“ไจก้า” เล็งแบล็กลิสต์! “อิตาเลี่ยนไทย” เซ่นทรัคร่วงทับคนงานดับ
รักษาการผู้ว่าการ รฟท. ยอมรับ ไจก้า เตรียมพิจารณาขึ้นบัญชีดำ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ทุกโครง การที่ไจก้าให้เงินกู้ รวมทั้งโครงการลงทุนอื่นของรัฐที่ใช้เงินกู้จากไจก้า หลังอุปกรณ์โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงหล่นทับคนงานเสียชีวิต
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยกับสปริงนิวส์ว่า กรณีเหตุ launcher อุปกรณ์ก่อสร้างที่ใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงของ บริษัทอิตาเลี่ยนไทยฯที่กำลังก่อสร้างอยู่หล่นลงมาทับคนงานเสียชีวิต บริเวณหน้าโรงเรียนวัดดอน เมืองเมื่อคืนที่ผ่านมา
หลังจากที่การรถไฟ ฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ หรือ วสท. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เขตพื้นที่กรุงเทพมหานครวันนี้แล้ว ต้องใช้เวลาสรุปสาเหตุที่ชัดเจนก่อนคาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 7 วันจึงจะทราบสาเหตุในเบื้องต้นได้ หลังจากนั้น บริษัทฯ จะต้องมีการกำหนดมาตร การป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ รวมถึงมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัย ซึ่งระหว่างการสรุปสาเหตุและจัดทำมาตรการป้องกัน บริษัทอิตาเลี่ยนไทยจะต้องหยุดการปฏิบัติงานไปจนกว่าจะมีผลสรุปสาเหตุออกมาชัดเจนและมีแผนป้องกันเกิดเหตุซ้ำ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจก้า ในฐานะผู้ให้กู้ลงทุนโครงการรถไฟสายสีแดง เตรียมพิจารณาขึ้นบัญชีดำ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ทุกโครง การที่ไจก้าให้เงินกู้ รวมทั้งโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์อื่นของภาครัฐที่ใช้เงินกู้จากไจก้า จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยสูงสุด แต่เพื่อความเป็นธรรมของผู้รับสัมปทานจะต้องหาสาเหตุที่ชัดเจนก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น ประมาทเล่นเล่อ อุปกรณ์ชำรุด หรือ ปัญหาเทคนิคด้านวิศวกรรมของอุปกรณ์
นายอานนท์ กล่าวอีกว่าหลังจากรายงานสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนา คมรับทราบ ได้สั่งการให้หยุดก่อสร้างทันทีเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและบริษัทอิตาเลี่ยนไทยต้องรับผิดชอบความเสียหายและผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังกำชับให้หน่วยงานที่ดำเนินโครงการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานภายใต้กระทรวงคมนาคมทั้งหมด มีความรอบคอบและเพิ่มเข้มงวดด้านความปลอดภัยการทำงานให้มากขึ้น
สำหรับการก่อสร้างโครงการฯที่เกิดเหตุ เป็นสัญญา 2 คือ งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต มูลค่าสัญญากว่า 21,235 ล้านบาท ซึ่ง รฟท. มีเป้าหมายเปิดเดินรถในปี 2563
http://www.springnews.co.th/th/2017/04/41659/
ลาก่อย itd
รักษาการผู้ว่าการ รฟท. ยอมรับ ไจก้า เตรียมพิจารณาขึ้นบัญชีดำ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ทุกโครง การที่ไจก้าให้เงินกู้ รวมทั้งโครงการลงทุนอื่นของรัฐที่ใช้เงินกู้จากไจก้า หลังอุปกรณ์โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงหล่นทับคนงานเสียชีวิต
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยกับสปริงนิวส์ว่า กรณีเหตุ launcher อุปกรณ์ก่อสร้างที่ใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงของ บริษัทอิตาเลี่ยนไทยฯที่กำลังก่อสร้างอยู่หล่นลงมาทับคนงานเสียชีวิต บริเวณหน้าโรงเรียนวัดดอน เมืองเมื่อคืนที่ผ่านมา
หลังจากที่การรถไฟ ฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ หรือ วสท. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เขตพื้นที่กรุงเทพมหานครวันนี้แล้ว ต้องใช้เวลาสรุปสาเหตุที่ชัดเจนก่อนคาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 7 วันจึงจะทราบสาเหตุในเบื้องต้นได้ หลังจากนั้น บริษัทฯ จะต้องมีการกำหนดมาตร การป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ รวมถึงมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัย ซึ่งระหว่างการสรุปสาเหตุและจัดทำมาตรการป้องกัน บริษัทอิตาเลี่ยนไทยจะต้องหยุดการปฏิบัติงานไปจนกว่าจะมีผลสรุปสาเหตุออกมาชัดเจนและมีแผนป้องกันเกิดเหตุซ้ำ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจก้า ในฐานะผู้ให้กู้ลงทุนโครงการรถไฟสายสีแดง เตรียมพิจารณาขึ้นบัญชีดำ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ทุกโครง การที่ไจก้าให้เงินกู้ รวมทั้งโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์อื่นของภาครัฐที่ใช้เงินกู้จากไจก้า จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยสูงสุด แต่เพื่อความเป็นธรรมของผู้รับสัมปทานจะต้องหาสาเหตุที่ชัดเจนก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น ประมาทเล่นเล่อ อุปกรณ์ชำรุด หรือ ปัญหาเทคนิคด้านวิศวกรรมของอุปกรณ์
นายอานนท์ กล่าวอีกว่าหลังจากรายงานสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนา คมรับทราบ ได้สั่งการให้หยุดก่อสร้างทันทีเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและบริษัทอิตาเลี่ยนไทยต้องรับผิดชอบความเสียหายและผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังกำชับให้หน่วยงานที่ดำเนินโครงการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานภายใต้กระทรวงคมนาคมทั้งหมด มีความรอบคอบและเพิ่มเข้มงวดด้านความปลอดภัยการทำงานให้มากขึ้น
สำหรับการก่อสร้างโครงการฯที่เกิดเหตุ เป็นสัญญา 2 คือ งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต มูลค่าสัญญากว่า 21,235 ล้านบาท ซึ่ง รฟท. มีเป้าหมายเปิดเดินรถในปี 2563
http://www.springnews.co.th/th/2017/04/41659/