ระบายความในใจหน้าแรก วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๙.๕๘ น
เรามีสามีป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่ ๔ อ้างอิงจากการเขียนบทความบรรยายความในใจเมือปี่ที่เรื่อง เสียความรู้สึกจาก รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุนย์
มาถึงวันนี้ สามีก็ยังถือว่าปกติ จากการให้กำลังใจต่างๆปรับอาหารหารกิน ออกกำลังกายเบาๆ แต่เมื่อประมาณ ๒ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สามีมีอาการอาหารเป็นพิษเนื่องจากความสะเพร่าของเราเองที่ไม่ได้ดูวันหมดอายุของอาหารที่ให้ทานไป หลังจากนั้นจนถึงวันนี้แกมีอาการปวดท้องแบบมวนๆท้อง มีแก๊ซในท้องเยอะ เรอมาก ผายลม เราหาข้อมูลปรากฎว่าอาการคล้ายๆกับ โรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งมันทำให้มีไข้อ่อนๆด้วย ประเด็นคือ อิ รศ.ที่ศิริราชฯ มันเคยพูดใส่หูไว้ว่า ไม่ว่าจะทำยังงัย ดูแลตัวเองดียังงัย ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๖ เดือน หรือเต็มที่ ๑ ปีครึ่ง โดยที่มันไม่รู้หรอกว่าคำพูดของมันได้ฝังเข้าไปในหัวคนป่วยแล้ว ดังนั้นเมื่อมีอาการเจ็บป่วยใดๆ สามีก็จะนึกถึงแต่ว่า โรคมะเร็งกำลังกระจายไปกินส่วนอื่นๆแน่ๆ แกกำลังจะต้องตาย เริ่มมีอาการจิตตก เราเข้าใจนะว่าถ้าคุณป่วยอยู่แล้วคนเราก็จะเหมาๆรวมๆกันว่าเพราะสาเหตุนั้นแน่ๆ และแน่นอนว่า อารมณ์ความรู้สึกของคนป่วยที่เหวี่ยงใส่คนดูแลมันมาเต็ม แต่ไม่ได้โกรธนะคะ แต่รู้สึกโกรธและเกลียดไอ้หมอไร้จรรยาบรรณคนนั้นมากกว่า ที่พูดตัดกำลังใจกันอย่างรุนแรง เพียงเพราะเราจี้ถามคำถามและไม่มีเงินพอที่จะรักษาต่อไปได้
เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ยอมรับนะคะว่า เราในฐานะภรรยาและคนดูแล ท้อค่ะ เหนื่อย โทรม เครียด จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนระหว่างคนดูแลกับคนป่วย สิ่งหนึ่งที่อยากให้เพื่อนๆที่ดูแลคนป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายได้เข้ามาแชร์ความรู้สึก มาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน มาช่วยกันให้กำลังใจเพื่อที่จะได้เดินต่อไปได้ ใครมีอะไรดีๆก็มาคุยกันนะคะ
ตอนนี้ไล่สามีไปนอนละ บอกว่าไปนอนซะ พรุ่งนี้คือวันใหม่ เราต้องเดินต่อไปด้วยกัน ( ขอร้องไห้คนเดียวข้างๆแมวๆทั้งหลาย)
ไม่ท้อนะคะเพื่อนๆที่อยู่ในสถานะเดียวกัน เรามาจับมือกันให้กำลังใจกัน สู้ไปด้วยกันนะคะ
แล้วจะมาเล่าอะไรให้ฟังกันอีก ครั้งหน้าจะไม่เศร้า จะเล่าแบบขำๆ สัญญาจ้า
ฝันดีนะเพื่อนๆ
ความหวังของผู้ดูแลคนป่วยมะเร็งระยะที่ 4
เรามีสามีป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่ ๔ อ้างอิงจากการเขียนบทความบรรยายความในใจเมือปี่ที่เรื่อง เสียความรู้สึกจาก รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุนย์
มาถึงวันนี้ สามีก็ยังถือว่าปกติ จากการให้กำลังใจต่างๆปรับอาหารหารกิน ออกกำลังกายเบาๆ แต่เมื่อประมาณ ๒ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สามีมีอาการอาหารเป็นพิษเนื่องจากความสะเพร่าของเราเองที่ไม่ได้ดูวันหมดอายุของอาหารที่ให้ทานไป หลังจากนั้นจนถึงวันนี้แกมีอาการปวดท้องแบบมวนๆท้อง มีแก๊ซในท้องเยอะ เรอมาก ผายลม เราหาข้อมูลปรากฎว่าอาการคล้ายๆกับ โรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งมันทำให้มีไข้อ่อนๆด้วย ประเด็นคือ อิ รศ.ที่ศิริราชฯ มันเคยพูดใส่หูไว้ว่า ไม่ว่าจะทำยังงัย ดูแลตัวเองดียังงัย ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๖ เดือน หรือเต็มที่ ๑ ปีครึ่ง โดยที่มันไม่รู้หรอกว่าคำพูดของมันได้ฝังเข้าไปในหัวคนป่วยแล้ว ดังนั้นเมื่อมีอาการเจ็บป่วยใดๆ สามีก็จะนึกถึงแต่ว่า โรคมะเร็งกำลังกระจายไปกินส่วนอื่นๆแน่ๆ แกกำลังจะต้องตาย เริ่มมีอาการจิตตก เราเข้าใจนะว่าถ้าคุณป่วยอยู่แล้วคนเราก็จะเหมาๆรวมๆกันว่าเพราะสาเหตุนั้นแน่ๆ และแน่นอนว่า อารมณ์ความรู้สึกของคนป่วยที่เหวี่ยงใส่คนดูแลมันมาเต็ม แต่ไม่ได้โกรธนะคะ แต่รู้สึกโกรธและเกลียดไอ้หมอไร้จรรยาบรรณคนนั้นมากกว่า ที่พูดตัดกำลังใจกันอย่างรุนแรง เพียงเพราะเราจี้ถามคำถามและไม่มีเงินพอที่จะรักษาต่อไปได้
เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ยอมรับนะคะว่า เราในฐานะภรรยาและคนดูแล ท้อค่ะ เหนื่อย โทรม เครียด จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนระหว่างคนดูแลกับคนป่วย สิ่งหนึ่งที่อยากให้เพื่อนๆที่ดูแลคนป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายได้เข้ามาแชร์ความรู้สึก มาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน มาช่วยกันให้กำลังใจเพื่อที่จะได้เดินต่อไปได้ ใครมีอะไรดีๆก็มาคุยกันนะคะ
ตอนนี้ไล่สามีไปนอนละ บอกว่าไปนอนซะ พรุ่งนี้คือวันใหม่ เราต้องเดินต่อไปด้วยกัน ( ขอร้องไห้คนเดียวข้างๆแมวๆทั้งหลาย)
ไม่ท้อนะคะเพื่อนๆที่อยู่ในสถานะเดียวกัน เรามาจับมือกันให้กำลังใจกัน สู้ไปด้วยกันนะคะ
แล้วจะมาเล่าอะไรให้ฟังกันอีก ครั้งหน้าจะไม่เศร้า จะเล่าแบบขำๆ สัญญาจ้า
ฝันดีนะเพื่อนๆ