“เอกสารนี้มีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแนวคิดของอังกฤษต่อไทยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในภาวะสงคราม ที่กรุงลอนดอน
เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1945
ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในรายงานสรุปทางการ ข้อความที่เปรียบเทียบไทยเป็น Finland of the East หรือ ฟินแลนด์แห่งตะวันออก
เป็นคำพูดของลอร์ดเซลบอร์น รัฐมนตรีว่าการสงครามทางเศรษฐกิจ ที่กล่าวกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษวินสตัน เชอร์ชิล
ระหว่างการวิจารณ์บทบาทของสหรัฐฯ ในการ ‘รีบแย่งชิงท่าทีนำ’ ของอังกฤษ ท่ามกลางปัญหาทางอุดมการณ์ระหว่างอังกฤษกับสหรัฐฯ
ในฝ่ายสัมพันธมิตรเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางระเบียบโลกภายหลังสงคราม โดยมีไทยเป็นหนึ่งในประเด็นขัดแย้งสำคัญ
อังกฤษยังคงท่าทีต้องการยึดระบบจักรวรรดินิยมและรื้อฟื้นอาณานิคม
โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเสื่อมต่ออิทธิพลของตนหลังโดนญี่ปุ่นไล่ออกจากภูมิภาค
ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งไม่อยากถูกมองว่าได้เข้าร่วมสงครามเพื่อรักษาระบบอาณานิคมของชาติอื่น
มีท่าทีต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ตามกฎบัตรแอตแลนติก ที่ร่วมลงนามกับอังกฤษ
โดยเฉพาะด้วยการช่วยคงเอกราชของไทยไว้ เพื่อเป็นตัวอย่างนโยบายของตัวเองต่อภูมิภาค
ความขัดแย้งทางมุมมองของทั้ง 2 ประเทศ บานปลายเป็นปัญหานโยบายที่ส่งผลให้ไม่สามารถมีท่าทีร่วมกันต่อไทยในช่วงต้นปีสิ้นสุดสงคราม
อังกฤษถือว่า การที่ไทยเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น และได้เริ่มประกาศสงครามต่อกัน ทำให้อังกฤษถูกขับไล่ออกจากภูมิภาค
จึงมีสิทธิเรียกร้องความเสียหาย ในขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันนโยบายปกป้องไทยซึ่งเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก โดยถือว่าไทยในขณะนั้นเป็นดินแดนที่ถูกข้าศึกครอบครอง และไม่ยอมรับว่าไทยประกาศสงครามต่อตัวเองตามแนวคิดของขบวนการเสรีไทย”
นายมานากรณ์ เมฆประยูรทอง ผู้ค้นพบเอกสารที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน
จดหมายเหตุฉบับนี้ ถูกย้ายมาเก็บรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุ เธอะ เนชั่นนอล อาร์ไคว์ฟ (The National Archives) ตั้งแต่ปี 2549
เกี่ยวกับผู้ค้นพบ
นายมานากรณ์ เมฆประยูรทอง นักการทูตศึกษาชำนาญการพิเศษ กองสังคมและวัฒนธรรม กรมอาเซียน
นายมานากรณ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า การกล่าวเปรียบเทียบไทยเป็น “ฟินแลนด์แห่งตะวันออก” จากฝ่ายอังกฤษ
เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนหลังจากฟินแลนด์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะนาซีเยอรมนีหลังจากเคยร่วมรบเคียงข้างกันในช่วงสงคราม
ฟินแลนด์ได้สมคบกับนาซีเยอรมันสู้รบกับสหภาพโซเวียตระหว่าง ค.ศ. 1941-1944
หลังจากโซเวียตบุกยึดพื้นที่บางส่วนของฟินแลนด์ได้เมื่อ ค.ศ. 1940
แต่เมื่อโซเวียตมีท่าทีจะชนะอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 ประธานาธิบดีฟินแลนด์ได้ประกาศลาออก
ให้คนใหม่ขึ้นแทนเพื่อเซ็นสัญญาสงบศึกกับโซเวียต และหันไปต่อต้านนาซีเยอรมัน
อันเป็นการกระทำที่ช่วยให้ฟินแลนด์รักษาเอกราชไว้ได้
“สำหรับไทย ในขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนั้น ได้รับฟังรายงานแผนลับของไทยที่แจ้งต่ออังกฤษ
ในการจะให้นายกรัฐมนตรีไทยประกาศลาออก เพื่อที่รัฐบาลจากฝ่ายต่อต้านสามารถขึ้นมาแทน และสานความร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไป”
“ฟินแลนด์แห่งตะวันออก” มองย้อนท่าทีของ อังกฤษ และ สหรัฐ ที่มีต่อไทย
เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1945
ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในรายงานสรุปทางการ ข้อความที่เปรียบเทียบไทยเป็น Finland of the East หรือ ฟินแลนด์แห่งตะวันออก
เป็นคำพูดของลอร์ดเซลบอร์น รัฐมนตรีว่าการสงครามทางเศรษฐกิจ ที่กล่าวกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษวินสตัน เชอร์ชิล
ระหว่างการวิจารณ์บทบาทของสหรัฐฯ ในการ ‘รีบแย่งชิงท่าทีนำ’ ของอังกฤษ ท่ามกลางปัญหาทางอุดมการณ์ระหว่างอังกฤษกับสหรัฐฯ
ในฝ่ายสัมพันธมิตรเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางระเบียบโลกภายหลังสงคราม โดยมีไทยเป็นหนึ่งในประเด็นขัดแย้งสำคัญ
อังกฤษยังคงท่าทีต้องการยึดระบบจักรวรรดินิยมและรื้อฟื้นอาณานิคม
โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเสื่อมต่ออิทธิพลของตนหลังโดนญี่ปุ่นไล่ออกจากภูมิภาค
ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งไม่อยากถูกมองว่าได้เข้าร่วมสงครามเพื่อรักษาระบบอาณานิคมของชาติอื่น
มีท่าทีต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ตามกฎบัตรแอตแลนติก ที่ร่วมลงนามกับอังกฤษ
โดยเฉพาะด้วยการช่วยคงเอกราชของไทยไว้ เพื่อเป็นตัวอย่างนโยบายของตัวเองต่อภูมิภาค
ความขัดแย้งทางมุมมองของทั้ง 2 ประเทศ บานปลายเป็นปัญหานโยบายที่ส่งผลให้ไม่สามารถมีท่าทีร่วมกันต่อไทยในช่วงต้นปีสิ้นสุดสงคราม
อังกฤษถือว่า การที่ไทยเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น และได้เริ่มประกาศสงครามต่อกัน ทำให้อังกฤษถูกขับไล่ออกจากภูมิภาค
จึงมีสิทธิเรียกร้องความเสียหาย ในขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันนโยบายปกป้องไทยซึ่งเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก โดยถือว่าไทยในขณะนั้นเป็นดินแดนที่ถูกข้าศึกครอบครอง และไม่ยอมรับว่าไทยประกาศสงครามต่อตัวเองตามแนวคิดของขบวนการเสรีไทย”
นายมานากรณ์ เมฆประยูรทอง ผู้ค้นพบเอกสารที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน
จดหมายเหตุฉบับนี้ ถูกย้ายมาเก็บรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุ เธอะ เนชั่นนอล อาร์ไคว์ฟ (The National Archives) ตั้งแต่ปี 2549
เกี่ยวกับผู้ค้นพบ
นายมานากรณ์ เมฆประยูรทอง นักการทูตศึกษาชำนาญการพิเศษ กองสังคมและวัฒนธรรม กรมอาเซียน
นายมานากรณ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า การกล่าวเปรียบเทียบไทยเป็น “ฟินแลนด์แห่งตะวันออก” จากฝ่ายอังกฤษ
เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนหลังจากฟินแลนด์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะนาซีเยอรมนีหลังจากเคยร่วมรบเคียงข้างกันในช่วงสงคราม
ฟินแลนด์ได้สมคบกับนาซีเยอรมันสู้รบกับสหภาพโซเวียตระหว่าง ค.ศ. 1941-1944
หลังจากโซเวียตบุกยึดพื้นที่บางส่วนของฟินแลนด์ได้เมื่อ ค.ศ. 1940
แต่เมื่อโซเวียตมีท่าทีจะชนะอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 ประธานาธิบดีฟินแลนด์ได้ประกาศลาออก
ให้คนใหม่ขึ้นแทนเพื่อเซ็นสัญญาสงบศึกกับโซเวียต และหันไปต่อต้านนาซีเยอรมัน
อันเป็นการกระทำที่ช่วยให้ฟินแลนด์รักษาเอกราชไว้ได้
“สำหรับไทย ในขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนั้น ได้รับฟังรายงานแผนลับของไทยที่แจ้งต่ออังกฤษ
ในการจะให้นายกรัฐมนตรีไทยประกาศลาออก เพื่อที่รัฐบาลจากฝ่ายต่อต้านสามารถขึ้นมาแทน และสานความร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไป”