สวัสดีค่ะ
ช่วงสงกรานต์ 5-12 เมษายน 2017 ได้มีโอกาสไปเที่ยวไอซ์แลนด์มาค่ะ ก็ได้หาข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆจากในพันทิพนี่แหละค่ะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เยอะแยะ กลับมาหนนี้เลยตั้งใจว่าจะค่อยๆทยอยเขียนบล็อกเกี่ยวกับเรื่องไอซ์แลนด์บ้าง อาจจะไม่ได้รีวิวละเอียดเหมือนคนอื่นๆแต่จะพยายามเขียนเรื่องที่ตอนหาข้อมูลแล้วยังได้คำตอบไม่เคลียร์มาเพิ่มไว้ในบล็อกตัวเอง แล้วก็เอามสลงพันทิพเผื่อจะได้ช่วยเป็นไกด์กันไปนะคะ ^ ^ เริ่มด้วยวิดีโอแสงเหนือจากทริปนี้
นี่เป็นกระทู้แรกปกติแอบอ่านอย่างเดียวมานานแล้ว ผิดพลาดประการใดขออภัย เรื่องแรกก็คงไม่พ้นเรื่องการล่าแสงเหนือ จะเล่าภาพรวมของประสบการณ์ในการไปล่าแสงเหนือของตัวเองให้ฟัง และให้รายละเอียดพวกการดูฟ้า ดูค่าเวป และการหาจุดดูโดยแยกเป็นหัวข้อที่ด้านล่างนะคะ ส่วนเรื่องการถ่ายรูปแสงเหนือหรือเทคนิคอื่นๆจะแยกเป็นบล็อกย่อยๆทีหลังนะคะมันยาว
ทริปนี้เราไปกันแบบไม่หวังเห็นแสงเหนือเท่าไหร่ เน้นว่าไปเที่ยว โดยมีเวลาในไอซ์แลนด์ทั้งหมด 7คืนในการตามล่าแสงเหนือ ตามตารางดังนี้
• วันพุธที่ 5 เมษา ถึงไอซ์แลนด์ตอน 15.00 เข้าที่พักและไปตลาดเพื่อเตรียมอาหารสำหรับทริป
• วันพฤหัสที่ 6 เมษา ออกเดินทางกับทัวร์สองวัน
• วันศุกร์ที่ 7 เมษา ยังอยู่กับทัวร์ เดินกลาเซียร์ และ ถ้ำน้ำแข็ง ทัวร์กลับมาส่งที่เรคยาวิค
• วันเสาร์ที่ 8 เมษา เช่ารถเองจนถึงวันกลับ ขับโกลเด้น เซอเคิล
• วันอาทิตย์ที่ 9 เมษา ขับรถไป kirkjufell เพื่อค้างหนึ่งคืน
• วันจันทร์ที่ 10 เมษา ขับวนอุทยานแห่งชาติแล้วอ้อมกลับลงมาเรคยาวิค
• วันอังคารที่ 11 เมษา ไปบลูลากูน และกลับมาเที่ยวแถวเรคยาวิค
• วันพุธที่ 12 เมษา ขับรถไปคืนที่สนามบินตอน 8.00 เพื่อบินออกจากไอซ์แลนด์
ในตารางคืนแรกเราตัดออกเพราะไม่มีรถและอยู่ในตัวเมืองคิดว่าไม่น่าจะเห็น แล้วก็ไม่เห็นจริงๆเพราะฝนตกตลอด คืนที่สองกับสามไปกับทัวร์ ทางทัวร์บอกว่าถ้าฟ้าเปิดจะพาไปล่าแสงเหนือจากโรงแรมและขากลับมาเรคยาวิคถ้ากลับดึกและผ่านเห็นก็จะพาแวะดู ปรากฎว่าฟ้าปิดทั้งสองวันฝนตกตลอด อดดูอีกตามระเบียบ (ฟ้าปิดคือเมฆเยอะมากดูด้วยตาก็รู้แล้วไม่มีทางเห็น คือตรวจค่าในเวปมันก็มีแสงเหนือนะ แต่มันโดนเมฆบังหนามากยังไงก็ไม่เห็น ไกด์เราให้ทิปว่าถ้ายูนอนแล้วตื่นมาตอนไหนมองเห็นดาวนะ ก็มีโอกาสเห็นแสงเหนือลองตื่นมาดูอีกทีตีสามก็ได้ (ซึ่งพ่อก็ตื่น! เวลาตื่นปกติแกที่เมืองไทย ปรากฎฟ้าปิดเหมือนเดิม แป่วว)
ทิป: เห็นดาวมีโอกาสเห็นออโรร่า ในเมืองก็ใช้ทิปนี้ได้
จนมาคืนที่สี่ วันที่เราเช่ารถขับกันเองอากาศก็ทรงๆคือตอนเช้าฝนก็ยังคงตกปรอยๆตลอดถึงบ่ายๆพอตกเย็นเมฆเริ่มจางและมองเห็นฟ้าสีฟ้าเป็นหย่อมๆก็ไม่อยากหวังมากรอดูสถาณการณ์อีกที เช็คค่าจากเวปก็คือฟ้าจะเปิดตอนตีสองตีสาม ก็เลยหาข้อมูลในเนตไว้ว่าจะไปดูได้ที่ไหนใกล้ๆเรคยาวิคได้บ้าง (กลัวไม่อยากให้ขับไปไกลๆตอนกลางคืน) หาได้สองจุดจากเวปภาษาอังกฤษ ไปดูรายละเอียดข้างล่างนะคะว่าตรงไหน ก็เลยนอนรอกันไป
ปรากฎว่าตีหนึ่งแม่ตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น (เป็นผู้ทำให้เกิดทริปนี้ หนึ่งใน wish list ของนางคือดูออโรร่า คนอื่นเฉยๆ55) แล้วเห็นไฟรถมากมายขับผ่านจากหน้าต่างห้องกับคนเดินไปมา ซึ่งนางอุปมาว่าทุกคนออกไปล่าแสงเหนือ ก็เลยปลุกลูกๆและสามีซะ ตื่นมาเราก็ดูฟ้านอกหน้าต่าง เห็นดาวว่ะ!! แววดี ต่อมาก็ดูค่าในเวป ฟ้าโปร่งเป็นจุดๆ ค่าแสงเหนือในเวปก็3 (ค่า 1,2 อาจไม่เห็นด้วยตาเปล่า 3,4คือแรงอยู่มีโอกาสเห็นด้วยตาเปล่า ส่วน5-7คือออโรร่าระเบิดเห็นชัวร์ถ้าฟ้าเปิด) ท่าทางดีงี้ รออะไรล่ะคะ แต่งตัวออกจากบ้านเลย (แอบแต่งไว้เลยสวมเสื้อทับๆออกได้เลย)
ทิป: หากระเป๋าเล็กใบนึงยัดอุปกรณ์กันหนาวทุกอย่างขึ้นรถไป เดี๋ยวไปเสริมอุ่นหน้างานได้ ห้ามประมาทอากาศที่นี่เด็ดขาด มันรุนแรงมากจริงๆ
ตีหนึ่งกว่าๆก็ขึ้นรถออกจากบ้านกัน เราหาจุด gps ของที่แรกที่จะไปดูไว้แล้วคือที่ประภาคารที่สุดแหลมของเมืองเรคยาวิค ได้ข้อมูลมาจากเวปนี้
http://www.travelreportage.com/2013/04/11/where-to-see-the-northern-lights-in-and-around-reykjavik/ ขึ้นรถก็ให้ google map นำทางกันไปเลย ถือว่าใกล้เมืองมากๆ แต่ก็ยังมีแสงเมืองรบกวนประมาณนึง ช่างภาพมืออาชีพเค้าจะเดินต่อจากที่จอดรถไปสุดโขดหินของประภาคารกัน บอกเลยว่าไม่ไป!! หนาวและมืด ใจไม่ถึงในการแบกอุปกรณ์ไปค่ะ อยู่ที่จอดรถพอ ไปถึงปุ๊ปเมฆยังเยอะอยู่เลย ก็เลยนั่งรอในรถอีกแป๊ปเผื่อว่าเมฆมันจะโดนลมพัดหายไป ระหว่างรอก็เอามือถือ Huawei ถ่ายเทสไปเรื่อยๆเผื่อมันมาแล้วตามองไม่เห็น ถ้าถ่ายด้วย speed shutter แบบแมนนวลให้ช้าหน่อยจะเห็นเป็นสีเขียว ถ่ายเช็คเรื่อยๆนะคะ อย่าลิมแบตกล้องเสริม
รอไปรอมาท่าไม่ค่อยดี น้องชายบอกว่าไปที่ๆไกลเมืองกว่านี้เหอะ อันนี้ท่าจะไม่ดีกลัวมาก็ไม่เห็นอยู่ดี ก็เลยกด gps ไปที่จุดต่อไป ได้มาจากเวปนี้
http://totaliceland.com/great-spots-for-northern-lights-watching-near-reykjavik-iceland/ ขับไปทางสนามบินแล้วแยกไปทะเลสาปเค้าบอกให้ไปปักหลักที่ทะเลสาป ขับจากที่เดิมออกมาประมาณ 30 นาทีผ่านไฮเวย์ ร้านโรงงานใหญ่ อยู่ๆก็แยกเข้าทางที่ดูไม่มีอาคารบ้านเรือนถือว่ามืดสนิท ก็มองฟ้ากันเป็นระยะๆ มีฟ้าเปิดช่วงนึงตรงกลางฟ้า กระทั่งถนนยางมะตอยหายไปอยู่ๆก็กลายเป็นลูกรังๆเราเลยตัดสินใจกลับรถและจะหาที่จอดเวิ้งข้างๆทาง ระหว่างวนกลับนั่นเอง บนเมฆก็มีแต่ฟ้าขาวๆ อยู่ๆแม่ก็ถามว่านั่นแสงเหนือป่าว? สั้นๆง่ายๆ เอาจริงๆคือดูไม่ออกนึกว่าเมฆ ควักกล้องออกมาถ่ายเลย ถ่ายตอนรถวิ่งๆนี่แหละ shutter speed 5 วินาที สีเขียวออกว่ะ!!! เจอแล้วๆๆๆ!! ตะโกนกันลั่นรถ จอดๆๆ!!!
ลงรถปักหลักตั้งขาตั้งกล้องถ่ายเลย ได้รูปสมใจ แสงเหนืออยู่กับเราแค่ประมาณ 20 นาที ประมาทไปหน่อยเห็นว่าหนาว พ่อแม่และน้องสาวหนีลมไปบนรถ ลงมาอีกทีเกือบถ่ายไม่ทันโดนน้องเมฆมาบดบังโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างรวดเร็ว ยังถ่ายเดี่ยวกันไปครบก็ไปซะแล้ว แต่ทุกคนก็ฟินไปตามๆกัน เพราะถือว่าเป็นการออกล่าครั้งแรกภายในหนึ่งชม.ก็ได้เห็นเลย ถือว่าโชคดี ดวงดี และตัดสินใจถูก แถมแม่ตาดีเสียด้วย!
ทิป: รู้หรือไม่ว่าแสงเหนือเวลาเห็นด้วยตาเปล่าจะสีอาจจะไม่เขียวเหมือนในรูปถ่ายนะจ๊ะ มีหลายคนที่ออกล่าอาจจะเห็นแล้วแต่ไม่รู้ตัวพลาดไปก็ได้นะ
ทิป: รูปสวยๆสีสดๆที่เห็นกันตามรีวิวมักเป็นรูปที่ผ่านการแต่งแล้ว ดูตัวอย่างข้างล่างเลย
ตัวอย่าง สิ่งที่ตาเห็น / รูปที่ถ่ายออกมา / รูปที่ผ่านการแต่ง
อันนี้ตั้งใจทำไว้ให้ดูเลยนะคะ (อันที่ตาเห็นคือแต่ง photoshop จากรูปอีกที) บางทีคนที่ไปมีความคาดหวังในแสงเหนือผิดๆเห็นแล้วอาจจะรู้สึกผิดหวังได้นะคะ แต่ถ้าเข้าใจไปก่อนก็ได้ไม่พลาดและไม่ผิดหวังค่ะ เพราะมันก็ยังเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ
สิ่งที่ตาเห็น
สิ่งที่กล้องถ่ายได้
สภาพที่แต่งแล้ว
ประมาณนี้ค่ะ อันนี้ไม่ค่อยมีใครบอกเลยคิดว่าน่าจะทำให้ทุกคนเห็นภาพความจริงชัดๆ
คืนที่ห้า วันนี้ย้ายไปนอนแถวๆ kirkjufell เป็นจุดแลนด์มาร์กในการถ่ายรูปแสงเหนือคู่กับภูเขาทรงกรวย กระหยิ่มใจมากว่าดวงดี คืนนี้ต้องเห็นแน่นอน ต้องได้รูปเทพๆกลับมา ปรากณค่า kp อ่อนมากอยู่ที่ 1 บางทีก็ขึ้นมา 2… ฟ้าปิดๆเปิดๆ น้องสาวหลับๆตื่นเช็คให้ยันตีสอง ประกอบกับการเช็คจาก instragram #aurora หรือ #kirkjufell อะไรสักอย่าง บอกว่ามีคนเพิ่งโพสต์ตอนตีหนึ่งครึ่งไปรออยู่ตรงภูเขาแล้วมันไม่มา ก็เลยตัดใจซุกผ้าห่มนอนกันดีกว่า เมื่อคืนดึก วันนี้อย่างเหนื่อย
ทิป: เช็คจาก instragram ก็ดีนะ คนที่เล่นบ่อยๆน่าจะเข้าใจว่าคืออะไร พอดีเราไม่เล่นคิดไม่ค่อยออก แต่รู้สึกว่าน้องมันเก่ง รู้จักหาวิธีเช็คกึ่งๆเรียลไทม์ผ่านคนที่ไปรออยู่ตรงนั้นได้
คืนที่หก ฟ้าก็ยังคงครึ้มตลอดดด ดูค่าก็อ่อนด้อย นอนกันไปอีกวัน
คืนที่เจ็ดคืนสุดท้ายละ พรุ่งนี้จะออกจากไอซ์แลนด์แล้ว ก็เช็คระหว่างเที่ยวที่อื่นไปเรื่อยๆตั้งแต่เช้าค่า kp ก็ออกประมาณ2 ประกอบกับเมฆครึ้มและฝนปรอยเหมือนเดิม ประมาณสามทุ่มคุยกันว่าสงสัยจะอด แต่ก็ยังดีที่ได้เห็นไปแล้วดวงดีจริงๆ ระหว่างที่ถอดใจนอนเกลือกกลิ้งกันในห้องที่อบอุ่นกันนั้น เราก็ลองขอเวปน้องมาดูเพราะไม่เคยดูเลย ยกงานให้น้องตลอด วันนี้มันง่วงขอนอนเร็วเลยขอไว้เผื่อเช็ค
เปิดมาผ่างงง ขึ้น kp 4 จ้าาาา!!! โห งี้ก็ต้องออก ดูทรงแล้วฟ้าเปิด แต่ไม่เปิดในเมืองเรคยาวิคต้องลงไปทางใต้ คืนนี้พระอาทิตย์ตก 22.40 ตอนนี้สามทุ่มเรายังพอมีเวลา ไปดูที่ไหนดี? ที่เดิมขึ้นรูปเมฆครึ้มเชียวไปคงไม่เห็น จุดที่ฟ้าเปิดหาข้อมูลไม่ได้ไม่มีใครกล่าวถึงเอาไงดี เปิดกูเกิลแมพด้วยคอมเลย ดูเทียบในเวปตรงไหนฟ้าเปิด แล้วเข้า google map street view เพื่อหาถนนที่ดูไม่มีไฟ หาดูสักสองสามที่เอาวะ ตรงนี้ละกันมองออกไปเป็นทะเล ไม่น่ามีแสงแถมฟ้าด้านหันออกทะเลเปิดอีก pin จุดเลยส่ง gps เข้าอีเมลล์ไว้ไป navigate กัน
Straumur จุดที่กะจะไปดูแต่ไม่ได้ไป
Street view ทีแรกคิดว่าจะไปดูตรงแถวๆหลังบ้านนั้น แต่ทางเข้าไม่ค่อยอำนวยเลยย้ายที่
สี่ทุ่มออกจากบ้าน พระอาทิตย์ยังไม่ตก แต่ไปเร็วหน่อยเผื่อที่ๆเล็งไว้ใช้ไม่ได้ จะได้มีเวลาหาที่ใหม่ทัน ไปถึงปรากฏเข้าไม่ได้จริงถนนแย่มากแถมเหมือนเป็นบ้านส่วนตัวเค้าอีก ก็เลยตัดสินใจขับเลยไปนิดนึง ดูจากในแมพแล้วมันจะมีแยกข้างหน้าอีก เข้าไปดูก่อน… เออ อันนี้เข้าทีเป็นถนนกำลังตัดใหม่ยังไม่มีไฟแถมถนนก็ไม่แย่มากมีการบดถนนไว้แล้ว มีเวิ้งให้จอดอีก จอดเลยยยย
พระอาทิตย์ยังคงไม่ตกเห็นวิวพระอาทิตย์ตอน 22.30 กับแสงเมืองไกลๆกับเส้นขอบฟ้าที่ทะเล ลงไปตั้งขา ตั้งกล้องเตรียมโฟกัสด้วยถ่ายรูปเล่นไว้ก่อน เดี๋ยวเผื่อมันมาแปปๆแล้วหนีอีก
จุดนี้ไม่มีแสดงชื่อในแผนที่ก็เปิดดู google map กันสดๆตอนนั้นแล้วกะเอาค่ะ
ลงไปตั้งกล้องถ่ายรอ ปรับโฟกัส ตั้งค่าไรไว้ก่อน จะเห็นว่าพระอาทิตย์ก็ไม่ตกสักที
วันนี้หนาวพอๆกับวันแรก อากาศไม่เท่าไหร่ลมนี่แรงมาก ถุงมือก็ใส่ไม่ได้จับกล้องไม่ถนัด ต้องไปยืนตั้งหลังรถให้บังลมเอา ในขณะที่ทุกคนนั่งรอกันประมาณ 15นาทีมองออกทางทะเล พ่อก็มองย้อนไปทางเมือง แล้วก็เปรยขึ้นมาว่า นั่นใช่ป่าวมันเรืองๆ? หืมมม ทำไมพ่อแม่เซนส์ดีกว่าลูก 555
หันไปดูด้วยตาเปล่าปุ๊ปรู้เลยว่าใช่ เพราะมันออกสีเขียวอ่ะหนนี้!!! มาแล้วๆๆๆ!!! ลงรถๆๆๆ ถ่ายรูปกันไป สักพักเมฆบังอีก เฮ้อออ รออีกหน่อยละกันเพราะเวลาเอากล้องส่องเมฆอ่ะ ด้านหลังเมฆมันยังเขียวอยู่เลยแปลว่ามันอยู่ อยู่ตรงนั้นตลอด อยู่เยอะด้วยแต่เราแค่โดนบัง การล่าครั้งนี้ถือว่าแหกทุกกฎ มีทั้งพระอาทิตย์ ไฟจากเมืองแล้วพระจันทร์ยังเกือบเต็มดวงอีกด้วย 555
ตัวอย่างการถ่ายเทส เอากล้องแนบกระจกรถ เปิด shutter speed ช้าๆอันนี้สัก 5 วินาที จะเห็นสีเขียวขึ้นกลางภาพ ถ้าตรงไหนเขียวๆเรืองๆในกล้องคือใช่แสงเหนือแน่นอน
มาแล้ววิ่งมาเป็นเส้นไล่มาจากทางขวาเลย จะเห็นว่าหนนี้แหกกฏการล่าแสงเหนือมาก ทางซ้ายพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกห้าทุ่มกว่าแล้ว ทางขวาไฟจากถนนก็ถือว่าแรง แต่ออโรร่าหนนี้ก็ยังส่องสว่างเห็นด้วยตาเปล่าเป็นสีเขียวอีกต่างหาก
เที่ยวไอซ์แลนด์ ไปล่าแสงเหนือ Aurora hunting tips รีวิวการล่าแสงเหนือ ออกสองคืนเจอสองหนทำยังไง?
ช่วงสงกรานต์ 5-12 เมษายน 2017 ได้มีโอกาสไปเที่ยวไอซ์แลนด์มาค่ะ ก็ได้หาข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆจากในพันทิพนี่แหละค่ะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เยอะแยะ กลับมาหนนี้เลยตั้งใจว่าจะค่อยๆทยอยเขียนบล็อกเกี่ยวกับเรื่องไอซ์แลนด์บ้าง อาจจะไม่ได้รีวิวละเอียดเหมือนคนอื่นๆแต่จะพยายามเขียนเรื่องที่ตอนหาข้อมูลแล้วยังได้คำตอบไม่เคลียร์มาเพิ่มไว้ในบล็อกตัวเอง แล้วก็เอามสลงพันทิพเผื่อจะได้ช่วยเป็นไกด์กันไปนะคะ ^ ^ เริ่มด้วยวิดีโอแสงเหนือจากทริปนี้
นี่เป็นกระทู้แรกปกติแอบอ่านอย่างเดียวมานานแล้ว ผิดพลาดประการใดขออภัย เรื่องแรกก็คงไม่พ้นเรื่องการล่าแสงเหนือ จะเล่าภาพรวมของประสบการณ์ในการไปล่าแสงเหนือของตัวเองให้ฟัง และให้รายละเอียดพวกการดูฟ้า ดูค่าเวป และการหาจุดดูโดยแยกเป็นหัวข้อที่ด้านล่างนะคะ ส่วนเรื่องการถ่ายรูปแสงเหนือหรือเทคนิคอื่นๆจะแยกเป็นบล็อกย่อยๆทีหลังนะคะมันยาว
ทริปนี้เราไปกันแบบไม่หวังเห็นแสงเหนือเท่าไหร่ เน้นว่าไปเที่ยว โดยมีเวลาในไอซ์แลนด์ทั้งหมด 7คืนในการตามล่าแสงเหนือ ตามตารางดังนี้
• วันพุธที่ 5 เมษา ถึงไอซ์แลนด์ตอน 15.00 เข้าที่พักและไปตลาดเพื่อเตรียมอาหารสำหรับทริป
• วันพฤหัสที่ 6 เมษา ออกเดินทางกับทัวร์สองวัน
• วันศุกร์ที่ 7 เมษา ยังอยู่กับทัวร์ เดินกลาเซียร์ และ ถ้ำน้ำแข็ง ทัวร์กลับมาส่งที่เรคยาวิค
• วันเสาร์ที่ 8 เมษา เช่ารถเองจนถึงวันกลับ ขับโกลเด้น เซอเคิล
• วันอาทิตย์ที่ 9 เมษา ขับรถไป kirkjufell เพื่อค้างหนึ่งคืน
• วันจันทร์ที่ 10 เมษา ขับวนอุทยานแห่งชาติแล้วอ้อมกลับลงมาเรคยาวิค
• วันอังคารที่ 11 เมษา ไปบลูลากูน และกลับมาเที่ยวแถวเรคยาวิค
• วันพุธที่ 12 เมษา ขับรถไปคืนที่สนามบินตอน 8.00 เพื่อบินออกจากไอซ์แลนด์
ในตารางคืนแรกเราตัดออกเพราะไม่มีรถและอยู่ในตัวเมืองคิดว่าไม่น่าจะเห็น แล้วก็ไม่เห็นจริงๆเพราะฝนตกตลอด คืนที่สองกับสามไปกับทัวร์ ทางทัวร์บอกว่าถ้าฟ้าเปิดจะพาไปล่าแสงเหนือจากโรงแรมและขากลับมาเรคยาวิคถ้ากลับดึกและผ่านเห็นก็จะพาแวะดู ปรากฎว่าฟ้าปิดทั้งสองวันฝนตกตลอด อดดูอีกตามระเบียบ (ฟ้าปิดคือเมฆเยอะมากดูด้วยตาก็รู้แล้วไม่มีทางเห็น คือตรวจค่าในเวปมันก็มีแสงเหนือนะ แต่มันโดนเมฆบังหนามากยังไงก็ไม่เห็น ไกด์เราให้ทิปว่าถ้ายูนอนแล้วตื่นมาตอนไหนมองเห็นดาวนะ ก็มีโอกาสเห็นแสงเหนือลองตื่นมาดูอีกทีตีสามก็ได้ (ซึ่งพ่อก็ตื่น! เวลาตื่นปกติแกที่เมืองไทย ปรากฎฟ้าปิดเหมือนเดิม แป่วว)
ทิป: เห็นดาวมีโอกาสเห็นออโรร่า ในเมืองก็ใช้ทิปนี้ได้
จนมาคืนที่สี่ วันที่เราเช่ารถขับกันเองอากาศก็ทรงๆคือตอนเช้าฝนก็ยังคงตกปรอยๆตลอดถึงบ่ายๆพอตกเย็นเมฆเริ่มจางและมองเห็นฟ้าสีฟ้าเป็นหย่อมๆก็ไม่อยากหวังมากรอดูสถาณการณ์อีกที เช็คค่าจากเวปก็คือฟ้าจะเปิดตอนตีสองตีสาม ก็เลยหาข้อมูลในเนตไว้ว่าจะไปดูได้ที่ไหนใกล้ๆเรคยาวิคได้บ้าง (กลัวไม่อยากให้ขับไปไกลๆตอนกลางคืน) หาได้สองจุดจากเวปภาษาอังกฤษ ไปดูรายละเอียดข้างล่างนะคะว่าตรงไหน ก็เลยนอนรอกันไป
ปรากฎว่าตีหนึ่งแม่ตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น (เป็นผู้ทำให้เกิดทริปนี้ หนึ่งใน wish list ของนางคือดูออโรร่า คนอื่นเฉยๆ55) แล้วเห็นไฟรถมากมายขับผ่านจากหน้าต่างห้องกับคนเดินไปมา ซึ่งนางอุปมาว่าทุกคนออกไปล่าแสงเหนือ ก็เลยปลุกลูกๆและสามีซะ ตื่นมาเราก็ดูฟ้านอกหน้าต่าง เห็นดาวว่ะ!! แววดี ต่อมาก็ดูค่าในเวป ฟ้าโปร่งเป็นจุดๆ ค่าแสงเหนือในเวปก็3 (ค่า 1,2 อาจไม่เห็นด้วยตาเปล่า 3,4คือแรงอยู่มีโอกาสเห็นด้วยตาเปล่า ส่วน5-7คือออโรร่าระเบิดเห็นชัวร์ถ้าฟ้าเปิด) ท่าทางดีงี้ รออะไรล่ะคะ แต่งตัวออกจากบ้านเลย (แอบแต่งไว้เลยสวมเสื้อทับๆออกได้เลย)
ทิป: หากระเป๋าเล็กใบนึงยัดอุปกรณ์กันหนาวทุกอย่างขึ้นรถไป เดี๋ยวไปเสริมอุ่นหน้างานได้ ห้ามประมาทอากาศที่นี่เด็ดขาด มันรุนแรงมากจริงๆ
ตีหนึ่งกว่าๆก็ขึ้นรถออกจากบ้านกัน เราหาจุด gps ของที่แรกที่จะไปดูไว้แล้วคือที่ประภาคารที่สุดแหลมของเมืองเรคยาวิค ได้ข้อมูลมาจากเวปนี้ http://www.travelreportage.com/2013/04/11/where-to-see-the-northern-lights-in-and-around-reykjavik/ ขึ้นรถก็ให้ google map นำทางกันไปเลย ถือว่าใกล้เมืองมากๆ แต่ก็ยังมีแสงเมืองรบกวนประมาณนึง ช่างภาพมืออาชีพเค้าจะเดินต่อจากที่จอดรถไปสุดโขดหินของประภาคารกัน บอกเลยว่าไม่ไป!! หนาวและมืด ใจไม่ถึงในการแบกอุปกรณ์ไปค่ะ อยู่ที่จอดรถพอ ไปถึงปุ๊ปเมฆยังเยอะอยู่เลย ก็เลยนั่งรอในรถอีกแป๊ปเผื่อว่าเมฆมันจะโดนลมพัดหายไป ระหว่างรอก็เอามือถือ Huawei ถ่ายเทสไปเรื่อยๆเผื่อมันมาแล้วตามองไม่เห็น ถ้าถ่ายด้วย speed shutter แบบแมนนวลให้ช้าหน่อยจะเห็นเป็นสีเขียว ถ่ายเช็คเรื่อยๆนะคะ อย่าลิมแบตกล้องเสริม
รอไปรอมาท่าไม่ค่อยดี น้องชายบอกว่าไปที่ๆไกลเมืองกว่านี้เหอะ อันนี้ท่าจะไม่ดีกลัวมาก็ไม่เห็นอยู่ดี ก็เลยกด gps ไปที่จุดต่อไป ได้มาจากเวปนี้ http://totaliceland.com/great-spots-for-northern-lights-watching-near-reykjavik-iceland/ ขับไปทางสนามบินแล้วแยกไปทะเลสาปเค้าบอกให้ไปปักหลักที่ทะเลสาป ขับจากที่เดิมออกมาประมาณ 30 นาทีผ่านไฮเวย์ ร้านโรงงานใหญ่ อยู่ๆก็แยกเข้าทางที่ดูไม่มีอาคารบ้านเรือนถือว่ามืดสนิท ก็มองฟ้ากันเป็นระยะๆ มีฟ้าเปิดช่วงนึงตรงกลางฟ้า กระทั่งถนนยางมะตอยหายไปอยู่ๆก็กลายเป็นลูกรังๆเราเลยตัดสินใจกลับรถและจะหาที่จอดเวิ้งข้างๆทาง ระหว่างวนกลับนั่นเอง บนเมฆก็มีแต่ฟ้าขาวๆ อยู่ๆแม่ก็ถามว่านั่นแสงเหนือป่าว? สั้นๆง่ายๆ เอาจริงๆคือดูไม่ออกนึกว่าเมฆ ควักกล้องออกมาถ่ายเลย ถ่ายตอนรถวิ่งๆนี่แหละ shutter speed 5 วินาที สีเขียวออกว่ะ!!! เจอแล้วๆๆๆ!! ตะโกนกันลั่นรถ จอดๆๆ!!!
ลงรถปักหลักตั้งขาตั้งกล้องถ่ายเลย ได้รูปสมใจ แสงเหนืออยู่กับเราแค่ประมาณ 20 นาที ประมาทไปหน่อยเห็นว่าหนาว พ่อแม่และน้องสาวหนีลมไปบนรถ ลงมาอีกทีเกือบถ่ายไม่ทันโดนน้องเมฆมาบดบังโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างรวดเร็ว ยังถ่ายเดี่ยวกันไปครบก็ไปซะแล้ว แต่ทุกคนก็ฟินไปตามๆกัน เพราะถือว่าเป็นการออกล่าครั้งแรกภายในหนึ่งชม.ก็ได้เห็นเลย ถือว่าโชคดี ดวงดี และตัดสินใจถูก แถมแม่ตาดีเสียด้วย!
ทิป: รู้หรือไม่ว่าแสงเหนือเวลาเห็นด้วยตาเปล่าจะสีอาจจะไม่เขียวเหมือนในรูปถ่ายนะจ๊ะ มีหลายคนที่ออกล่าอาจจะเห็นแล้วแต่ไม่รู้ตัวพลาดไปก็ได้นะ
ทิป: รูปสวยๆสีสดๆที่เห็นกันตามรีวิวมักเป็นรูปที่ผ่านการแต่งแล้ว ดูตัวอย่างข้างล่างเลย
ตัวอย่าง สิ่งที่ตาเห็น / รูปที่ถ่ายออกมา / รูปที่ผ่านการแต่ง
อันนี้ตั้งใจทำไว้ให้ดูเลยนะคะ (อันที่ตาเห็นคือแต่ง photoshop จากรูปอีกที) บางทีคนที่ไปมีความคาดหวังในแสงเหนือผิดๆเห็นแล้วอาจจะรู้สึกผิดหวังได้นะคะ แต่ถ้าเข้าใจไปก่อนก็ได้ไม่พลาดและไม่ผิดหวังค่ะ เพราะมันก็ยังเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ
สิ่งที่ตาเห็น
สิ่งที่กล้องถ่ายได้
สภาพที่แต่งแล้ว
ประมาณนี้ค่ะ อันนี้ไม่ค่อยมีใครบอกเลยคิดว่าน่าจะทำให้ทุกคนเห็นภาพความจริงชัดๆ
คืนที่ห้า วันนี้ย้ายไปนอนแถวๆ kirkjufell เป็นจุดแลนด์มาร์กในการถ่ายรูปแสงเหนือคู่กับภูเขาทรงกรวย กระหยิ่มใจมากว่าดวงดี คืนนี้ต้องเห็นแน่นอน ต้องได้รูปเทพๆกลับมา ปรากณค่า kp อ่อนมากอยู่ที่ 1 บางทีก็ขึ้นมา 2… ฟ้าปิดๆเปิดๆ น้องสาวหลับๆตื่นเช็คให้ยันตีสอง ประกอบกับการเช็คจาก instragram #aurora หรือ #kirkjufell อะไรสักอย่าง บอกว่ามีคนเพิ่งโพสต์ตอนตีหนึ่งครึ่งไปรออยู่ตรงภูเขาแล้วมันไม่มา ก็เลยตัดใจซุกผ้าห่มนอนกันดีกว่า เมื่อคืนดึก วันนี้อย่างเหนื่อย
ทิป: เช็คจาก instragram ก็ดีนะ คนที่เล่นบ่อยๆน่าจะเข้าใจว่าคืออะไร พอดีเราไม่เล่นคิดไม่ค่อยออก แต่รู้สึกว่าน้องมันเก่ง รู้จักหาวิธีเช็คกึ่งๆเรียลไทม์ผ่านคนที่ไปรออยู่ตรงนั้นได้
คืนที่หก ฟ้าก็ยังคงครึ้มตลอดดด ดูค่าก็อ่อนด้อย นอนกันไปอีกวัน
คืนที่เจ็ดคืนสุดท้ายละ พรุ่งนี้จะออกจากไอซ์แลนด์แล้ว ก็เช็คระหว่างเที่ยวที่อื่นไปเรื่อยๆตั้งแต่เช้าค่า kp ก็ออกประมาณ2 ประกอบกับเมฆครึ้มและฝนปรอยเหมือนเดิม ประมาณสามทุ่มคุยกันว่าสงสัยจะอด แต่ก็ยังดีที่ได้เห็นไปแล้วดวงดีจริงๆ ระหว่างที่ถอดใจนอนเกลือกกลิ้งกันในห้องที่อบอุ่นกันนั้น เราก็ลองขอเวปน้องมาดูเพราะไม่เคยดูเลย ยกงานให้น้องตลอด วันนี้มันง่วงขอนอนเร็วเลยขอไว้เผื่อเช็ค
เปิดมาผ่างงง ขึ้น kp 4 จ้าาาา!!! โห งี้ก็ต้องออก ดูทรงแล้วฟ้าเปิด แต่ไม่เปิดในเมืองเรคยาวิคต้องลงไปทางใต้ คืนนี้พระอาทิตย์ตก 22.40 ตอนนี้สามทุ่มเรายังพอมีเวลา ไปดูที่ไหนดี? ที่เดิมขึ้นรูปเมฆครึ้มเชียวไปคงไม่เห็น จุดที่ฟ้าเปิดหาข้อมูลไม่ได้ไม่มีใครกล่าวถึงเอาไงดี เปิดกูเกิลแมพด้วยคอมเลย ดูเทียบในเวปตรงไหนฟ้าเปิด แล้วเข้า google map street view เพื่อหาถนนที่ดูไม่มีไฟ หาดูสักสองสามที่เอาวะ ตรงนี้ละกันมองออกไปเป็นทะเล ไม่น่ามีแสงแถมฟ้าด้านหันออกทะเลเปิดอีก pin จุดเลยส่ง gps เข้าอีเมลล์ไว้ไป navigate กัน
Straumur จุดที่กะจะไปดูแต่ไม่ได้ไป
Street view ทีแรกคิดว่าจะไปดูตรงแถวๆหลังบ้านนั้น แต่ทางเข้าไม่ค่อยอำนวยเลยย้ายที่
สี่ทุ่มออกจากบ้าน พระอาทิตย์ยังไม่ตก แต่ไปเร็วหน่อยเผื่อที่ๆเล็งไว้ใช้ไม่ได้ จะได้มีเวลาหาที่ใหม่ทัน ไปถึงปรากฏเข้าไม่ได้จริงถนนแย่มากแถมเหมือนเป็นบ้านส่วนตัวเค้าอีก ก็เลยตัดสินใจขับเลยไปนิดนึง ดูจากในแมพแล้วมันจะมีแยกข้างหน้าอีก เข้าไปดูก่อน… เออ อันนี้เข้าทีเป็นถนนกำลังตัดใหม่ยังไม่มีไฟแถมถนนก็ไม่แย่มากมีการบดถนนไว้แล้ว มีเวิ้งให้จอดอีก จอดเลยยยย
พระอาทิตย์ยังคงไม่ตกเห็นวิวพระอาทิตย์ตอน 22.30 กับแสงเมืองไกลๆกับเส้นขอบฟ้าที่ทะเล ลงไปตั้งขา ตั้งกล้องเตรียมโฟกัสด้วยถ่ายรูปเล่นไว้ก่อน เดี๋ยวเผื่อมันมาแปปๆแล้วหนีอีก
จุดนี้ไม่มีแสดงชื่อในแผนที่ก็เปิดดู google map กันสดๆตอนนั้นแล้วกะเอาค่ะ
ลงไปตั้งกล้องถ่ายรอ ปรับโฟกัส ตั้งค่าไรไว้ก่อน จะเห็นว่าพระอาทิตย์ก็ไม่ตกสักที
วันนี้หนาวพอๆกับวันแรก อากาศไม่เท่าไหร่ลมนี่แรงมาก ถุงมือก็ใส่ไม่ได้จับกล้องไม่ถนัด ต้องไปยืนตั้งหลังรถให้บังลมเอา ในขณะที่ทุกคนนั่งรอกันประมาณ 15นาทีมองออกทางทะเล พ่อก็มองย้อนไปทางเมือง แล้วก็เปรยขึ้นมาว่า นั่นใช่ป่าวมันเรืองๆ? หืมมม ทำไมพ่อแม่เซนส์ดีกว่าลูก 555
หันไปดูด้วยตาเปล่าปุ๊ปรู้เลยว่าใช่ เพราะมันออกสีเขียวอ่ะหนนี้!!! มาแล้วๆๆๆ!!! ลงรถๆๆๆ ถ่ายรูปกันไป สักพักเมฆบังอีก เฮ้อออ รออีกหน่อยละกันเพราะเวลาเอากล้องส่องเมฆอ่ะ ด้านหลังเมฆมันยังเขียวอยู่เลยแปลว่ามันอยู่ อยู่ตรงนั้นตลอด อยู่เยอะด้วยแต่เราแค่โดนบัง การล่าครั้งนี้ถือว่าแหกทุกกฎ มีทั้งพระอาทิตย์ ไฟจากเมืองแล้วพระจันทร์ยังเกือบเต็มดวงอีกด้วย 555
ตัวอย่างการถ่ายเทส เอากล้องแนบกระจกรถ เปิด shutter speed ช้าๆอันนี้สัก 5 วินาที จะเห็นสีเขียวขึ้นกลางภาพ ถ้าตรงไหนเขียวๆเรืองๆในกล้องคือใช่แสงเหนือแน่นอน
มาแล้ววิ่งมาเป็นเส้นไล่มาจากทางขวาเลย จะเห็นว่าหนนี้แหกกฏการล่าแสงเหนือมาก ทางซ้ายพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกห้าทุ่มกว่าแล้ว ทางขวาไฟจากถนนก็ถือว่าแรง แต่ออโรร่าหนนี้ก็ยังส่องสว่างเห็นด้วยตาเปล่าเป็นสีเขียวอีกต่างหาก