https://hilight.kapook.com/view/152183
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ คดี แพรวา สาวซีวิค ลดเงินค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ จากราว 30 ล้าน เหลือ 19 ล้านกว่า ชี้ คนขับรถตู้ขับเร็ว ประมาทด้วย
วันที่ 19 เมษายน 2560 มีรายงานว่า วานนี้ (18 เมษายน) ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ น.ส.แพรวา (สงวนนามสกุล) ขับรถยนต์ซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำบนทางด่วน เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2553 เป็นโจทก์ยื่น ฟ้อง น.ส.แพรวา รวมทั้งบิดาและมารดาของ น.ส.แพรวา, นายสุพิรัฐ จ้าววัฒนา ผู้ครอบครองรถยนต์ซีวิค, นายสันฐิติ วรพันธ์, น.ส.วิชชุตา วรขจิต และบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย 1-7 เรื่องละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 113,077,510 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
สำหรับคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 เห็นว่า น.ส.แพรวา กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมถึงทรัพย์สินเสียหาย และได้พิพากษาให้ น.ส.แพรวา และบิดามารดา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวม 28 คน รวมเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งฝ่ายโจทก์ที่ 5, 11 และ จำเลยที่ 1-3 ได้ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พฤติการณ์กระทำละเมิดแล้วเห็นว่า เหตุดังกล่าวไม่ได้เกิดจาก จำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียว แต่พฤติการณ์การขับรถของ นางนฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วสูง ก็เป็นการประมาทเช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ การเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1-3 ที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินควร จึงพิจารณาลดหย่อนตามพฤติการณ์
โดยเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยที่ 1-3 รับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์แต่ละราย 4 ใน 5 ส่วน จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชำระเงิน แก่โจทก์ที่ 1-5, 9-19, 21-22, 25-28 รวมเป็นเงิน 19,826,925 บาท โดยมีจำนวนเงินตั้งแต่ 80,000-1,440,000 บาท พร้อมทั้งให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1-3 ต่อโจทก์ที่ 5 และที่ 11 ด้วย
ขอบคุณที่มาเวปกระปุก.com
บ้านเมืองที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมสังคมจะสงบสุขได้อย่างไร
คิดถึงพระบรมราโชวาทของพ่อหลวงผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
ศาลอุทธรณ์สั่งลดเงินชดเชยคดี แพรวา 9 ศพ จาก 30 ล้าน เหลือ 19 ล้าน
https://hilight.kapook.com/view/152183
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ คดี แพรวา สาวซีวิค ลดเงินค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ จากราว 30 ล้าน เหลือ 19 ล้านกว่า ชี้ คนขับรถตู้ขับเร็ว ประมาทด้วย
วันที่ 19 เมษายน 2560 มีรายงานว่า วานนี้ (18 เมษายน) ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ น.ส.แพรวา (สงวนนามสกุล) ขับรถยนต์ซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำบนทางด่วน เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2553 เป็นโจทก์ยื่น ฟ้อง น.ส.แพรวา รวมทั้งบิดาและมารดาของ น.ส.แพรวา, นายสุพิรัฐ จ้าววัฒนา ผู้ครอบครองรถยนต์ซีวิค, นายสันฐิติ วรพันธ์, น.ส.วิชชุตา วรขจิต และบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย 1-7 เรื่องละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 113,077,510 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
สำหรับคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 เห็นว่า น.ส.แพรวา กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมถึงทรัพย์สินเสียหาย และได้พิพากษาให้ น.ส.แพรวา และบิดามารดา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวม 28 คน รวมเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งฝ่ายโจทก์ที่ 5, 11 และ จำเลยที่ 1-3 ได้ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พฤติการณ์กระทำละเมิดแล้วเห็นว่า เหตุดังกล่าวไม่ได้เกิดจาก จำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียว แต่พฤติการณ์การขับรถของ นางนฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วสูง ก็เป็นการประมาทเช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ การเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1-3 ที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินควร จึงพิจารณาลดหย่อนตามพฤติการณ์
โดยเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยที่ 1-3 รับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์แต่ละราย 4 ใน 5 ส่วน จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชำระเงิน แก่โจทก์ที่ 1-5, 9-19, 21-22, 25-28 รวมเป็นเงิน 19,826,925 บาท โดยมีจำนวนเงินตั้งแต่ 80,000-1,440,000 บาท พร้อมทั้งให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1-3 ต่อโจทก์ที่ 5 และที่ 11 ด้วย
ขอบคุณที่มาเวปกระปุก.com
บ้านเมืองที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมสังคมจะสงบสุขได้อย่างไร
คิดถึงพระบรมราโชวาทของพ่อหลวงผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”