เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยที่ผมยังศึกษาอยู่ชั้นปริญญาตรีปีสุดท้าย
ในมหาวิทยาลัยย่านรังสิต คลองหก ซึ่งผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ผมยังจำได้ไม่เคยลืม
ตอนนั้นผมกับเพื่อนอีกสองคน ชื่อต่อและป๋อง พวกเราย้ายออกจากทาวน์เฮาส์หลังหนึ่งที่เช่าไว้ตอนปี3
ไปเช่าอยู่บ้านเดี่ยว2ชั้นลึกข้าไปในซอยเดิมอีกหน่อย เพื่อได้พื้นที่ๆใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในราคาพอๆกัน
พวกเราชอบบ้านหลังนี้กันมาก เพราะค่าเช่าถูก เงียบสงบ เพราะไม่ใช่โซนบ้านพักนักศึกษา
แต่ก็ต้องเข้ามาทำความสะอาดกันเอง เพราะดูแล้วน่าจะไม่มีคนอยู่มาแล้วหลายปี
ลักษณะแปลนบ้าน ชั้นบนมี3ห้องนอน 1ห้องน้ำ ผมถือโอกาสเลือกก่อน โดยเลือกห้องมีระเบียง
ที่ได้เลือกก่อนเพราะผมเข้ามาอยู่ก่อน ก่อนเปิดเทอม เพื่อเคลียร์ทำความสะอาดบ้าน
ตัดต้นไม้ ต้นกล้วยหน้าบ้านซึ่งมีเยอะมาก น่าจะประมาณยี่สิบกว่าต้น
ชั้นล่างภายในบ้านก็จะเป็นโถงใหญ่ ประตูเป็นเหล็กดัดบานเลื่อนที่ไม่ค่อยได้รับการดูแล
เวลาเปิดจะฝืดๆ เสียงดังไปสามบ้านห้าบ้าน ถัดมาจะเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง
และมีห้องน้ำอยู่ใต้บันได (รายละเอียดตัวบ้านตรงนี้มีเรื่องราวที่จะเล่าให้ฟังกลางๆเรื่อง)
แรกๆที่เข้ามาอยู่ก็ไม่ค่อยเจออะไร จะมีแต่เรื่องแปลกๆบ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น มีเสียงโทรศัพท์บ้านเข้ามา
บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่รับก็จะไม่มีใครพูดอะไร (โทรศัพท์ไม่เสีย) บางทีที่พวกเรากลับมาจากมหา’ลัย
ก็เจอฝักบัวเปิดทิ้งไว้อยู่..อะไรแบบนี้ ซึ่งผมกับเพื่อนๆก็พยายามไม่คิดว่าเป็นเรื่องลี้ลับอะไร
คงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะไม่อยากสร้างบรรยากาศให้ตื่นกลัวกัน
จนมีอยู่กลางดึกคืนหนึ่ง เป็นเวลาที่ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว ผมเองก็เช่นกัน
แต่มีอะไรบางอย่างปลุกผมให้ตื่น เพราะผมรู้สึกว่ากำลังมีมือใครสักคนกำลังลูบหัวผมอยู่
เป็นการลูบติดต่อกันหลายครั้งจนผมต้องลืมตาขึ้นมาดู ช่วงวินาทีที่ลืมตา...
ผมเห็นหน้าของผู้หญิงวัยรุ่นผมตรงสั้น ลักษณะเหมือนยืนจากหัวเตียงที่ผมนอน
แล้วก้มลงมาประชิดหน้าของผม ห่างกันไม่เกินฟุต กำลังยิ้มให้ผม
ซึ่งตามความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถยืนตำแหน่งหัวเตียงของผมได้
เพราะเตียงของผม (อันที่จริงเป็นโซฟาเบด) จับวางชนกับตู้เสื้อผ้า (เป็นตู้เสื้อผ้าผ้าใบมีซิปรูด)
ถ้าจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องเข้าไปยืนในตู้เสื้อผ้าของผม แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
เพราะผมล็อคห้องนอนทุกคืน แล้วเพื่อนร่วมบ้านผมทุกคนไม่มีใครมีแฟน (ค่อนข้างเนิร์ด)
ความรู้สึกตอนนั้นคือกลัว แต่ไม่รู้จะจัดการอะไรต่อไปยังไง จึงตัดสินใจหลับตาแล้วนอนต่อ
แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผมอีกในคืนนั้น
ตื่นเช้ามาผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะเอาเข้าจริง ผมพยายามข่มใจตัวเองว่าผมอาจฝันไป
และเกรงว่าเพื่อนจะไม่เชื่อเรื่องที่ผมเล่า
แต่ผ่านไปสองสามวัน หลังจากความรู้สึกผมเริ่มตกตะกอน ผมได้เล่าให้เพื่อนทุกคนฟังตอนเช้า
ก่อนไปเรียน แต่ยังไม่ทันได้เล่าอะไร..แค่พูดว่า “เฮ้ย..คืนก่อนกรูเหมือนเจอผีว่ะ”
เท่านั้นแหละ เพื่อนชื่อป๋องถึงกับผงะ มันบอกว่ามันก็เจอ และเล่าให้ทุกคนฟังว่า
รู้สึกมีใครมาลูบหัว และมันรู้สึกกลัวมาก จนต้องดึงผ้ามาคลุมโปง โดยที่ไม่ได้ลืมตามาดู
ว่าอะไรที่กำลังทำกับตัวเอง เท่านั้นไม่พอ ป๋องยังถูกดึงผ้าห่ม ดึงกันไปดึงกันมา
เพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่กลัวเรื่องแบบนี้มาก สวดมนต์ผิดๆถูกๆ แต่แล้วสักพักก็หายไป
หลังจากฟังเพื่อนเล่า ผมจึงมั่นใจว่าที่ผมเจอไม่ใช่ฝัน ผมยังจำหน้า ”เธอคนนั้น” ได้จนทุกวันนี้
นั่นเป็นครั้งแรกที่เจอจังๆในบ้านหลังนั้น
และนี่เป็นครั้งที่สอง...
ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมกลางภาค เพื่อนคนอื่นๆกลับบ้านของตัวเองกันไป
เหลือผมซึ่งนัดเพื่อน2คนสมัยปวช.มาที่บ้าน เพราะเพื่อนผมคนหนึ่งชื่อสี่จะผ่านมาแถวนี้พอดี
และอีกคนชื่อกุ๊กทำงานอยู่คลอง7 พวกเขามากันเป็นครั้งแรก ผมชวนมาดื่มกินพูดคุยเสวนากันนิดๆหน่อย
เพื่อนๆผมมาถึงเวลาหัวค่ำ พร้อมเหล้า1แบน ผมชวนเพื่อนขึ้นมาบนห้องของผม
และได้ปิดประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อย เรานั่งกินคุยกันสักพักหนึ่ง
ผมได้ยินเสียงประตูบ้านผมเปิด เสียงประตูเหล็กดัดฝืดๆที่ผมเกริ่นไปเมื่อตอนแรก
ผมจึงวิ่งลงไปดู ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จึงขึ้นมานั่งคุยกับเพื่อนๆต่อ
จนเหล้าหมด พวกเราขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปหาข้าวกินแถวหน้าซอย
ไม่นานนักก็กลับมาที่บ้านพร้อมเหล้าอีก1กลม
ผมกับสี่ขึ้นมาที่ห้องกันก่อน เหลือกุ๊กยังอยู่ชั้นล่าง
เพื่อเข้าห้องน้ำ กุ๊กเข้าไปฉี่โดยที่ไม่ได้ปิดประตู พอทำธุระเสร็จก็ล้างมือ
ซิ้งค์ล้างมือจะอยู่ตรงกับประตูห้องน้ำ เขาก้มล้างมือเสร็จ แล้วมองที่กระจก
ภาพสะท้อนนั้น เขาเห็นภาพผู้หญิงผมสั้นนั่งพื้นอยู่กลางโถงบ้าน!!
เพื่อนผมไม่ได้คิดอะไร เดินออกจากห้องน้ำขึ้นบันไดมาที่ห้องผม
และบอกกับผมหน้าตาเฉยว่า “แฟนเพื่อน
มาน่ะ” (กุ๊กกับสี่ไม่เคยรู้จักกับเพื่อนร่วมบ้านของผม)
ผมผงะเล็กน้อยทำใจดีถามกลับไปว่า “ใครวะ..ผู้หญิงเหรอ?” (ถามแบบไม่รู้จะถามอะไร)
“เออ ผมสั้นๆ..น่ารัก”
“เพื่อนกรูไม่มีแฟน..เชรี่ย..กรูล็อกบ้านไปแล้วนะ!!” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
เท่านั้นแหละ กุ๊กถึงกับเข่าอ่อนจนเซหลังไปพิงกับกำแพง
ผมรีบเรียกเพื่อนเข้ามาในห้อง เพื่อนผมรีบปิดประตูดังโครม!
พวกเรานั่งเงียบกันพักใหญ่ๆ จนผมเริ่มถามอาการเพื่อนผมว่าเป็นไงบ้าง
มันบอกตอนออกจากห้องน้ำ ยังเห็นด้วยหางตาอยู่เลย คือเพื่อนผมคนนี้เป็นคนขี้เขิน
ไม่กล้ามองตรงๆ แต่จากที่เห็นผ่านกระจกนั่นคือชัดมาก..เป็นผู้หญิงผมตรงสั้น หน้าตาดี
คืนนั้นผมลงมานอนพื้นกับเพื่อนอีกสองคน
ใจผมตอนนั้นไม่ได้คิดถึงใครเลย...เธอคนนั้นแน่นอน!
และครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอ
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเรียนจบแล้ว แต่ยังติดสัญญาเช่าอยู่อีกเดือนนึง
ผมก็ตะลอนๆเที่ยวเล่นอยู่ในย่านนั้น ไปนอนห้องเพื่อนคนนั้นคนนี้บ้าง
เพราะบ้านที่ผมเช่าเพื่อนๆย้ายออกไปกันหมด
คืนหนึ่งผมไปนอนห้องเพื่อนคนหนึ่งชื่อเล็ก และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อจี เป็นเพื่อนต่างคณะด้วยกันทั้งคู่
กลางดึกคืนนั้น จีชวนหาอะไรบันเทิงๆทำด้วยการชวนเล่นผีเหรียญ
เอาเข้าจริงผมไม่ค่อยอยากเล่น ผมมองว่าไร้สาระ ทุกครั้งที่เห็นมันเดินได้เพราะมีคนดันเหรียญแน่นอน
ผมคิดแบบนั้น...
แต่จนแล้วจนรอดพวกเราก็เล่น 555 เพื่อนคนใดคนหนึ่งบอกให้ผมเชิญวิญญาณที่ผมเคยเจอในบ้านเช่า
ผมก็ตอบรับ ไหนๆก็เล่นแล้ว ก็สนุกไปกับมันละกัน
ทุกคนวางนิ้วบนเหรียญ ผมวางอย่างแผ่วเบา นิ้วแทบจะไม่ติดเหรียญ
(เพราะเคยฟังทฤษฎีว่าสมองเราสั่งให้ดันเหรียญหรือถ้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว)
พวกเราก็ชวนผลัดกันตั้งคำถามกับวิญญาณที่เราเชิญเข้ามา ถามชื่อบ้าง อายุบ้าง ถามเป็นอะไรตายบ้าง
เป็นคำถามที่เราทุกคนเองก็ไม่รู้ว่าคำตอบเหล่านี้มันจริงมั้ย เหรียญก็ขยับไปตามตัวอักษรทีละตัว ทีละตัว
ผมขำในใจว่า ไอ้คนชวนเล่นนี่แหละเป็นคนดันเหรียญ ผมเลยอยากพิสูจน์ และอยากจะเลิกเล่นสักที
ด้วยคำถามที่มีผมคนเดียวที่รู้คำตอบ...ดูซิ เหรียญมันจะเดินไปยังคำตอบที่ถูกต้องมั้ย
ผมถามว่า ชื่อเจ้าของบ้านหลังที่ผมเช่าอยู่ หรือหลังที่ผมเคยเจอคุณน่ะ..ชื่ออะไร
เหรียญขยับทันที ทั้งชื่อและนามสกุลถูกต้องทุกตัวอักษร แม้แต่รายละเอียดว่า..ชื่อนั้นโดยทั่วไปจะมีสระอะ
แต่ชื่อเจ้าของบ้านท่านนี้ไม่มี เหรียญก็เดินไปตามที่เป็น
ตอนนั้นผมเชื่อแล้ว เพราะเพื่อนผมที่เล่นด้วยกันไม่รู้ข้อมูลนี้ แล้วเหรียญขยับไปถูกตัวอักษรได้อย่างไร
อีกทั้งนิ้วผมบางช่วงลอยออกจากเหรียญเสียด้วยซ้ำ แต่เหรียญก็ยังขยับต่อไปของมันได้
หลังจากเล่นเสร็จ เล็กถามว่าเรื่องจริงมั้ย..ผมน้ำตาคลอ ไม่แน่ใจว่าเพราะกลัวหรือสงสาร
จากที่ถามไป ผมประติดประต่อได้ว่าเธอเคยเช่าบ้านหลังนี้ เธออายุเท่ากับผม เธอโดนฆ่าที่กรุงเทพ
ประมาณนี้
หลังจากคืนนั้นผมได้เข้าบ้านหลังนั้นอีกสองครั้ง คือเข้าไปเก็บของออกมา และเข้าไปส่งมอบคืนบ้านเจ้าของ
โดยที่ผมไม่ได้บอกหรือถามอะไรกับเจ้าของบ้าน เพราะพวกเขาจะกลับเข้ามาอยู่เองที่บ้านหลังนี้
เกรงว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีในการกลับมา
ชื่อต่างๆที่ผมเอามาเล่า เป็นนามสมมติ แต่เหตุการณ์ทุกอย่าง เป็นเหตุการณ์จริงทุกประการ
ยาวไปนิด..ขออภัยครับ เล่าไม่ค่อยเก่ง
ผีลูบหัว (ไม่ต้องผวน..ไม่ได้ทะลึ่ง)
ในมหาวิทยาลัยย่านรังสิต คลองหก ซึ่งผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ผมยังจำได้ไม่เคยลืม
ตอนนั้นผมกับเพื่อนอีกสองคน ชื่อต่อและป๋อง พวกเราย้ายออกจากทาวน์เฮาส์หลังหนึ่งที่เช่าไว้ตอนปี3
ไปเช่าอยู่บ้านเดี่ยว2ชั้นลึกข้าไปในซอยเดิมอีกหน่อย เพื่อได้พื้นที่ๆใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในราคาพอๆกัน
พวกเราชอบบ้านหลังนี้กันมาก เพราะค่าเช่าถูก เงียบสงบ เพราะไม่ใช่โซนบ้านพักนักศึกษา
แต่ก็ต้องเข้ามาทำความสะอาดกันเอง เพราะดูแล้วน่าจะไม่มีคนอยู่มาแล้วหลายปี
ลักษณะแปลนบ้าน ชั้นบนมี3ห้องนอน 1ห้องน้ำ ผมถือโอกาสเลือกก่อน โดยเลือกห้องมีระเบียง
ที่ได้เลือกก่อนเพราะผมเข้ามาอยู่ก่อน ก่อนเปิดเทอม เพื่อเคลียร์ทำความสะอาดบ้าน
ตัดต้นไม้ ต้นกล้วยหน้าบ้านซึ่งมีเยอะมาก น่าจะประมาณยี่สิบกว่าต้น
ชั้นล่างภายในบ้านก็จะเป็นโถงใหญ่ ประตูเป็นเหล็กดัดบานเลื่อนที่ไม่ค่อยได้รับการดูแล
เวลาเปิดจะฝืดๆ เสียงดังไปสามบ้านห้าบ้าน ถัดมาจะเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง
และมีห้องน้ำอยู่ใต้บันได (รายละเอียดตัวบ้านตรงนี้มีเรื่องราวที่จะเล่าให้ฟังกลางๆเรื่อง)
แรกๆที่เข้ามาอยู่ก็ไม่ค่อยเจออะไร จะมีแต่เรื่องแปลกๆบ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น มีเสียงโทรศัพท์บ้านเข้ามา
บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่รับก็จะไม่มีใครพูดอะไร (โทรศัพท์ไม่เสีย) บางทีที่พวกเรากลับมาจากมหา’ลัย
ก็เจอฝักบัวเปิดทิ้งไว้อยู่..อะไรแบบนี้ ซึ่งผมกับเพื่อนๆก็พยายามไม่คิดว่าเป็นเรื่องลี้ลับอะไร
คงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะไม่อยากสร้างบรรยากาศให้ตื่นกลัวกัน
จนมีอยู่กลางดึกคืนหนึ่ง เป็นเวลาที่ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว ผมเองก็เช่นกัน
แต่มีอะไรบางอย่างปลุกผมให้ตื่น เพราะผมรู้สึกว่ากำลังมีมือใครสักคนกำลังลูบหัวผมอยู่
เป็นการลูบติดต่อกันหลายครั้งจนผมต้องลืมตาขึ้นมาดู ช่วงวินาทีที่ลืมตา...
ผมเห็นหน้าของผู้หญิงวัยรุ่นผมตรงสั้น ลักษณะเหมือนยืนจากหัวเตียงที่ผมนอน
แล้วก้มลงมาประชิดหน้าของผม ห่างกันไม่เกินฟุต กำลังยิ้มให้ผม
ซึ่งตามความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถยืนตำแหน่งหัวเตียงของผมได้
เพราะเตียงของผม (อันที่จริงเป็นโซฟาเบด) จับวางชนกับตู้เสื้อผ้า (เป็นตู้เสื้อผ้าผ้าใบมีซิปรูด)
ถ้าจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องเข้าไปยืนในตู้เสื้อผ้าของผม แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
เพราะผมล็อคห้องนอนทุกคืน แล้วเพื่อนร่วมบ้านผมทุกคนไม่มีใครมีแฟน (ค่อนข้างเนิร์ด)
ความรู้สึกตอนนั้นคือกลัว แต่ไม่รู้จะจัดการอะไรต่อไปยังไง จึงตัดสินใจหลับตาแล้วนอนต่อ
แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผมอีกในคืนนั้น
ตื่นเช้ามาผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะเอาเข้าจริง ผมพยายามข่มใจตัวเองว่าผมอาจฝันไป
และเกรงว่าเพื่อนจะไม่เชื่อเรื่องที่ผมเล่า
แต่ผ่านไปสองสามวัน หลังจากความรู้สึกผมเริ่มตกตะกอน ผมได้เล่าให้เพื่อนทุกคนฟังตอนเช้า
ก่อนไปเรียน แต่ยังไม่ทันได้เล่าอะไร..แค่พูดว่า “เฮ้ย..คืนก่อนกรูเหมือนเจอผีว่ะ”
เท่านั้นแหละ เพื่อนชื่อป๋องถึงกับผงะ มันบอกว่ามันก็เจอ และเล่าให้ทุกคนฟังว่า
รู้สึกมีใครมาลูบหัว และมันรู้สึกกลัวมาก จนต้องดึงผ้ามาคลุมโปง โดยที่ไม่ได้ลืมตามาดู
ว่าอะไรที่กำลังทำกับตัวเอง เท่านั้นไม่พอ ป๋องยังถูกดึงผ้าห่ม ดึงกันไปดึงกันมา
เพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่กลัวเรื่องแบบนี้มาก สวดมนต์ผิดๆถูกๆ แต่แล้วสักพักก็หายไป
หลังจากฟังเพื่อนเล่า ผมจึงมั่นใจว่าที่ผมเจอไม่ใช่ฝัน ผมยังจำหน้า ”เธอคนนั้น” ได้จนทุกวันนี้
นั่นเป็นครั้งแรกที่เจอจังๆในบ้านหลังนั้น
และนี่เป็นครั้งที่สอง...
ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมกลางภาค เพื่อนคนอื่นๆกลับบ้านของตัวเองกันไป
เหลือผมซึ่งนัดเพื่อน2คนสมัยปวช.มาที่บ้าน เพราะเพื่อนผมคนหนึ่งชื่อสี่จะผ่านมาแถวนี้พอดี
และอีกคนชื่อกุ๊กทำงานอยู่คลอง7 พวกเขามากันเป็นครั้งแรก ผมชวนมาดื่มกินพูดคุยเสวนากันนิดๆหน่อย
เพื่อนๆผมมาถึงเวลาหัวค่ำ พร้อมเหล้า1แบน ผมชวนเพื่อนขึ้นมาบนห้องของผม
และได้ปิดประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อย เรานั่งกินคุยกันสักพักหนึ่ง
ผมได้ยินเสียงประตูบ้านผมเปิด เสียงประตูเหล็กดัดฝืดๆที่ผมเกริ่นไปเมื่อตอนแรก
ผมจึงวิ่งลงไปดู ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จึงขึ้นมานั่งคุยกับเพื่อนๆต่อ
จนเหล้าหมด พวกเราขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปหาข้าวกินแถวหน้าซอย
ไม่นานนักก็กลับมาที่บ้านพร้อมเหล้าอีก1กลม
ผมกับสี่ขึ้นมาที่ห้องกันก่อน เหลือกุ๊กยังอยู่ชั้นล่าง
เพื่อเข้าห้องน้ำ กุ๊กเข้าไปฉี่โดยที่ไม่ได้ปิดประตู พอทำธุระเสร็จก็ล้างมือ
ซิ้งค์ล้างมือจะอยู่ตรงกับประตูห้องน้ำ เขาก้มล้างมือเสร็จ แล้วมองที่กระจก
ภาพสะท้อนนั้น เขาเห็นภาพผู้หญิงผมสั้นนั่งพื้นอยู่กลางโถงบ้าน!!
เพื่อนผมไม่ได้คิดอะไร เดินออกจากห้องน้ำขึ้นบันไดมาที่ห้องผม
และบอกกับผมหน้าตาเฉยว่า “แฟนเพื่อนมาน่ะ” (กุ๊กกับสี่ไม่เคยรู้จักกับเพื่อนร่วมบ้านของผม)
ผมผงะเล็กน้อยทำใจดีถามกลับไปว่า “ใครวะ..ผู้หญิงเหรอ?” (ถามแบบไม่รู้จะถามอะไร)
“เออ ผมสั้นๆ..น่ารัก”
“เพื่อนกรูไม่มีแฟน..เชรี่ย..กรูล็อกบ้านไปแล้วนะ!!” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
เท่านั้นแหละ กุ๊กถึงกับเข่าอ่อนจนเซหลังไปพิงกับกำแพง
ผมรีบเรียกเพื่อนเข้ามาในห้อง เพื่อนผมรีบปิดประตูดังโครม!
พวกเรานั่งเงียบกันพักใหญ่ๆ จนผมเริ่มถามอาการเพื่อนผมว่าเป็นไงบ้าง
มันบอกตอนออกจากห้องน้ำ ยังเห็นด้วยหางตาอยู่เลย คือเพื่อนผมคนนี้เป็นคนขี้เขิน
ไม่กล้ามองตรงๆ แต่จากที่เห็นผ่านกระจกนั่นคือชัดมาก..เป็นผู้หญิงผมตรงสั้น หน้าตาดี
คืนนั้นผมลงมานอนพื้นกับเพื่อนอีกสองคน
ใจผมตอนนั้นไม่ได้คิดถึงใครเลย...เธอคนนั้นแน่นอน!
และครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอ
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเรียนจบแล้ว แต่ยังติดสัญญาเช่าอยู่อีกเดือนนึง
ผมก็ตะลอนๆเที่ยวเล่นอยู่ในย่านนั้น ไปนอนห้องเพื่อนคนนั้นคนนี้บ้าง
เพราะบ้านที่ผมเช่าเพื่อนๆย้ายออกไปกันหมด
คืนหนึ่งผมไปนอนห้องเพื่อนคนหนึ่งชื่อเล็ก และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อจี เป็นเพื่อนต่างคณะด้วยกันทั้งคู่
กลางดึกคืนนั้น จีชวนหาอะไรบันเทิงๆทำด้วยการชวนเล่นผีเหรียญ
เอาเข้าจริงผมไม่ค่อยอยากเล่น ผมมองว่าไร้สาระ ทุกครั้งที่เห็นมันเดินได้เพราะมีคนดันเหรียญแน่นอน
ผมคิดแบบนั้น...
แต่จนแล้วจนรอดพวกเราก็เล่น 555 เพื่อนคนใดคนหนึ่งบอกให้ผมเชิญวิญญาณที่ผมเคยเจอในบ้านเช่า
ผมก็ตอบรับ ไหนๆก็เล่นแล้ว ก็สนุกไปกับมันละกัน
ทุกคนวางนิ้วบนเหรียญ ผมวางอย่างแผ่วเบา นิ้วแทบจะไม่ติดเหรียญ
(เพราะเคยฟังทฤษฎีว่าสมองเราสั่งให้ดันเหรียญหรือถ้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว)
พวกเราก็ชวนผลัดกันตั้งคำถามกับวิญญาณที่เราเชิญเข้ามา ถามชื่อบ้าง อายุบ้าง ถามเป็นอะไรตายบ้าง
เป็นคำถามที่เราทุกคนเองก็ไม่รู้ว่าคำตอบเหล่านี้มันจริงมั้ย เหรียญก็ขยับไปตามตัวอักษรทีละตัว ทีละตัว
ผมขำในใจว่า ไอ้คนชวนเล่นนี่แหละเป็นคนดันเหรียญ ผมเลยอยากพิสูจน์ และอยากจะเลิกเล่นสักที
ด้วยคำถามที่มีผมคนเดียวที่รู้คำตอบ...ดูซิ เหรียญมันจะเดินไปยังคำตอบที่ถูกต้องมั้ย
ผมถามว่า ชื่อเจ้าของบ้านหลังที่ผมเช่าอยู่ หรือหลังที่ผมเคยเจอคุณน่ะ..ชื่ออะไร
เหรียญขยับทันที ทั้งชื่อและนามสกุลถูกต้องทุกตัวอักษร แม้แต่รายละเอียดว่า..ชื่อนั้นโดยทั่วไปจะมีสระอะ
แต่ชื่อเจ้าของบ้านท่านนี้ไม่มี เหรียญก็เดินไปตามที่เป็น
ตอนนั้นผมเชื่อแล้ว เพราะเพื่อนผมที่เล่นด้วยกันไม่รู้ข้อมูลนี้ แล้วเหรียญขยับไปถูกตัวอักษรได้อย่างไร
อีกทั้งนิ้วผมบางช่วงลอยออกจากเหรียญเสียด้วยซ้ำ แต่เหรียญก็ยังขยับต่อไปของมันได้
หลังจากเล่นเสร็จ เล็กถามว่าเรื่องจริงมั้ย..ผมน้ำตาคลอ ไม่แน่ใจว่าเพราะกลัวหรือสงสาร
จากที่ถามไป ผมประติดประต่อได้ว่าเธอเคยเช่าบ้านหลังนี้ เธออายุเท่ากับผม เธอโดนฆ่าที่กรุงเทพ
ประมาณนี้
หลังจากคืนนั้นผมได้เข้าบ้านหลังนั้นอีกสองครั้ง คือเข้าไปเก็บของออกมา และเข้าไปส่งมอบคืนบ้านเจ้าของ
โดยที่ผมไม่ได้บอกหรือถามอะไรกับเจ้าของบ้าน เพราะพวกเขาจะกลับเข้ามาอยู่เองที่บ้านหลังนี้
เกรงว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีในการกลับมา
ชื่อต่างๆที่ผมเอามาเล่า เป็นนามสมมติ แต่เหตุการณ์ทุกอย่าง เป็นเหตุการณ์จริงทุกประการ
ยาวไปนิด..ขออภัยครับ เล่าไม่ค่อยเก่ง