คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
การจะกู้เงิน (ที่ถูกกฎหมาย) แต่ละที
คนให้กู้ เขาก็ต้องดูศักยภาพในการจ่ายคืนของคนที่จะเป้นลูกหนี้เสียก่อน ว่าถ้าเอาเงินฉันไปล้ว ฉันได้ได้ต้นคืนพร้อมดอก
ศักยภาพที่ว่า ดูได้จากไหน??
1. สลิปเงินเดือน -- เพราะการมีสลิปเงินเดือน เป้นเครื่องยืนยันว่าคนนี้มีรายรับที่มั่นคง สามารถจ่ายหนี้คืนได้ภายในกำหนด
2. หนังสือรับรองการทำงาน -- สมมติว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา อย่างน้อย ๆ เจ้าหนี้ก็จะได้ไปตามหาลูกหนี้ที่ชักดาบคนนี้ได้ ซึ่งคนทำงานส่วนใหญ่หรือแทบจะทุกคน ล้วนไม่อยากมีประวัติเสื่อมเสีย เพราะมันจะกระทบไปถึงหน้าที่การงานค่ะ
แนวคิดของคนออกเงินกู้คือการสร้างดอกผลจากดอกเบี้ยเงินกู้ค่ะ
ทีนี้คนหาเช้ากินค่ำ จำเป็นต้องหมุนเงินจริง ๆ มันไม่มีความสามารถไปกู้อย่างถูกกฎหมายหรอกค่ะ
เช่น พ่อค้าแม่ค้า หามาใช้ไป ไม่มีรายรับที่แน่นอน วันไหนขายได้ดี วันนั้นก็ได้มากหน่อย วันไหนเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ รายรัยก็ตกลง ฯลฯ แปรผันไป เอาแน่เอานอนไม่ได้
ทีนี้พอเกิดต้องใช้เงินขึ้นมา ก็ต้องหาจากแหล่งที่หาได้ไวที่สุดเพื่อไม่ให้งานสะดุด นั่นก็คือการไปกู้หนี้นอกระบบ
เจ้าหนี้นอกระบบ ก็สามารถตั้งอัตราดอกเบี้ยสูง ๆ ได้ เพราะ "อุปสงค์มากกว่าอุปทาน" หรือหากพูดง่าย ๆ คือ "เอ็งจะเอาไหม เงินน่ะ ถ้าไม่เอา เอ็งก็ไปกู้คนอื่นไป แต่ฉันไม่รู้นะ ว่าดอกจะแพงกว่านี้รึเปล่า" และคนกู้ก็คงไม่มีปัญญาไปตรวจสอบอะไรกับใครมาก ขอแค่ให้ได้เงินมาหมุนก็เป้นพอ
แต่ตอนจ่ายคืนนี้สิ...
ถามว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขตรงนี้ได้
โดยส่วนตัว เราคิดว่าได้ แต่เป็นเหมือนแก้กันไปทีละคราว ๆ ไม่ใช่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ตราบใดที่อุปสงค์ (ผู้กู้) ยังมีอยู่ อุปทาน (เจ้าของเงิน) ก็ยังหากินได้
แล้วทำยังไงไม่ให้เป็นหนี้ล่ะ??
ก็ต้องเริ่มจากการมีวินัยในตัวเองก่อนค่ะ
ลด ละ เลิกรายจ่ายที่ไม่จำเป้น เหล้ายาปลาปิ้งควรหามากินตามแต่โอกาส ไม่ใช่ตกเย็นก็ตั้งวงกันแล้ว
การมีหนี้ไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่หนี้ที่ว่านั้นก่อให้เกิดประโยชน์ในระยาวหรือเปล่า
ถ้าจะกู้มาลงทุน ก็ต้องคิดให้รอบคอบถึงผลกำไรที่คาดหวัง แล้วพยายามทำให้ได้
ค่อย ๆ สร้างเนื้อสร้างตัวแบบค่อยเป้นค่อยไป อย่าคิดทำการใหญ่โดยไม่ประเมินศักยภาพของตัวเอง
คนให้กู้ เขาก็ต้องดูศักยภาพในการจ่ายคืนของคนที่จะเป้นลูกหนี้เสียก่อน ว่าถ้าเอาเงินฉันไปล้ว ฉันได้ได้ต้นคืนพร้อมดอก
ศักยภาพที่ว่า ดูได้จากไหน??
1. สลิปเงินเดือน -- เพราะการมีสลิปเงินเดือน เป้นเครื่องยืนยันว่าคนนี้มีรายรับที่มั่นคง สามารถจ่ายหนี้คืนได้ภายในกำหนด
2. หนังสือรับรองการทำงาน -- สมมติว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา อย่างน้อย ๆ เจ้าหนี้ก็จะได้ไปตามหาลูกหนี้ที่ชักดาบคนนี้ได้ ซึ่งคนทำงานส่วนใหญ่หรือแทบจะทุกคน ล้วนไม่อยากมีประวัติเสื่อมเสีย เพราะมันจะกระทบไปถึงหน้าที่การงานค่ะ
แนวคิดของคนออกเงินกู้คือการสร้างดอกผลจากดอกเบี้ยเงินกู้ค่ะ
ทีนี้คนหาเช้ากินค่ำ จำเป็นต้องหมุนเงินจริง ๆ มันไม่มีความสามารถไปกู้อย่างถูกกฎหมายหรอกค่ะ
เช่น พ่อค้าแม่ค้า หามาใช้ไป ไม่มีรายรับที่แน่นอน วันไหนขายได้ดี วันนั้นก็ได้มากหน่อย วันไหนเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ รายรัยก็ตกลง ฯลฯ แปรผันไป เอาแน่เอานอนไม่ได้
ทีนี้พอเกิดต้องใช้เงินขึ้นมา ก็ต้องหาจากแหล่งที่หาได้ไวที่สุดเพื่อไม่ให้งานสะดุด นั่นก็คือการไปกู้หนี้นอกระบบ
เจ้าหนี้นอกระบบ ก็สามารถตั้งอัตราดอกเบี้ยสูง ๆ ได้ เพราะ "อุปสงค์มากกว่าอุปทาน" หรือหากพูดง่าย ๆ คือ "เอ็งจะเอาไหม เงินน่ะ ถ้าไม่เอา เอ็งก็ไปกู้คนอื่นไป แต่ฉันไม่รู้นะ ว่าดอกจะแพงกว่านี้รึเปล่า" และคนกู้ก็คงไม่มีปัญญาไปตรวจสอบอะไรกับใครมาก ขอแค่ให้ได้เงินมาหมุนก็เป้นพอ
แต่ตอนจ่ายคืนนี้สิ...
ถามว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขตรงนี้ได้
โดยส่วนตัว เราคิดว่าได้ แต่เป็นเหมือนแก้กันไปทีละคราว ๆ ไม่ใช่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ตราบใดที่อุปสงค์ (ผู้กู้) ยังมีอยู่ อุปทาน (เจ้าของเงิน) ก็ยังหากินได้
แล้วทำยังไงไม่ให้เป็นหนี้ล่ะ??
ก็ต้องเริ่มจากการมีวินัยในตัวเองก่อนค่ะ
ลด ละ เลิกรายจ่ายที่ไม่จำเป้น เหล้ายาปลาปิ้งควรหามากินตามแต่โอกาส ไม่ใช่ตกเย็นก็ตั้งวงกันแล้ว
การมีหนี้ไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่หนี้ที่ว่านั้นก่อให้เกิดประโยชน์ในระยาวหรือเปล่า
ถ้าจะกู้มาลงทุน ก็ต้องคิดให้รอบคอบถึงผลกำไรที่คาดหวัง แล้วพยายามทำให้ได้
ค่อย ๆ สร้างเนื้อสร้างตัวแบบค่อยเป้นค่อยไป อย่าคิดทำการใหญ่โดยไม่ประเมินศักยภาพของตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
หนี้นอกระบบมันผิดกฎหมายใช่ไหมครับ ทำไมรัฐบาลไม่หาทางแก้ไข