เรื่องที่เราควรอ่านค่ะ...
ติดตามกันเลยนะคะ...
👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀
ข่าว 7 สี - ทีดีอาร์ไอ พบว่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การทุจริตโครงการภาครัฐ อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียไปถึง 9.8 แสนล้านบาท จากเรื่องทุจริตอื้อฉาว 110 เรื่อง
โดย นางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ระบุว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานที่มีเรื่องทุจริตมากเป็นอันดับ 1 จากการใช้อำนาจผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐปล่อยกู้โดยไม่ชอบ รวมทั้งการแสดงภาษีเป็นเท็จรองลงมา ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ตามลำดับ โดยโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรสร้างมูลค่าสูญเสียมากที่สุด รองลงมาเป็นโครงการไทยเข้มแข็ง
ส่วนดัชนีคอร์รัปชันที่จัดทำโดยสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ในช่วง ปี 2553-2559 พบว่า คนไทยมองว่าสถานการณ์การคอร์รัปชันลดความรุนแรงลง ประชาชนตื่นตัวต่อปัญหาการคอร์รัปชันมากขึ้น โดยมีความอดทน หรือ เมินเฉยต่อการทุจริตน้อยลง เหลือเพียงระดับ 2.27 จาก 10 ระดับ ซึ่งต่ำที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจมา
ขณะที่ต่างประเทศมองว่า สถานการณ์คอร์รัปชันในไทยยังไม่ดีขึ้น ส่วนคะแนนคอร์รัปชันที่ปรับลดลง เพราะมีการปรับวิธีการประเมินใหม่
ด้าน นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย กล่าวว่าผลงานการต่อต้านคอร์รัปชันในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา โดยให้คะแนนความตั้งใจเต็ม 10 คะแนน แต่ให้ 7 คะแนน ในการบังคับใช้กฎหมายเอาผิดการทุจริต
ขณะที่ กรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า การจัดทำข้อตกลงคุณธรรมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วม 44 โครงการ ทำสัญญาไปแล้ว 23 โครงการ ช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณได้สูงกว่า 6,100 ล้านบาท หรือ 19.14 % ของมูลค่าโครงการ
http://www.bugaboo.tv/watch/312693
นายธิปไตร แสละวงศ์ นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวเมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่โรงแรมดิ เอ็มเมอรัล ในงานเสวนา “ติดตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จัดโดยTDRI และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ว่า รายงานวิจัย “โฉมหน้าคอร์รัปชั่นไทย” ซึ่งรวบรวมข้อมูลเรื่องราวทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นคดีที่องค์กรอิสระตรวจสอบ และรวบรวมจากสำนักข่าวต่างๆที่มีการรายงาน ตั้งแต่ปี 2530-2559 พบว่ามีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐทั้งหมด 110 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปี 2540-2556 เป็นหลัก โดยลักษณะการทุจริตที่พบมากที่สุดที่เกิดทุกยุคทุกสมัยคือการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง และการทุจริตการบริหารราชการที่ใช้อำนาจอนุมัติอะไรสักอย่าง เช่น ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง การปล่อยกู้ของธนาคารของรัฐโดยมิชอบ การจัดเก็บรายได้และภาษีของรัฐ เป็นต้น ขณะเดียวกันเห็นรูปแบบของการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายในการใช้งบประมาณเรื่องภัยพิบัติและการแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร
นายธิปไตร กล่าวว่า สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่มีปัญหามากที่สุดใน 110 คดีได้แก่ กระทรวงการคลัง เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรายได้และเงินเข้าภาครัฐ พบลักษณะทุจริตคือ การปล่อยกู้ของธนาคารรัฐที่มิชอบ การสำแดงภาษีเท็จ ถัดมาคือกระทรวงคมนาคม เช่น กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ มีงบประมาณจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นเรื่องการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง และยังพบในกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ ในการทุจริตรับซื้อสินค้าเกษตร และสหกรณ์การเกษตร รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ที่มีนโยบายแทรกแซงสินค้าเกษตร และยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินเป็นนโยบายต่อไป
นายธิปไตร กล่าวว่า สำหรับระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เกิดเรื่องอื้อฉาวมีการนำเสนอผ่านสื่อไปจนถึงองค์กรอิสระ หรือศาลตัดสินคดีเฉลี่ยแล้วจนจบใช้เวลามากกว่า 10 ปี และบางเรื่องใน 110 เรื่อง ก็ยังไม่จบ และในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาที่เกิดเรื่องอื้อฉาว 110 เรื่องนั้น มีอยู่ 71 เรื่องที่ประเมินออกมาเป็นมูลค่าโครงการรวมกันกว่า 9.8 แสนล้านบาท ส่วนการประเมินมูลค่าความเสียหายนั้น จะคิดค่าเสียโอกาสจากการไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมาคิดด้วย โดยโครงการที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุดคือ จำนำข้าวและโครงการไทยเข้มแข็ง
นายธิปไตร กล่าวว่า ในอนาคตจะต้องจับตาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงเรื่องการปล่อยเงินกู้ของธนาคารรัฐ การจัดเก็บภาษีและเงินของภาครัฐ นอกจากนี้มีข้อเสนอว่า ควรมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ควรเปิดให้แสดงความคิดเห็นในทางการเมือง การเปิดเผยข้อมูลและการใช้ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญ พัฒนาขีดความสามารถขององค์กรอิสระที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น และวางระบบรวมถึงสนับสนุนประชาชนให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น
http://www.matichon.co.th/news/541901
อ่านแล้วคิดอย่างไรคะ...กับเรื่องนี้...
((มาลาริน)) ^_^ น่าอ่านค่ะ..TDRI ระบุคอร์รัปชันทำไทยสูญเสีย 9.8 แสนล้านบาท ใน 30 ปี ส่วนใหญ่เกิดในปี 2540-2556 เป็นหลัก
ติดตามกันเลยนะคะ...
👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀👀
ข่าว 7 สี - ทีดีอาร์ไอ พบว่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การทุจริตโครงการภาครัฐ อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียไปถึง 9.8 แสนล้านบาท จากเรื่องทุจริตอื้อฉาว 110 เรื่อง
โดย นางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ระบุว่ากระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานที่มีเรื่องทุจริตมากเป็นอันดับ 1 จากการใช้อำนาจผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐปล่อยกู้โดยไม่ชอบ รวมทั้งการแสดงภาษีเป็นเท็จรองลงมา ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ตามลำดับ โดยโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรสร้างมูลค่าสูญเสียมากที่สุด รองลงมาเป็นโครงการไทยเข้มแข็ง
ส่วนดัชนีคอร์รัปชันที่จัดทำโดยสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ในช่วง ปี 2553-2559 พบว่า คนไทยมองว่าสถานการณ์การคอร์รัปชันลดความรุนแรงลง ประชาชนตื่นตัวต่อปัญหาการคอร์รัปชันมากขึ้น โดยมีความอดทน หรือ เมินเฉยต่อการทุจริตน้อยลง เหลือเพียงระดับ 2.27 จาก 10 ระดับ ซึ่งต่ำที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจมา
ขณะที่ต่างประเทศมองว่า สถานการณ์คอร์รัปชันในไทยยังไม่ดีขึ้น ส่วนคะแนนคอร์รัปชันที่ปรับลดลง เพราะมีการปรับวิธีการประเมินใหม่
ด้าน นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย กล่าวว่าผลงานการต่อต้านคอร์รัปชันในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา โดยให้คะแนนความตั้งใจเต็ม 10 คะแนน แต่ให้ 7 คะแนน ในการบังคับใช้กฎหมายเอาผิดการทุจริต
ขณะที่ กรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า การจัดทำข้อตกลงคุณธรรมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วม 44 โครงการ ทำสัญญาไปแล้ว 23 โครงการ ช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณได้สูงกว่า 6,100 ล้านบาท หรือ 19.14 % ของมูลค่าโครงการ
http://www.bugaboo.tv/watch/312693
นายธิปไตร แสละวงศ์ นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวเมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่โรงแรมดิ เอ็มเมอรัล ในงานเสวนา “ติดตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จัดโดยTDRI และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ว่า รายงานวิจัย “โฉมหน้าคอร์รัปชั่นไทย” ซึ่งรวบรวมข้อมูลเรื่องราวทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นคดีที่องค์กรอิสระตรวจสอบ และรวบรวมจากสำนักข่าวต่างๆที่มีการรายงาน ตั้งแต่ปี 2530-2559 พบว่ามีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐทั้งหมด 110 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปี 2540-2556 เป็นหลัก โดยลักษณะการทุจริตที่พบมากที่สุดที่เกิดทุกยุคทุกสมัยคือการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง และการทุจริตการบริหารราชการที่ใช้อำนาจอนุมัติอะไรสักอย่าง เช่น ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง การปล่อยกู้ของธนาคารของรัฐโดยมิชอบ การจัดเก็บรายได้และภาษีของรัฐ เป็นต้น ขณะเดียวกันเห็นรูปแบบของการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายในการใช้งบประมาณเรื่องภัยพิบัติและการแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร
นายธิปไตร กล่าวว่า สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่มีปัญหามากที่สุดใน 110 คดีได้แก่ กระทรวงการคลัง เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรายได้และเงินเข้าภาครัฐ พบลักษณะทุจริตคือ การปล่อยกู้ของธนาคารรัฐที่มิชอบ การสำแดงภาษีเท็จ ถัดมาคือกระทรวงคมนาคม เช่น กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ มีงบประมาณจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นเรื่องการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง และยังพบในกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ ในการทุจริตรับซื้อสินค้าเกษตร และสหกรณ์การเกษตร รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ที่มีนโยบายแทรกแซงสินค้าเกษตร และยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินเป็นนโยบายต่อไป
นายธิปไตร กล่าวว่า สำหรับระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เกิดเรื่องอื้อฉาวมีการนำเสนอผ่านสื่อไปจนถึงองค์กรอิสระ หรือศาลตัดสินคดีเฉลี่ยแล้วจนจบใช้เวลามากกว่า 10 ปี และบางเรื่องใน 110 เรื่อง ก็ยังไม่จบ และในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาที่เกิดเรื่องอื้อฉาว 110 เรื่องนั้น มีอยู่ 71 เรื่องที่ประเมินออกมาเป็นมูลค่าโครงการรวมกันกว่า 9.8 แสนล้านบาท ส่วนการประเมินมูลค่าความเสียหายนั้น จะคิดค่าเสียโอกาสจากการไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมาคิดด้วย โดยโครงการที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุดคือ จำนำข้าวและโครงการไทยเข้มแข็ง
นายธิปไตร กล่าวว่า ในอนาคตจะต้องจับตาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงเรื่องการปล่อยเงินกู้ของธนาคารรัฐ การจัดเก็บภาษีและเงินของภาครัฐ นอกจากนี้มีข้อเสนอว่า ควรมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ควรเปิดให้แสดงความคิดเห็นในทางการเมือง การเปิดเผยข้อมูลและการใช้ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญ พัฒนาขีดความสามารถขององค์กรอิสระที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น และวางระบบรวมถึงสนับสนุนประชาชนให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น
http://www.matichon.co.th/news/541901
อ่านแล้วคิดอย่างไรคะ...กับเรื่องนี้...