ᏞᎬᎻ-ᏞᎪᎠᎪKᎻ , ᏆNᎠᏆᎪ
อินเดียหน้าหนาว หิมะ น้ำแข็ง และ เสียงแตร
ผมจำได้ว่ามันเป็นช่วงกลางดึกของเดือน ตุลาคม ปีที่แล้ว(พ.ศ.2559)
เพื่อนสนิทคนหนึ่งโทรมา ในขณะที่ผมกำลังเข้านอน
คำแรก จากปากของเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์คือ “มุง ไปอินเดียกันเถอะ”
India คือประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสายตา ของตัวเองสักเท่าไหร่ ถ้าหากจะเลือกเดินทางไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง อินเดีย คงไม่ใช่ประเทศแรกๆที่ผมจะนึกถึงแน่นอน แต่ด้วยอะไรไม่รู้ดลใจ เพื่อนตื้อแป้ปเดียวผมก็ตัดสินใจ ตกลง
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Trip นี้
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจไปเที่ยวประเทศที่ตัวเองไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไหร่คือ การที่มีคนรู้จักอยู่ที่นู่น (พี่สาวของเพื่อนที่โทรมาชวน ไปเรียนต่อที่อินเดีย) ทำให้เบาใจเรื่องการเดินทางและการใช้ชีวิตในอินเดียไปประมาณนึง เพราะเหมือนมีคนในพื้นที่ไปด้วย
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ความอยากลอง อยากรู้ อยากเห็น ของตัวเอง เพราะอินเดียเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในหลายๆด้าน(แต่ส่วนใหญ่ที่เราๆได้ยินมักจะเป็นเรื่องด้านลบซะมากกว่า) อย่างเช่น เรื่องอาหารที่เค้าว่าไม่ค่อยสะอาดและกินยาก ผู้คนที่หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร ภูมิประเทศที่สุดโหดอากาศที่เค้าว่าร้อนตับแตก การคมนาคมที่แสนวุ่นวาย เรื่องราวเหล่านี้ล้วนสื่อผ่านให้ผมได้เห็นได้ยินผ่านตามสื่อต่างๆ เลยอยากนึกลองของ ไปดูไปลองให้เห็นสักตั้ง ว่าที่ได้ยินมานั้นมันจะจริงแค่ไหนกัน เหตุผลที่สามคือ เราจะได้ไป Leh-Ladakh กันในฤดูหนาว ช่วงที่ไม่ค่อยมีใครเค้าไปกัน มันน่าตื่นเต้นดีแท้
และเหตุผลอีกข้อที่แถมมา คือ การอยากไปเจออะไรใหม่ๆเพื่อรักษา หัวใจ ของตัวเอง
เราวางแผนไป ᏞᎬᎻ-ᏞᎪᎠᎪKᎻ , ᏆNᎠᏆᎪ-NEW DELHI กันช่วงฤดูหนาว ต้นเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งที่ ᏞᎬᎻ-ᏞᎪᎠᎪKᎻ อากาศยังหนาวมากๆสถานที่บางที่ยังปิดไม่ให้เข้าเพราะการเดินทางที่ลำบาก เราจึงต้องวางแผนกันอย่างเข้มงวด แต่บางอย่างก็ต้องอาสัยดวงและสภาพอากาศในวันนั้นๆด้วย
แต่ขอบอกเลยว่ามัน เป็นทริปที่ทั้ง สนุก โหด มันส์ ฮา สวยงามอลังการ และหนาวมากกก
เลยอยากมาแชร์ประสบการ์ณที่ยากจะลืมของตัวเอง กับการใช้ชีวิตใน อินเดีย ประเทศที่ Incredible สมชื่อจริงๆครับ
.....
เราสามชีวิต ใช้เวลาทั้งหมดในอินเดีย 9 วัน
เริ่มต้นทริปเราจัดหนักไปต้านลมหนาวและหิมะกันที่เมือง Leh หกวันห้าคืน
และใช้เวลาอยู่ใน นิวเดลี อีก สามวันสองคืน
ฝากติดตามอัลบั้มถ่ายภาพของผมใน IG ด้วยนะครับ
IG : tlepop
ภาคต่อครับ นิวเดลี ไม่มีสี
https://ppantip.com/topic/36463762
DAY 1 : เริ่มต้นทริป (BKK-NEW DELHI-LEH)
เริ่มต้นทริป ก็มีเรื่องเกิดขึ้นเลยครับ 555
ในระหว่างที่ผมกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ “พราว” กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องเพื่อไป นิวเดลี เราก็ได้รับข้อความ จากพี่สาวของเพื่อนว่า
“พวก มุง วันแรกในเลห์ พวกมุงต้องใช้ชีวิตกันเองไปก่อนนะ เพราะชั้นจำวันผิด ชั้นจะบินตามไปอีกวัน ตอนนี้ยังอยู่ บังกาลอ อยู่เลย ขอโทษจริงๆ แล้วเจอกัน”
ชิ หาย แล่ว
ผมกับเพื่อนได้แต่มองหน้ากัน มองตากันปริบๆ
คือนับแต่วินาทีนั้นไปพวกเราสองคนจะกลายเป็นแขกของประเทศอินเดีย ที่ต้องช่วยเหลือกันเองในเมืองที่ไม่เคยไปมาก่อน บวกกับภาษาอังกฤษระดับ งูๆปลาๆของพวกเรา ความกังวลก็เลยเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เอาว่ะ เราต้องผ่านมันไปให้ได้อย่าคิดมาก ไปสนุกกันดีกว่า
เราต่อเครื่องจาก นิวเดลี มาถึงที่สนามบิน เลห์ ประมาณ สิบโมงเช้า ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นจากวิวบนเครื่องบินคือ ภูมิประเทศที่สวยเว่อวังมาก ตามเทือกเขาปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวๆตัดสลับกับพื้นดินที่ส่วนใหญ่เป็นก้อนหินสีน้ำตาลและดำ มันเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆครับ
และสัมผัสแรกเมื่อเราลงจากเครื่องบิน คือความหนาวสะท้าน อุณภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ ๒ ถึง ๓ องศา ที่สนามบินจะมีรถบัสเล็กๆมารับคนไปส่งที่อาคารผู้โดยสาร ระยะทางจาก เครื่องบินไปตัวอาคารน่าจะประมาณ 100 เมตรได้ คือใกล้มาก ประมานว่าเดินไปก็ได้นะ แต่คงด้วยอากาศที่หนาวจัดเลยกลัวนักท่องเที่ยวจะไม่สบายไปซะก่อน 555
ที่สนามบิน คนขับรถของเราชื่อ อาตาฟ มารออยู่แล้ว อาตาฟ จะขับรถให้พวกเราตลอดทริปที่อยู่ใน เลห์ อาตาฟเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมีเมียแล้ว พูดน้อยๆไม่เวิ่นเว้อ ขับรถเก่ง แต่พูดอังกฤษได้นิดหน่อยเหมือนพวกเราสองคนเลย ต้องใช้ภาษามือช่วยในการสื่อสาร แต่ก็ต้องขอบคุณ อาตาฟ ที่คอยรับส่งพวกเรา แม้พวกเราจะวุ่นวายกันไปบ้าง แต่ อาตาฟ ก็ไม่มีบ่น 555
รถของ อาตาฟ พาเราสองคนออกจาก สนามบินไปยัง Guest House ที่ชื่อว่า Mir Villa ใครที่กำลังวางแผนมา Leh-Ladakh แอบแนะนำที่พักแห่งนี้เลยครับ พวกเราประทับใจกันมาก ประทับใจตั้งแต่เจ้าของ ลูกเจ้าของ ยันคุณลุงคุณป้าผู้ที่เป็นพ่อบ้านแม่บ้านของ Guest House แห่งนี้ ทุกคนมีความเป็นเจ้าบ้านที่ดีมีน้ำใจ คุยสนุก คอยแนะนำและช่วยเหลือพวกเราทุกๆอย่างเท่าที่ทำได้ ห้องพักห้องน้ำก็สะอาด อาหารก็อร่อย ถือว่าคุ้มค่ามากๆสำหรับพวกเราสามคน
มาถึงที่พัก คุณลุงคุณป้า ก็ทำอาหารเที่ยงไว้รอพวกเราเลย ขอบอกว่า ผมชอบนะ อาหารอินเดียกินได้และอร่อยดีครับแต่จะมีกลิ่นเครื่องเทศแรงหน่อย
ณ ตอนนั้นที่พักมีแค่คุณลุงกับคุณป้าอยู่สองคน การสื่อสารเลยเป็นอะไรที่ลำบากมาก เพราะคุณลุงคุณป้าพูดอังกฤษได้นิดหน่อยจริงๆ พี่เจ้าของที่พักก็ออกไปข้างนอกอีก เลยต้องใช้ภาษามือเป็นส่วนใหญ่
อาหารมื้อแรกของเราสองคน ในอินเดีย
กินเสร็จ คุณลุงก็บอกให้เราสองคน ไปนอนพักร่างกายเพื่อปรับให้เข้ากับอากาศของที่นี่ ใจจริงอยากออกเที่ยวกันแล้วแต่คงต้องเชื่อฟังเพราะได้อ่านมาเหมือนกันครับว่า มาถึงอย่าพึ่งเที่ยว ไม่งั้นร่างกายจะรับไม่ไหวแล้วป่วยได้ พวกเราเลยนอนเอาแรงกัน
เราตื่นกันประมาณ 4 โมงเย็น ได้พักเต็มที่ เลยชวนกันออกไปเดินเล่นแถวๆที่พัก
วิวจากชั้นดาดฟ้าของ Guest House
ถนนทางเข้าที่พัก แคบมากๆเลย
บรรยากาศยามเย็น สงบและหนาวมากๆ พวกเราเดินไปสั่นไป
เจอร้านขายของชำเลยแวะซื้อขนมกันสักหน่อย
พอได้ขนมมาตุนแล้ว เราก็เดินกลับที่พักกันเพราะอากาศเริ่มหนาวมากๆ
แถม พราว ยังมีอาการเหมือนจะมีไข้เลยต้องรีบกลับไปกินยาพักผ่อนร่างกายกันก่อน
ภาคต่อครับ นิวเดลี ไม่มีสี
https://ppantip.com/topic/36463762
[CR] [CR]ᏞᎬᎻ-ᏞᎪᎠᎪKᎻ , ᏆNᎠᏆᎪ อินเดียหน้าหนาว หิมะ น้ำแข็ง และ เสียงแตร
อินเดียหน้าหนาว หิมะ น้ำแข็ง และ เสียงแตร
ผมจำได้ว่ามันเป็นช่วงกลางดึกของเดือน ตุลาคม ปีที่แล้ว(พ.ศ.2559)
เพื่อนสนิทคนหนึ่งโทรมา ในขณะที่ผมกำลังเข้านอน
คำแรก จากปากของเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์คือ “มุง ไปอินเดียกันเถอะ”
India คือประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสายตา ของตัวเองสักเท่าไหร่ ถ้าหากจะเลือกเดินทางไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง อินเดีย คงไม่ใช่ประเทศแรกๆที่ผมจะนึกถึงแน่นอน แต่ด้วยอะไรไม่รู้ดลใจ เพื่อนตื้อแป้ปเดียวผมก็ตัดสินใจ ตกลง
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Trip นี้
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจไปเที่ยวประเทศที่ตัวเองไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไหร่คือ การที่มีคนรู้จักอยู่ที่นู่น (พี่สาวของเพื่อนที่โทรมาชวน ไปเรียนต่อที่อินเดีย) ทำให้เบาใจเรื่องการเดินทางและการใช้ชีวิตในอินเดียไปประมาณนึง เพราะเหมือนมีคนในพื้นที่ไปด้วย
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ความอยากลอง อยากรู้ อยากเห็น ของตัวเอง เพราะอินเดียเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในหลายๆด้าน(แต่ส่วนใหญ่ที่เราๆได้ยินมักจะเป็นเรื่องด้านลบซะมากกว่า) อย่างเช่น เรื่องอาหารที่เค้าว่าไม่ค่อยสะอาดและกินยาก ผู้คนที่หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร ภูมิประเทศที่สุดโหดอากาศที่เค้าว่าร้อนตับแตก การคมนาคมที่แสนวุ่นวาย เรื่องราวเหล่านี้ล้วนสื่อผ่านให้ผมได้เห็นได้ยินผ่านตามสื่อต่างๆ เลยอยากนึกลองของ ไปดูไปลองให้เห็นสักตั้ง ว่าที่ได้ยินมานั้นมันจะจริงแค่ไหนกัน เหตุผลที่สามคือ เราจะได้ไป Leh-Ladakh กันในฤดูหนาว ช่วงที่ไม่ค่อยมีใครเค้าไปกัน มันน่าตื่นเต้นดีแท้
และเหตุผลอีกข้อที่แถมมา คือ การอยากไปเจออะไรใหม่ๆเพื่อรักษา หัวใจ ของตัวเอง
เราวางแผนไป ᏞᎬᎻ-ᏞᎪᎠᎪKᎻ , ᏆNᎠᏆᎪ-NEW DELHI กันช่วงฤดูหนาว ต้นเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งที่ ᏞᎬᎻ-ᏞᎪᎠᎪKᎻ อากาศยังหนาวมากๆสถานที่บางที่ยังปิดไม่ให้เข้าเพราะการเดินทางที่ลำบาก เราจึงต้องวางแผนกันอย่างเข้มงวด แต่บางอย่างก็ต้องอาสัยดวงและสภาพอากาศในวันนั้นๆด้วย
แต่ขอบอกเลยว่ามัน เป็นทริปที่ทั้ง สนุก โหด มันส์ ฮา สวยงามอลังการ และหนาวมากกก
เลยอยากมาแชร์ประสบการ์ณที่ยากจะลืมของตัวเอง กับการใช้ชีวิตใน อินเดีย ประเทศที่ Incredible สมชื่อจริงๆครับ
.....
เราสามชีวิต ใช้เวลาทั้งหมดในอินเดีย 9 วัน
เริ่มต้นทริปเราจัดหนักไปต้านลมหนาวและหิมะกันที่เมือง Leh หกวันห้าคืน
และใช้เวลาอยู่ใน นิวเดลี อีก สามวันสองคืน
ฝากติดตามอัลบั้มถ่ายภาพของผมใน IG ด้วยนะครับ
IG : tlepop
ภาคต่อครับ นิวเดลี ไม่มีสี https://ppantip.com/topic/36463762
DAY 1 : เริ่มต้นทริป (BKK-NEW DELHI-LEH)
เริ่มต้นทริป ก็มีเรื่องเกิดขึ้นเลยครับ 555
ในระหว่างที่ผมกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ “พราว” กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องเพื่อไป นิวเดลี เราก็ได้รับข้อความ จากพี่สาวของเพื่อนว่า
“พวก มุง วันแรกในเลห์ พวกมุงต้องใช้ชีวิตกันเองไปก่อนนะ เพราะชั้นจำวันผิด ชั้นจะบินตามไปอีกวัน ตอนนี้ยังอยู่ บังกาลอ อยู่เลย ขอโทษจริงๆ แล้วเจอกัน”
ชิ หาย แล่ว
ผมกับเพื่อนได้แต่มองหน้ากัน มองตากันปริบๆ
คือนับแต่วินาทีนั้นไปพวกเราสองคนจะกลายเป็นแขกของประเทศอินเดีย ที่ต้องช่วยเหลือกันเองในเมืองที่ไม่เคยไปมาก่อน บวกกับภาษาอังกฤษระดับ งูๆปลาๆของพวกเรา ความกังวลก็เลยเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เอาว่ะ เราต้องผ่านมันไปให้ได้อย่าคิดมาก ไปสนุกกันดีกว่า
เราต่อเครื่องจาก นิวเดลี มาถึงที่สนามบิน เลห์ ประมาณ สิบโมงเช้า ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นจากวิวบนเครื่องบินคือ ภูมิประเทศที่สวยเว่อวังมาก ตามเทือกเขาปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวๆตัดสลับกับพื้นดินที่ส่วนใหญ่เป็นก้อนหินสีน้ำตาลและดำ มันเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆครับ
และสัมผัสแรกเมื่อเราลงจากเครื่องบิน คือความหนาวสะท้าน อุณภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ ๒ ถึง ๓ องศา ที่สนามบินจะมีรถบัสเล็กๆมารับคนไปส่งที่อาคารผู้โดยสาร ระยะทางจาก เครื่องบินไปตัวอาคารน่าจะประมาณ 100 เมตรได้ คือใกล้มาก ประมานว่าเดินไปก็ได้นะ แต่คงด้วยอากาศที่หนาวจัดเลยกลัวนักท่องเที่ยวจะไม่สบายไปซะก่อน 555
ที่สนามบิน คนขับรถของเราชื่อ อาตาฟ มารออยู่แล้ว อาตาฟ จะขับรถให้พวกเราตลอดทริปที่อยู่ใน เลห์ อาตาฟเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมีเมียแล้ว พูดน้อยๆไม่เวิ่นเว้อ ขับรถเก่ง แต่พูดอังกฤษได้นิดหน่อยเหมือนพวกเราสองคนเลย ต้องใช้ภาษามือช่วยในการสื่อสาร แต่ก็ต้องขอบคุณ อาตาฟ ที่คอยรับส่งพวกเรา แม้พวกเราจะวุ่นวายกันไปบ้าง แต่ อาตาฟ ก็ไม่มีบ่น 555
รถของ อาตาฟ พาเราสองคนออกจาก สนามบินไปยัง Guest House ที่ชื่อว่า Mir Villa ใครที่กำลังวางแผนมา Leh-Ladakh แอบแนะนำที่พักแห่งนี้เลยครับ พวกเราประทับใจกันมาก ประทับใจตั้งแต่เจ้าของ ลูกเจ้าของ ยันคุณลุงคุณป้าผู้ที่เป็นพ่อบ้านแม่บ้านของ Guest House แห่งนี้ ทุกคนมีความเป็นเจ้าบ้านที่ดีมีน้ำใจ คุยสนุก คอยแนะนำและช่วยเหลือพวกเราทุกๆอย่างเท่าที่ทำได้ ห้องพักห้องน้ำก็สะอาด อาหารก็อร่อย ถือว่าคุ้มค่ามากๆสำหรับพวกเราสามคน
มาถึงที่พัก คุณลุงคุณป้า ก็ทำอาหารเที่ยงไว้รอพวกเราเลย ขอบอกว่า ผมชอบนะ อาหารอินเดียกินได้และอร่อยดีครับแต่จะมีกลิ่นเครื่องเทศแรงหน่อย
ณ ตอนนั้นที่พักมีแค่คุณลุงกับคุณป้าอยู่สองคน การสื่อสารเลยเป็นอะไรที่ลำบากมาก เพราะคุณลุงคุณป้าพูดอังกฤษได้นิดหน่อยจริงๆ พี่เจ้าของที่พักก็ออกไปข้างนอกอีก เลยต้องใช้ภาษามือเป็นส่วนใหญ่
อาหารมื้อแรกของเราสองคน ในอินเดีย
กินเสร็จ คุณลุงก็บอกให้เราสองคน ไปนอนพักร่างกายเพื่อปรับให้เข้ากับอากาศของที่นี่ ใจจริงอยากออกเที่ยวกันแล้วแต่คงต้องเชื่อฟังเพราะได้อ่านมาเหมือนกันครับว่า มาถึงอย่าพึ่งเที่ยว ไม่งั้นร่างกายจะรับไม่ไหวแล้วป่วยได้ พวกเราเลยนอนเอาแรงกัน
เราตื่นกันประมาณ 4 โมงเย็น ได้พักเต็มที่ เลยชวนกันออกไปเดินเล่นแถวๆที่พัก
วิวจากชั้นดาดฟ้าของ Guest House
ถนนทางเข้าที่พัก แคบมากๆเลย
บรรยากาศยามเย็น สงบและหนาวมากๆ พวกเราเดินไปสั่นไป
เจอร้านขายของชำเลยแวะซื้อขนมกันสักหน่อย
พอได้ขนมมาตุนแล้ว เราก็เดินกลับที่พักกันเพราะอากาศเริ่มหนาวมากๆ
แถม พราว ยังมีอาการเหมือนจะมีไข้เลยต้องรีบกลับไปกินยาพักผ่อนร่างกายกันก่อน
ภาคต่อครับ นิวเดลี ไม่มีสี https://ppantip.com/topic/36463762