กสทช....ว่างจัด / เรียกแขกให้งานเข้า!

ไม่เพียงแต่เรื่องการ “ตีทะเบียนสื่อ” ที่กำลังระอุแดด ทำเอาผู้คนในโลกโซเชียลระส่ำหนัก ! หลังกรรมาธิการ (กรธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนประกาศเดินหน้ายกร่าง “พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน” จับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนตีทะเบียน หากไม่ยอมจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและยังขยายความไปถึงองค์กรสื่อใดหากรับนักข่าวที่ไม่มีใบอนุญาตมาทำงานก็มีความผิดด้วย

แต่ที่ทำเอาทุกฝ่าย “อึ้งกิมกี่” กันไปทั้งบางก็เพราะนิยามความหมายของ “สื่อ” ที่ กรธ.กำลังป้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่นั้นหาได้จำกัดอยู่แต่สื่อ/นักข่าวดังที่เราเข้าใจกัน แต่ยังขยายคำนิยามครอบจักรวาลไปถึงบรรดาเพจดัง เวปไซด์ผู้ให้บริการข่าวสารออนไลน์ บลอกแก๊งค์ทั้งหลายแหล่ล้วนเข้าข่ายที่ต้องตีทะเบียนเป็นสื่อด้วยกันทั้งสิ้น

ต่อไปใครจะ FB Life, Youtube  Line TV ส่งคลิปข่าวสาร หรือส่งวีดีโอสกรีมมิ่งที่มีคนเข้ามาแห่ชื่นชมกดไลค์ กดแชร์ที่ส่งผลกระทบไปถึงสาธารณะ และมีรายได้จากการให้บริการล้วนเข้าข่ายประกอบวิชาชีพสื่อที่ต้องถูกตีทะเบียนทั้งสิ้น แม้แต่แฟนเพจ อินสตราแกรมของเหล่าดารา-เซเลปทั้งหลายแหล่ที่มีบริการฝากร้านและรีวิวผลิตภัณฑ์แอบแฝงขายโฆษณาหน้าเด้ง รูฟิต อกตันอะไรก็ตามแต่ ก็เข้าข่ายต้องถูกจับตีทะเบียนด้วย

ล่าสุด คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คงกลัวจะตกขบวนตามไม่ทัน สปช.สติเฟื่องทั้งหลายแหล่ จึงรุกคืบจัดระเบียบบริการที่เรียกว่า Over the Top : OTT เป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่เข้าข่ายกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ที่ต้องควบคุมและขออนุญาตจาก กสทช.ด้วย

โดยบอร์ด กสทช.เมื่อ 24 เม.ย.ได้แต่งตั้ง พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการ กสทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เป็นประธานคณะทำงานพิจารณากำหนดมาตรการควบคุมบริการ OTT ที่ว่านี้ที่มีการแพร่ภาพและเสียงบนโครงข่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทีวีดิจิทัล โดยระบุว่าเหตุที่ต้องเข้าไปควบคุมนั้นเพราะบริการที่เป็น OTT เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ปกติก็ “หืดจับหายใจไม่ทั่วท้อง” อยู่แล้วให้ได้รับผลกระทบปางตายขึ้นไปอีก จึงจำเป็นต้องมีมาตรการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

แปลให้ง่ายบรรดาบริการ OTT ที่ให้บริการอยู่บนโลกโซเชียลจะไลฟ์สด ดูผ่านวีดีโอสตรีมมิง หรือแสดงภาพและเสียงผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง Facebook Live, Youtube หรือ Line TV นอกจากจะเข้าข่ายที่ต้องถูกตีทะเบียนตาม กม.ควบคุมจริยธรมสื่อที่ สนช.และ สปช.กำลังโม่แป้งอยู่แล้ว ยังต้องขอใบอนุญาตหรือไลเซ่นส์จาก กสทช.อีกด้วย

บร๊ะเจ้า! คงกลัวสื่อออนไลน์หรือโซเชียลไทยไล่ตามเกาหลีเหนือไม่ทันรีไง ถึงมะรุมมะตุ้มคุมกันซะขนาดนี้!!!

ล่าสุดนี้ กสทช.ยังออกประกาศให้ผู้ผลิต นำเข้าหรือขายอุปกรณ์กล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet TV Box) ไม่ว่าจะเป็น Media Box, Android Box, Apple TV Box, TV Stick, HDMI Dongle, Chromecast  หรืออุปกรณ์อื่นที่มีคุณสมบัติทํานองเดียวกันให้ถือเป็นเครื่องรับหรืออุปกรณ์ที่ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามมาตรา 70 แห่ง พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและ กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ด้วยอีก หาไม่แล้วหากตรวจสอบพบว่าผู้ใดผลิต นําเข้า จําหน่ายหรือมีไว้เพื่อจําหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี  ปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ!!!

ทำเอาถนนทุกสายได้แต่ “อึ้งกิมกี่” กับวิชั่นคน กสทช. พ.ศ.นี้ที่ไม่รู้กำลังพยายามคิดหรือทำอะไร?

การรุกคืบเข้ามาควบคุมอุปกรณ์ถ่ายทอดสัญญาณเหล่านี้ที่กล่าวได้ว่าวันนี้ได้พัฒนาไปถึงขั้นที่ผู้ผลิตเขาเอาไปเข้ายัดไว้ในคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ๆ กันไปหมดแล้วและมันแทบจะเป็นของเด็กเล่น หรืออุปกรณ์เสริมที่แถมให้เวลาซื้อมือถือ หรือโทรทัศน์ไปแล้วเวลานี้ จึงไม่เข้าใจว่า กสทช.จะมาควบคุมเพื่ออะไรกัน?

หรือว่ากำลังควานหามาตรการจะปกป้องผู้ประกอบการเคเบิ้ลแบบบอกรับสมาชิกรายหนึ่งที่เพื่งสร้าง “วีรกรรม” ถอดโปรแกรมหนังเด็ดหนังดีอย่าง HBO FOX และยกเลิกช่องรายการดีๆไปนับสิบก่อนจะนำเอาหนังกากเข้ามายัดเยียดให้สมาชิกดูแทน จนทำเอาสมาชิกพาเหรดร้องแรกแหกกระเชอกันแทบจอแตก

หากเป็นเช่นน้ันจริงก็ให้ระวังผู้คนเขาจะตั้งคำถามประเทศไทยเรามี กสทช.ไว้ทำอะไรกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่