(ระบาย)เหนื่อยใจกับเพื่อนเพราะทำธุรกิจล้างสมอง

วันนี้อยากระบายความรู้สึก ขอแทนตัวเองว่า เอ นะคะ(นามสมมติ) และแทนเพื่อนของจขกท.ว่า บี(นามสมมติ)
เอกับบีเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.๑ จนตอนนี้จะจบปี๑แล้ววันนึงบีทักแชตมาหาว่า ซี(เพื่อนม.ปลาย แต่อยู่คนละคณะ นานๆเจอกันที)มาหา ให้ลงมาเล่นด้วยกันที่ห้องบี เราก็เลยลงไป พอถึงห้องบี ปรากฏว่ามีใครไม่รู้เป็นผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ด้วย แล้วก็มีของวางเต็มพื้นไปหมด พอลองสังเกตดูก็เห็นว่าเป็นยี่ห้อ A...w....

ไปถึงเราก็ทักทายเพื่อนๆแล้วก็สวัสดีพี่ๆสองคนนั้น แล้วพี่คนนั้นก็สาธิตอาหารเสริมวิตามิซีให้ดู เอาข้าวสารใสไอโอดีน แล้วเอาวิตามินซีทำเป็นผงๆใส่ไปอีก น้ำในแก้วก็ใส แล้วก็อวดสรรพคุณนู้นนี่ สักพักก็ให้ช่วยกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับความต้องการอะไรเนี่ยแหละ อยากมีเงินเดือนเท่าไหร่ อยากมีบ้าน อยากมีรถมั้ย อะไรประมาณนี้ แล้วบีก็ถามซีว่า "ซี มีงานให้ทำมั้ย อยากมีเงินระหว่างเรียนอ่ะ"ร้องไห้ประมาณนี้มั้ง จำไม่ได้แล้ว ความจำสั้น ฮ่าๆๆ) ซีก็บอก นี่ไงๆๆ ให้พี่สองคนนั้นมาช่วยแนะนำ

พี่๑ ก็พูดถึงเรื่องคนรวยคนจน passive income นู้นนี่นั่น ถ้าน้องทำได้เท่านี้ๆน้องจะได้เปอร์เซ็นเท่านี้ๆนะ ระดับมหาเทพมงกุฎเพชรมีเงินเดือนเป็นล้านเลยนะ น้องอยากได้มั้ย โดยมีพี่๒คอยพูดสนับสนุน ตอนนี้พี่มีรายได้เป็นหมื่นต่อเดือนแล้วนะ ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ใช้แล้ว สุดท้ายก็ชวนไปฟังสัมนา...เต่าเอือม.เต่าเอือม ไอ้เราตอนแรกก็คล้อยตามอยู่หรอก แต่พอมาถึงรายได้ในแต่ละระดับแล้วมันดูโอเว่อร์เกินไปหน่อย

บีก็ไปฟังสัมนา พร้อมสมัครเรียบร้อย เสียตังค่าสมัครหลายร้อยอยู่ หลังจากนั้นบีก็ไปสัมนาทุกครั้งที่เค้าจัด ไปแคมป์ต่างจังหวัดตลอด พอเราได้ไปห้องบีอีกที ห้องบีก็เต็มไปด้วยสินค้าของแบรนด์นั้นเต็มไปหมดทั้งอาหารเสริม โปรตีน บีก็พยายามให้เราซื้อด้วย ว่าของมันดี ให้ลองซื้อไปกิน เราก็พยายามปฏิเสธว่า เราไม่มีเงินซื้อ(ก็ไม่มีเงินจริงๆ ฮ่าๆๆๆ)

ด้วยความที่เอติดพันทิปอยู่แล้วก็เลยเข้ามาหาข้อมูล ความคิดเห็นในพันทิป ก็ไปเจอกระทู้แฉธุรกิจนี้ ก็นะ... ก็เลยส่งให้บีอ่าน บีก็ตอบกลับมาว่า "ธุรกิจมันก็มีทั้งได้และเสีย ฉันไม่ได้ซื่อขนาดนั้น ฉันอยากได้เงิน พี่เขาก็อยากได้เงิน เราก็ไม่ได้เสียอะไร ถ้าจัดการเวลาได้ ก็ได้กำไร" (แล้วตอนนี้เธอจ่ายให้กับธุรกิจนี้ไปเท่าไหร่แล้ว......)

หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ ดูบีโกรธเราที่เราว่าธุรกิจที่บีทำมันไม่ได้ดีอย่างที่คิด ส่วนตัวเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้กับบีอีกเลย(ไม่อยากมีปัญหา)
จนมาวันนี้ (22/04/2017) เพื่อนโทรมาหาเรา(เพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนม.ปลาย แต่ตอนนี้อยู่คนละมหาลัย ของแทนชื่อว่า ดี นะคะ) โทรมาระบายว่า บีเปลี่ยนไปนะ พูดแต่เรื่องธุรกินั่นตลอด พยายามจะให้ดีไปร่วมสัมนาด้วย แต่ดีไม่สะดวกไปเพราะติดเรียน(คาบนั้นมีคะแนนด้วย) บีก็ไม่ยอม พยายามพูดให้ดีไปด้วยตลอด ดีก็โทรไปปรึกษาแม่ว่าจะไปดีมั้ย เป็นแคมป์ต่างจังหวัดแล้วก็จ่ายค่าเข้าแปดร้อย แม่ของดีก็ไม่โอเค ไม่ให้ดีไปเพราะแกก็รู้จักธุรกิจนี้พอสมควร ส่วนตัวดีก็ไม่อยากไปด้วยเพราะดีก็เรียนด้านธุรกิจ ก็พอรู้อะไรบ้าง

บีก็พยายามโทรตื้อ ดีก็พยายามอธิบายว่าไม่สะดวกจริงๆแม่ไม่ให้ไป แต่บีก็บอกว่า "ก็ไปก่อน กลับมาค่อยบอกแม่ก็ได้" ส่วนพี่ที่เป็นอัพของบีก็เสริม "เรื่องเรียนก็โดดไปก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก พวกแพทย์ วิศวะเกียรตินิยมอันดับหนึ่งยังโดดไปเลย" เอิ่ม...เป็นคำแนะนำที่แบบ.....เม่าแพนด้าเม่าแพนด้า
ดีเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ก็โทรมาถามเราว่า ทำไงดีๆๆ ไม่อยากให้บีโกรธเลย
ไอ้เราก็เฮ้อออออ ไม่รู้จะบอกยังไงดี ได้แต่บอกว่า "ไม่ต้องไปหรอก ถ้ามันจะโกรธกันด้วยเรื่องแค่นี้น่ะนะ ถ้ามันโกรธคงโกรธไม่นานหรอก หรือถ้าไม่ ก็ให้มันรู้ไป ว่าเสียเพื่อนเพราะธุรกิจ"

เห้อมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ค่อยดีขึ้นมาหน่อย เหมือนได้ระบายออกไปให้(ใครไม่รู้ฟัง)เม่าหนาวเม่าหนาวเม่าหนาวเม่าหนาวเม่าหนาวเม่าหนาวเม่าหนาวเม่าหนาว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่