สองห้องนี้ต่างกันคนละสาย คนละความรู้ แต่มักมาเกี่ยวข้องกันเสมอ ในยามที่มีการถกกันเรื่องทหาร
เรื่องอาวุธ บ่อยครั้งที่ห้องหว้ากอคุยเรื่องอาวุธแล้วมีวกเข้าการเมืองบ้าง
เช่นเวลาพูดถึงเรือเหาะ หรือ GT200 แม้กระทั่งเรื่องไฟใต้
สิ่งที่ต่างกันคือ ห้องหว้ากอพูดกันในเรื่องข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว
อาวุธอะไร สมรรถนะแบบไหน ราคาเท่าไหร่ ใช้ทำอะไร
ทุกอย่างมีในตำรา มีในบทความ อิงข้อเท็จจริง
แต่ห้องราชดำเนิน เรื่องการเมือง มีทั้งจริงและเท็จ
เรื่องในอดีตที่มีการปกปิดและเปิดเผย
เรื่องปัจจุบันที่มีความซับซ้อน
เรื่องในอนาคตที่ต้องมโนไปในสิ่งที่ยังไม่เกิด อาจจะเกิด
เหตุที่ตั้งกระทู้นี้เพราะเรื่องเรือดำน้ำ ที่มีการถกเถียงกัน
แต่กลับพบข้อความหลายข้อความในห้องหว้ากอ ทำนองดูถูก ไล่ให้กลับปลักดำนาบ้าง
เรียกว่าห้องโรคจิตบ้าง ซึ่งอ่านดูแล้วมันก็เกินไปหน่อย
เพราะหากมีคนมาเรียกพวกห้องหว้ากอ(อาวุธยุทโธปกรณ์) ว่าพวกโรคจิต พวกบ้าสงคราม
เชื่อว่าคงไม่มีใครชอบใจแน่ โดยเฉพาะผม มันเข้าตัวทั้งสองห้อง
มาว่ากันด้วยเรื่องเรือดำน้ำ มันต้องแยกในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์ กับเรื่องความเหมาะสมในปัจจุบัน
เรื่องยุทธศาสตร์การทหาร แน่นอนว่า เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ และต้องมีมากกว่า 3 ลำด้วย
เพราะเรามีทะเลสองฝั่ง ลำบากในการป้องกัน
แต่เรื่องเรือดำน้ำมันเป็นเรื่องใหญ่ ใช้งบประมาณเยอะ ข้อสำคัญ ใช้ในตอนนี้ในขณะที่รัฐบาลเองพูดอยู่บ่อยๆ
ว่าไม่มีเงิน บางคนอาจเถียงว่าอันนี้มันเป็นงบของทหารเรือ ไม่ซื้อเรือดำน้ำก็ซื้ออย่างอื่นอยู่ดี
คือถ้าตอบแบบนี้ ทหารเรือคงมีเรือดำน้ำไปหลายสิบลำแล้วครับ มันไม่ใช่ว่ารัฐบาลส่งมอบเงินให้ทหารเรือ
แล้วคุณจะเอาไปทำอะไรก็ทำ แต่มันต้องมีการเสนอขึ้นมาว่าในปีนั้นๆต้องใช้อะไร ต้องซื้ออะไร
ตั้งงบมา แล้วรัฐบาลก็อนุมัติหรือไม่อนุมัติไป
ทหารเรือก็ฝึกคอบร้าโกลด์ทุกปี ขึ้นเรือยกพลขึ้นบกกันทุกปี
ทำไมไม่มีใครถามล่ะครับว่าจะไปยกพลขึ้นประเทศไหน เอาเรือยกพลมาประจำการทำไม
ก็คงเพราะมันใช้งบน้อยกว่า ผลกระทบมีไม่มาก
ที่สุดแล้ว เมื่อทัพเรือได้ไฟเขียว สั่งเรือดำน้ำได้ คำถามที่ต้องตอบก็มีตามมาอีก
ทำไมต้องของจีน
ในเมื่อคนจ่าย(ภาษี)ไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้จ่าย แต่คนใช้ย่อมรู้ดีกว่าคนจ่าย
ดีไม่ดี อนาคตจะเป็นผู้ตัดสิน แต่อย่าลืมว่าเมื่อมีคนคัดค้านเยอะ หากว่าดีก็ย่อมเสมอตัว
แต่หากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา มันจะเหมือนกับนโยบายจำนำข้าวหรือเปล่า
ที่บอกว่ามีคนคัดค้านมากมายแล้วไม่ฟัง เมื่อเสียหาย นายกต้องรับผิดชอบหลายหมื่นล้าน
เรื่องความลับทางทหารมันก็ใช่ส่วนหนึ่ง ที่ทำไมต้องเอาแบบนี้ ของประเทศนี้ คงเปิดเผยกันหมดไม่ได้
เหมือน UAV (อากาศยานไร้คนขับ) เราก็เพิ่งทราบกันว่ากองทัพไทยมีใช้ก็ตอนที่มันถูกยิงตกตอนศึกร่มเกล้า
รถถังสติงเรย์ที่มีเรื่องรถร้าว แล้วเราก็เป็นกองทัพเดียวในโลกที่สั่งมาใช้
GT200 ที่ได้ข้ออ้างมาแล้วว่า เป็นการซื้อความรู้ที่แพง (ไม่ใช่ซื้อค่าโง่)
หรือเรือเหาะที่มันเหาะไม่ได้
เหล่านี้คือความเสียหาย ที่ถึงปัจจุบัน ก็ไม่มีคนต้องรับผิดชอบ!!
หากเป็นโครงการใหญ่อย่างเรือดำน้ำ แล้วมีความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้นมาล่ะ....
มีปืนไว้ให้โจรหรือเพื่อนบ้านเกรงใจก็ดี แต่ซื้อมาแล้วคงไม่เอาเข้าตู้เซฟไว้เฉยๆ
มันต้องเอามาซ้อม เอามาลอง ดูแลรักษา แต่ไม่มีปัญญาซื้อกระสุนไว้ซ้อมมันก็ไม่ไหว
รล.จักรนฤเบศร์ สตาร์ทเครื่องวิ่งทีเป็นล้าน นักบินไทยชั่วโมงบินน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเพราะค่าน้ำมันชั่วโมงนึงเป็นแสน
แล้วเรือดำน้ำต้องฝึกกันเต็มที่ทั้งสามลำ ไม่ได้เอามาจอดโชว์ในวันเด็ก ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้ดีๆ
สรุป เห็นด้วยว่าไทยควรมีเรือดำน้ำ แต่เวลานี้เหมาะหรือไม่ คงไม่ต้องคิด เพราะอนุมัติแล้ว
แต่ขอให้เปิดเผยเท่าที่เปิดเผยได้ ให้โปร่งใสไร้เงินทอน
คนไทยก็รักชาติทุกคนแหละครับ ภูมิใจในแสนยานุภาพกองทัพไทยของเรา
ขอแค่ใช้ให้คุ้มเงินที่เราต้องเสียไปก็พอ
***** เรือดำน้ำ ราชดำเนิน และหว้ากอ ***** ..../ภูเขาทะเล
เรื่องอาวุธ บ่อยครั้งที่ห้องหว้ากอคุยเรื่องอาวุธแล้วมีวกเข้าการเมืองบ้าง
เช่นเวลาพูดถึงเรือเหาะ หรือ GT200 แม้กระทั่งเรื่องไฟใต้
สิ่งที่ต่างกันคือ ห้องหว้ากอพูดกันในเรื่องข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว
อาวุธอะไร สมรรถนะแบบไหน ราคาเท่าไหร่ ใช้ทำอะไร
ทุกอย่างมีในตำรา มีในบทความ อิงข้อเท็จจริง
แต่ห้องราชดำเนิน เรื่องการเมือง มีทั้งจริงและเท็จ
เรื่องในอดีตที่มีการปกปิดและเปิดเผย
เรื่องปัจจุบันที่มีความซับซ้อน
เรื่องในอนาคตที่ต้องมโนไปในสิ่งที่ยังไม่เกิด อาจจะเกิด
เหตุที่ตั้งกระทู้นี้เพราะเรื่องเรือดำน้ำ ที่มีการถกเถียงกัน
แต่กลับพบข้อความหลายข้อความในห้องหว้ากอ ทำนองดูถูก ไล่ให้กลับปลักดำนาบ้าง
เรียกว่าห้องโรคจิตบ้าง ซึ่งอ่านดูแล้วมันก็เกินไปหน่อย
เพราะหากมีคนมาเรียกพวกห้องหว้ากอ(อาวุธยุทโธปกรณ์) ว่าพวกโรคจิต พวกบ้าสงคราม
เชื่อว่าคงไม่มีใครชอบใจแน่ โดยเฉพาะผม มันเข้าตัวทั้งสองห้อง
มาว่ากันด้วยเรื่องเรือดำน้ำ มันต้องแยกในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์ กับเรื่องความเหมาะสมในปัจจุบัน
เรื่องยุทธศาสตร์การทหาร แน่นอนว่า เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ และต้องมีมากกว่า 3 ลำด้วย
เพราะเรามีทะเลสองฝั่ง ลำบากในการป้องกัน
แต่เรื่องเรือดำน้ำมันเป็นเรื่องใหญ่ ใช้งบประมาณเยอะ ข้อสำคัญ ใช้ในตอนนี้ในขณะที่รัฐบาลเองพูดอยู่บ่อยๆ
ว่าไม่มีเงิน บางคนอาจเถียงว่าอันนี้มันเป็นงบของทหารเรือ ไม่ซื้อเรือดำน้ำก็ซื้ออย่างอื่นอยู่ดี
คือถ้าตอบแบบนี้ ทหารเรือคงมีเรือดำน้ำไปหลายสิบลำแล้วครับ มันไม่ใช่ว่ารัฐบาลส่งมอบเงินให้ทหารเรือ
แล้วคุณจะเอาไปทำอะไรก็ทำ แต่มันต้องมีการเสนอขึ้นมาว่าในปีนั้นๆต้องใช้อะไร ต้องซื้ออะไร
ตั้งงบมา แล้วรัฐบาลก็อนุมัติหรือไม่อนุมัติไป
ทหารเรือก็ฝึกคอบร้าโกลด์ทุกปี ขึ้นเรือยกพลขึ้นบกกันทุกปี
ทำไมไม่มีใครถามล่ะครับว่าจะไปยกพลขึ้นประเทศไหน เอาเรือยกพลมาประจำการทำไม
ก็คงเพราะมันใช้งบน้อยกว่า ผลกระทบมีไม่มาก
ที่สุดแล้ว เมื่อทัพเรือได้ไฟเขียว สั่งเรือดำน้ำได้ คำถามที่ต้องตอบก็มีตามมาอีก ทำไมต้องของจีน
ในเมื่อคนจ่าย(ภาษี)ไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้จ่าย แต่คนใช้ย่อมรู้ดีกว่าคนจ่าย
ดีไม่ดี อนาคตจะเป็นผู้ตัดสิน แต่อย่าลืมว่าเมื่อมีคนคัดค้านเยอะ หากว่าดีก็ย่อมเสมอตัว
แต่หากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา มันจะเหมือนกับนโยบายจำนำข้าวหรือเปล่า
ที่บอกว่ามีคนคัดค้านมากมายแล้วไม่ฟัง เมื่อเสียหาย นายกต้องรับผิดชอบหลายหมื่นล้าน
เรื่องความลับทางทหารมันก็ใช่ส่วนหนึ่ง ที่ทำไมต้องเอาแบบนี้ ของประเทศนี้ คงเปิดเผยกันหมดไม่ได้
เหมือน UAV (อากาศยานไร้คนขับ) เราก็เพิ่งทราบกันว่ากองทัพไทยมีใช้ก็ตอนที่มันถูกยิงตกตอนศึกร่มเกล้า
รถถังสติงเรย์ที่มีเรื่องรถร้าว แล้วเราก็เป็นกองทัพเดียวในโลกที่สั่งมาใช้
GT200 ที่ได้ข้ออ้างมาแล้วว่า เป็นการซื้อความรู้ที่แพง (ไม่ใช่ซื้อค่าโง่)
หรือเรือเหาะที่มันเหาะไม่ได้
เหล่านี้คือความเสียหาย ที่ถึงปัจจุบัน ก็ไม่มีคนต้องรับผิดชอบ!!
หากเป็นโครงการใหญ่อย่างเรือดำน้ำ แล้วมีความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้นมาล่ะ....
มีปืนไว้ให้โจรหรือเพื่อนบ้านเกรงใจก็ดี แต่ซื้อมาแล้วคงไม่เอาเข้าตู้เซฟไว้เฉยๆ
มันต้องเอามาซ้อม เอามาลอง ดูแลรักษา แต่ไม่มีปัญญาซื้อกระสุนไว้ซ้อมมันก็ไม่ไหว
รล.จักรนฤเบศร์ สตาร์ทเครื่องวิ่งทีเป็นล้าน นักบินไทยชั่วโมงบินน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเพราะค่าน้ำมันชั่วโมงนึงเป็นแสน
แล้วเรือดำน้ำต้องฝึกกันเต็มที่ทั้งสามลำ ไม่ได้เอามาจอดโชว์ในวันเด็ก ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้ดีๆ
สรุป เห็นด้วยว่าไทยควรมีเรือดำน้ำ แต่เวลานี้เหมาะหรือไม่ คงไม่ต้องคิด เพราะอนุมัติแล้ว
แต่ขอให้เปิดเผยเท่าที่เปิดเผยได้ ให้โปร่งใสไร้เงินทอน
คนไทยก็รักชาติทุกคนแหละครับ ภูมิใจในแสนยานุภาพกองทัพไทยของเรา
ขอแค่ใช้ให้คุ้มเงินที่เราต้องเสียไปก็พอ