คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ฝรั่งเศษเลิกขี่ม้าทำไมอ่ะ เสน่ห์ฝรั่งเศษหายไปนะ
อังกฤษเลิกใช้รถไอน้ำ เลิกสูบไปป์ ล่าสุดห้ามดื่มในที่สาธารณะทำไมอ่ะ เสน่ห์ของอังกฤษหายไปนะ
ญี่ปุ่นเลิกใช้เกี้ยวทำไมอ่ะ เสน่ห์ของญี่ปุ่นหายไปนะ
ไม่เข้าใจ ทำไมความไร้ระเบียบมันถึงเป็นเสน่ห์เราไปได้ ของกินของอร่อยบ้านเรามันไม่ได้มีแค่สตรีทฟู้ด พวกร้านข้างทางก็มี เปิดกันทั้งคืนด้วย
พูดแบบนี้มันเหมือนบอกให้เชียงใหม่อย่าเลิกขี่ช้างเลยนะ อยู่แบบนั้นกันแหละ ไม่ต้องพัฒนาหรอก
อังกฤษเลิกใช้รถไอน้ำ เลิกสูบไปป์ ล่าสุดห้ามดื่มในที่สาธารณะทำไมอ่ะ เสน่ห์ของอังกฤษหายไปนะ
ญี่ปุ่นเลิกใช้เกี้ยวทำไมอ่ะ เสน่ห์ของญี่ปุ่นหายไปนะ
ไม่เข้าใจ ทำไมความไร้ระเบียบมันถึงเป็นเสน่ห์เราไปได้ ของกินของอร่อยบ้านเรามันไม่ได้มีแค่สตรีทฟู้ด พวกร้านข้างทางก็มี เปิดกันทั้งคืนด้วย
พูดแบบนี้มันเหมือนบอกให้เชียงใหม่อย่าเลิกขี่ช้างเลยนะ อยู่แบบนั้นกันแหละ ไม่ต้องพัฒนาหรอก
ความคิดเห็นที่ 16
"เสน่ห์กรุงเทพฯ จะหายไป ..." งั้นคุณเอาไปเลยพวกสื่อนอกเมืองนอกทั้งหลายเนี่ย
พูดมาเห็นแก่ตัวมาก พวกนักท่องเที่ยวก็แค่มากินมาเดินเที่ยวฉาบฉวย มีความสุขเสร็จก็กลับบ้านเมืองตัวเอง คงไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาต้องอาศัยอยู่ทุกข์ร้อนแค่ไหน ไหนจะเรื่องใช้ฟุตบาทสาธารณะทำมาหากิน คนเดินเท้าต้องคอยระวังของร้อนจะมาโดน ต้องลงไปเดินถนนเสี่ยงรถเฉี่ยว ไหนจะเรื่องความสกปรกโสโครก ไม่ใช่แค่ที่เห็น แต่พวกขยะมูลฝอยอีก พวกน้ำสกปรกที่มีคราบไขมันที่ไม่ได้บำบัดก่อนลงท่อไป พวกนี้ทำให้ท่อน้ำอุดตัน น้ำท่วมเวลาฝนตกหนักๆ ยังไม่รวมปัญหาจิปาถะอื่นๆอย่างเช่นลูกค้าของพวกร้านพวกนี้ที่จอดผิดกฎจราจร เป็นสาเหตุให้รถติด
บอกตามตรงว่ายังไม่เคยคิดว่าพวกร้านพวกนี้สร้างประโยชน์ให้เลย ที่ว่าทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้วอาจจะได้เงินเข้าประเทศ ถามจริงๆว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวประเภทที่อยากจะมากิน street food จะได้สักเท่าไหร่ รายได้หลักส่วนใหญ่จากการท่องเที่ยวมาจากการบริการพวกสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักทั้งนั้น
พูดมาเห็นแก่ตัวมาก พวกนักท่องเที่ยวก็แค่มากินมาเดินเที่ยวฉาบฉวย มีความสุขเสร็จก็กลับบ้านเมืองตัวเอง คงไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาต้องอาศัยอยู่ทุกข์ร้อนแค่ไหน ไหนจะเรื่องใช้ฟุตบาทสาธารณะทำมาหากิน คนเดินเท้าต้องคอยระวังของร้อนจะมาโดน ต้องลงไปเดินถนนเสี่ยงรถเฉี่ยว ไหนจะเรื่องความสกปรกโสโครก ไม่ใช่แค่ที่เห็น แต่พวกขยะมูลฝอยอีก พวกน้ำสกปรกที่มีคราบไขมันที่ไม่ได้บำบัดก่อนลงท่อไป พวกนี้ทำให้ท่อน้ำอุดตัน น้ำท่วมเวลาฝนตกหนักๆ ยังไม่รวมปัญหาจิปาถะอื่นๆอย่างเช่นลูกค้าของพวกร้านพวกนี้ที่จอดผิดกฎจราจร เป็นสาเหตุให้รถติด
บอกตามตรงว่ายังไม่เคยคิดว่าพวกร้านพวกนี้สร้างประโยชน์ให้เลย ที่ว่าทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้วอาจจะได้เงินเข้าประเทศ ถามจริงๆว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวประเภทที่อยากจะมากิน street food จะได้สักเท่าไหร่ รายได้หลักส่วนใหญ่จากการท่องเที่ยวมาจากการบริการพวกสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักทั้งนั้น
แสดงความคิดเห็น
คนไทยไล่แม่ค้าขายข้างถนนจ๋อย สื่อนอกยัน ถ้าไทยไร้ร้านขายของบนฟุตบาท เสน่ห์กรุงเทพจะหายไป
by Chonlawit Wongsriwor
18 เมษายน 2560 เวลา 14:03 น.
สื่อต่างชาติวิเคราะห์ว่า 'เสน่ห์ของกรุงเทพฯ' จะหมดไปหากไร้ร้านอาหารข้างทาง ในขณะที่หลายฝ่ายกลับมองว่า การจัดระเบียบร้านอาหารริมทางเท้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสร้างความยุติธรรม
หลังจากที่รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการจัดระเบียบร้านอาหารบนทางเท้าหรือ 'สตรีทฟู้ด' คนไทยต่างมีท่าทีเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว ขณะเดียวกันในมุมมองของชาวต่างชาติทั้งที่ทำมาหากินอยู่ในไทยและนักท่องเที่ยวต่างเห็นว่า การกำจัดร้านอาหารบนทางเท้าเป็นการทำให้สเน่ห์ของความเป็นไทยลดลง เพราะ 'สตรีทฟู้ด' คือแหล่งสร้างเม็ดเงินสำคัญและเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของใครหลายๆคน เนื่องจากราคาอาหารที่ถูก มีให้เลือกหลากหลาย และมีขายทุกที่ จนเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของคนส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ถึงขั้นที่สำนักข่าว CNN จัดอันดับให้กรุงเทพฯ มี 'สตรีทฟู้ด' ที่ดีที่สุดในโลกติดกัน 2 ปีซ้อน
สำนักข่าว ABC ของออสเตรเลียได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่กับ 'สตรีทฟู้ด' ในกรุงเทพฯซึ่งหลายคนก็บอกว่า การกำจัดร้านอาหารริมทางไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องของการจัดระเบียบเมืองหลวงที่ใหญ่โต วุ่นวาย และมีความซับซ้อนของวิถีชีวิตที่สูงอย่างกรุงเทพฯ การด่วนตัดสินใจกำจัด 'สตรีทฟู้ด' ส่งผลกระทบทำให้พ่อค้าแม่ค้าขาดรายได้และไม่สามารถจุนเจือครอบครัวได้ดังเช่นแต่ก่อน ส่วนผู้บริโภคเองก็มีตัวเลือกลดลงเพราะต้องหันไปซื้ออาหารตามร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ตและศูนย์การค้าแทน ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาที่สูงกว่า ผู้ที่มีรายได้น้อยอย่างคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ใช้ชีวิตอยู่ติดกับร้านอาหารบนทางเท้าก็ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อมองอีกมุมหนึ่ง ชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับการจัดระเบียบนี้ เพราะมองว่า 'ความจนไม่ใช่ข้ออ้างในการทำผิดกฎหมาย' และถ้าหากลองมองถึงความเป็นจริง พ่อค้าแม่ค้าหลายคนมีรายได้ต่อวันเป็นหลักพันถึงหลักหมื่น ซึ่งมากกว่าเงินเดือนของพนักงานประจำจำนวนมากที่ต้องจ่ายภาษีตามกฎหมาย ในขณะที่พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยบางรายกลับไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่หรือจ่ายภาษีให้รัฐเลย ด้วยเหตุนี้ คนบางกลุ่มจึงมองว่าการจัดระเบียบเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว ABC กลับมองว่า หากต้องการรักษา 'เสน่ห์ของเมืองไทย' ไว้จริง รัฐบาลก็อาจจะไม่ต้องกำจัดร้านค้าบนทางเท้าออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ควรจัดระเบียบให้มีการเช่าพื้นที่แบบถูกต้องและจัดเก็บภาษีเหมือนประชาชนคนไทยทุกคนเพื่อความยุติธรรมและตอบโจทย์วิถีชีวิตของนักท่องเที่ยวและชาวกรุงเทพฯ
http://news.voicetv.co.th/world/481614.html