการเดิน มีฝนบ้าง มีลูกเห็บบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก ไม่มีสมาชิกคนไหนเป็นโรคแพ้ความสูงที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต สมาชิกที่ร่วมเดินทางทุกคนเป็นมิตร มีน้ำใจ คอยเป็นห่วงเป็นใย ดูแลกันและกันตลอดการเดินทาง แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่อาจเพราะพวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน จึงช่วยกันพาไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้นได้พร้อมๆกัน รวมถึงพวกเราได้ไกด์ที่มีประสบการณ์สูง ได้เตรียมการวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ไม่ค่อยมีอะไรคลาดเคลื่อนให้ถึงกับต้องเดือดร้อนค่ะ