สวัสดีครับ ผม Yod หรือ Yodster จาก Chinchilla BMW 5-Series ถือว่าเป็นหนึ่งในรถยอดนิยมในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ สังเกตได้ว่าทุกวันนี้มันค่อนข้างจะเกลื่อนเมืองเลยทีเดียว และสำหรับ G30 ก็ถือว่าเป็น Generation ที่ 7 แล้วนะครับซึ่งแต่ละโฉมของ 5-Series ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์เด่นของตัวเอง เรามาดูกันดีกว่าครับว่าใน Generation นี้จะมีอะไรเด่นๆ บ้าง (ท่านสามารถอ่านบทความ History of BMW 5-Series ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://ppantip.com/topic/36028930)
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของ 5-Series G30 จะยังคงเส้นสายๆ เดิมจากตัว F10 เนื่องจากการตอบรับของโฉม F10 ดีมาก แต่มิติตัวถังจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติทั้งกว้าง ยาว และสูง ที่เปลี่ยนไปก็จะมีกระจังหน้าไตคู่, ไฟท้าย, ท่อไอเสีย, และกระจกมองข้าง ส่วนรูปทรงนั้นถอดแบบพี่ใหญ่ของมันมาเต็มๆ เลยครับ (7-Series) เหมือนแค่จับมาย่อส่วนลง จริงๆ มันก็ดูดีนะแต่มันดูไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นไปหน่อย แต่ก็ต้องเข้าใจเพราะนี่เป็นสไตล์ของ BMW อยู่แล้ว แถมยังมีข่าวอีกว่า 3-Series Generation ต่อไป (G20) ก็จะมาประมาณนี้เช่นกัน
ออพชั่นภายนอกก็จะมีไฟหน้าแบบ Adaptive LED ปรับตามทิศทางการหมุนพวงมาลัย, ระบบปรับการทำงานไฟสูง Auto Highbeam, ไฟ Daytime Running Light แบบ Corona Ring LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า Auto, ไฟตัดหมอก LED, ไฟท้าย LED, ระบบปัดน้ำฝน Auto, กระจกมองข้างด้านคนขับและกระจกมองหลังปรับลดแสง Auto, กระจกมองข้างปรับมุมเอนลงเมื่อเข้าเกียร์ R, ระบบเตะเปิดฝาท้าย, เซนเซอร์หน้า-หลัง, กล้องมองหลัง, ประตูดูด 4 บาน, และกุญแจแบบ Display Key (แบบใน 7-Series) บอกก่อนเลยนะครับว่าอย่าได้ทำกุญแจตกเป็นอันขาดไม่งั้นงานช้างครับ แต่ในส่วนของกุญแจสำรองจะเป็นกุญแจธรรมดาครับ
ภายใน
ภายในถือว่าทำได้ดีกว่าเก่า ให้ความรู้สึกโล่งและสบายตาขึ้น และเช่นเดียวกับภายนอก ข้างในก็ถอดแบบมาจาก 7-Series เหมือนกัน ความรู้สึกแวปแรกที่เห็นทำให้ผมรู้สึกเลยว่ารถ BMW ได้ลดความ Sport ลงไปพอสมควรและเพิ่มความหรูหราและภูมิฐานเข้ามามากขึ้น เบาะนั่งคู่หน้าวิสัยทัศน์ใช้ได้ เบาะหลังนั่งสบายกว่าตัว F10 อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะ Leg Room ที่กว้างขึ้นทำให้คนสูง 177 อย่างผมยืดได้อย่างสบายๆ เลย วัสดุภายในใช้วัสดุหนังมากขึ้นและให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมกว่าเดิม โทนสีภายในจะขึ้นอยู่กับสีภายนอก จะบอกว่าภายในถือว่าเปลี่ยนไปพอสมควร ปกติก้านไฟเลี้ยวรถ BMW มันจะไม่คาไว้ให้เวลาเรากระดิกมัน แต่รุ่นนี้มันกลับมาคาให้เหมือนเดิมแล้วครับ (จริงๆ ก็ดีนะ แบบนี้ใช้ง่ายกว่า), และหน้าปัดได้ถูกเปลี่ยนเป็นแบบ Digital เรียบร้อยแล้วครับ (เห็นว่าพี่แกอนุรักษ์แบบ Analog แล้วเริ่มตามชาวบ้านไม่ทันเลยต้องยอมเปลี่ยนมั้งครับ)
ออพชั่นภายในก็จะมีแอร์แบบ Dual-Zone, เบาะหนัง Dakota, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า, เบาะ Memory Seat ฝั่งคนขับ, มาตรวัด Digital เปลี่ยนโทนตามโหมดการขับขี่, ระบบ Cruise Control, ระบบ Auto-Hold สามารถหยุดรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ (มีประโยชน์เวลาติดไฟแดงนานๆ), ไฟ Ambient Light, ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า, และม่านบังแดดประตูหลัง
เวลาปรับโหมดการขับขี่หน้าปัดจะเป็นโทนดังนี้ครับ
Eco-Pro – ออกแนวประหยัดเลยเป็นโทนสีฟ้า และจำกัดความเร็วแค่ที่ 120
Comfort – อันนี้ประมาณสายกลาง เหมือนคนปกติชนทั่วไป
Sport – อันนี้มาแนว Performance เป็น Digital สมบูรณ์แบบเลย
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment จะใช้ระบบ iDrive เช่นเดิม มาพร้อมหน้าจอ Touch Screen (สามารถเอานิ้วจิ้มที่จอได้เลย ไม่เหมือนใน F10 ที่ต้องเล่นผ่านปุ่ม iDrive อย่างเดียว) ขนาด 10.25 นิ้วและปุ่ม iDrive แบบสัมผัส ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็จะมีช่องเชื่อมต่อ USB, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, และแผนที่นำทาง Professional Navigation System, และ Android Auto แต่ยังไม่มี Apple CarPlay โดยรวมแล้วถือว่ายังเล่นง่ายอยู่ แต่ใครที่ชินกับ iDrive แบบเดิมๆ ก็ต้องปรับตัวซะหน่อยเพราะในรุ่นนี้จะเป็น iDrive เวอร์ชั่นใหม่
ระบบเสียงเป็นแบบ Hi-Fi คุณภาพเสียงถือว่าเยี่ยมเลย เสียงละเอียดมาก ได้ยินเครื่องดนตรีครบทุกชิ้น แต่ถ้าอยากตึบกว่านี้ก็คงต้องต้องขยับไปเล่นตัว 530i M-Sport ที่ใช้เครื่องเสียง Harman-Kardon
ทีเด็ดจะอยู่ที่ระบบ Gesture Control สามารถสั่งงานโดยหมุนนิ้วหรือปัดมือผ่านหน้าจอได้ แต่เอาเข้าจริงกลับเล่นยากเพราะต้องกะไม่ให้มือไกลหรือใกล้หน้าจอมากเกินไป แถมยังต้องค่อยๆ หมุนนิ้วด้วย ถ้าหมุนเร็วเกินไปเซนเซอร์มันจะจับท่าไม่ทัน ยุ่งยากพอสมควรเลยครับ
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ขุมพลังใต้ฝากระโปรง 5-Series ใหม่ถูกยกมาจาก 520d F10 ทั้งหมดนั่นก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 7.5 วินาทีซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ตอนออกตัวก็กระชากตามประสาเครื่องดีเซลแถมยังกระชากแรงกว่าเดิมด้วยเนื่องจากน้ำหนักตัวรถเบาลงประมาณ 100 กก. ตอนปลายก็ไหลดีอยู่แต่ไม่เร็วเท่าเครื่องเบนซิน
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ 8 สปีดเช่นเดิม บอกเลยนะครับว่าโคตะระติดใจเกียร์ลูกนี้ จังหวะไหลลื่นดีมาก ไม่มีอาการสะดุดให้เสียอารมณ์เลย (อันนี้ไม่ได้อวยนะครับ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ จากที่เคยขับรถ BMW มาหลายรุ่น) แล้วมันก็มาพร้อมกับระบบ Drive Select ปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 แบบก็คือ Eco-Pro, Comfort, และ Sport
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 19.7 กม./ลิตร ประหยัดสะใจจริงๆ ครับถ้าเทียบกับไซส์รถ แถมยังแรงอีกด้วย มันจะประหยัดและแรงขึ้นกว่าตัว F10 อีกเนื่องจากน้ำหนักตัวรถเบาลง
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยก็เหมือนในรถรุ่นใหม่ๆ ทั่วไปเช่น ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ DSC, Airbag คู่หน้า, Airbag ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย, และจะมีระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่เพิ่มเข้ามา แต่น่าเสียดายที่ทาง BMW ไม่ได้ใส่ระบบ Lane Keeping Assist และระบบหักหลบสิ่งกีดขวางเหมือนเวอร์ชั่นต่างประเทศมาให้ ถ้าใส่ 2 อันนี้มาให้ผมว่าน่าจะกระตุ้นยอดขายได้มากกว่านี้
Test Drive
เส้นทางการทดสอบคราวนี้จะเป็นเส้นพระราม 3-สะพานภูมิพล-พระประแดง ตอนออกตัวก็กระชากพอสมควรแต่ไม่ถึงกับหลังติดเบาะ ฟีลลิ่งตอนขับก็ขับเร็วได้อย่างมั่นใจตามสไตล์ BMW แต่ความเร็วมักจะขึ้นถึง 140-150 โดยไม่รู้ตัวซึ่งก็ต้องระวังให้ดี แต่ใน Generation นี้มันจะไม่กระด้างเหมือนตัวเก่าๆ แล้ว ขนาดตัว F10 ที่ว่านุ่มนวลลงกว่า E60 แล้วถ้ามาเจอตัวนี้ก็ต้องบอกเลยว่ามันนุ่มนวลกว่า F10 อีก แทบจะไม่มีความสปอร์ตเหลือเลย มันจะออกแนวขับสบายๆ มากกว่า ความสนุกในการขับจะไม่เท่ารุ่นก่อนๆ แถมมุดยากขึ้นด้วย ตอนเข้าโค้งก็เกาะโค้งได้อย่างมั่นใจแต่ต้องระวังการ Oversteer นิดนึงเพราะถ้าสาดแรงไปมันจะอันตรายมาก (เกิดขึ้นเฉพาะรถขับเคลื่อนล้อหลัง) อันนี้ตอนลองมีอาการนี้เล็กน้อยเนื่องจากผมสาดค่อนข้างแรงเลยอยากจะเตือนให้ระวัง ระยะเบรกปลอดภัยใช้ได้ กดเบรกปุ๊บชะลอปั๊บและไม่มีอาการหน้าทิ่ม การเก็บเสียงเงียบใช้ได้ ไม่ค่อยได้ยินเสียงลมตอนเหยียบถึง 170 เท่าไหร่โดยรวมแล้ว BMW 520d Luxury G30 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีคันนึงครับสำหรับรถ Executive Sedan ราคาระหว่าง 3-4 ล้านบาท แต่อย่าลืมหาอู่นอกเตรียมไว้ด้วยล่ะ หลัง 5 ปีอาจมีอาการอวกแตกกับค่าซ่อมได้
สรุป
• ภายนอกเหมือนพี่ใหญ่อย่าง 7-Series
• เส้นสายเปลี่ยนไปจากตัว F10 ไม่มาก
• ตัวถังใหญ่ขึ้นในทุกมิติ
• ไฟท้ายแอบน่าเกลียดนิดนึง
• ภายในดูดีกว่าเก่า
• เบาะหลังนั่งสบายขึ้น
• วัสดุภายในดีกว่าเดิม
• ข้างในดูหรูและภูมิฐาน เหมาะกับผู้ใหญ่
• ระบบ iDrive เล่นง่าย
• คุณภาพลำโพงดี เสียงใช้ได้เลย
• Gesture Control เล่นยากแถมอันตรายตอนขับด้วย
• เครื่องแรงและประหยัดน้ำมันกว่าเดิมนิดนึง
• ระบบความปลอดภัยถือว่าครบแต่ยังไม่สุด
• ช่วงล่างดี เกาะถนนตามแบบของ BMW
• เรียกกำลังได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีจังหวะสะดุด
• มุดยากขึ้น
• สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
• ห้องโดยสารเงียบตอนขับเร็วๆ
• ขับสบาย ขับทางไกลไม่มีเหนื่อย
• ขับไม่มันส์เท่าเมื่อก่อน
• เหมาะกับพวกผู้บริหาร หรือพวกหมอซะมากกว่าเอามาเป็นรถแต่งหรือรถวัยรุ่น
• ใช้ในครอบครัวได้อย่างคุ้มค่า
BMW 520d Luxury G30 สนนราคาอยู่ที่ 3,899,000 บาท เป็นราคา CBU (นำเข้าทั้งคัน) ถือว่าทำราคามาได้โอเคครับสำหรับรถนำเข้า แต่ถ้าใครจะซื้อจริงๆ ผมแนะนำให้รอตัวประกอบในดีกว่า นอกจากราคาจะถูกลงแล้วอาจจะได้ออพชั่นเพิ่มด้วย (น่าจะถูกลงประมาณ 4-6 แสนบาท) เผลอๆ อาจจะทำราคามาเกทับ E-Class W213 ด้วย
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือไม่ก็ติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
รีวิว: BMW 520d Luxury G30 นิ่ง เงียบ และมาในลุคที่ผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของ 5-Series G30 จะยังคงเส้นสายๆ เดิมจากตัว F10 เนื่องจากการตอบรับของโฉม F10 ดีมาก แต่มิติตัวถังจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติทั้งกว้าง ยาว และสูง ที่เปลี่ยนไปก็จะมีกระจังหน้าไตคู่, ไฟท้าย, ท่อไอเสีย, และกระจกมองข้าง ส่วนรูปทรงนั้นถอดแบบพี่ใหญ่ของมันมาเต็มๆ เลยครับ (7-Series) เหมือนแค่จับมาย่อส่วนลง จริงๆ มันก็ดูดีนะแต่มันดูไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นไปหน่อย แต่ก็ต้องเข้าใจเพราะนี่เป็นสไตล์ของ BMW อยู่แล้ว แถมยังมีข่าวอีกว่า 3-Series Generation ต่อไป (G20) ก็จะมาประมาณนี้เช่นกัน
ออพชั่นภายนอกก็จะมีไฟหน้าแบบ Adaptive LED ปรับตามทิศทางการหมุนพวงมาลัย, ระบบปรับการทำงานไฟสูง Auto Highbeam, ไฟ Daytime Running Light แบบ Corona Ring LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า Auto, ไฟตัดหมอก LED, ไฟท้าย LED, ระบบปัดน้ำฝน Auto, กระจกมองข้างด้านคนขับและกระจกมองหลังปรับลดแสง Auto, กระจกมองข้างปรับมุมเอนลงเมื่อเข้าเกียร์ R, ระบบเตะเปิดฝาท้าย, เซนเซอร์หน้า-หลัง, กล้องมองหลัง, ประตูดูด 4 บาน, และกุญแจแบบ Display Key (แบบใน 7-Series) บอกก่อนเลยนะครับว่าอย่าได้ทำกุญแจตกเป็นอันขาดไม่งั้นงานช้างครับ แต่ในส่วนของกุญแจสำรองจะเป็นกุญแจธรรมดาครับ
ภายใน
ภายในถือว่าทำได้ดีกว่าเก่า ให้ความรู้สึกโล่งและสบายตาขึ้น และเช่นเดียวกับภายนอก ข้างในก็ถอดแบบมาจาก 7-Series เหมือนกัน ความรู้สึกแวปแรกที่เห็นทำให้ผมรู้สึกเลยว่ารถ BMW ได้ลดความ Sport ลงไปพอสมควรและเพิ่มความหรูหราและภูมิฐานเข้ามามากขึ้น เบาะนั่งคู่หน้าวิสัยทัศน์ใช้ได้ เบาะหลังนั่งสบายกว่าตัว F10 อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะ Leg Room ที่กว้างขึ้นทำให้คนสูง 177 อย่างผมยืดได้อย่างสบายๆ เลย วัสดุภายในใช้วัสดุหนังมากขึ้นและให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมกว่าเดิม โทนสีภายในจะขึ้นอยู่กับสีภายนอก จะบอกว่าภายในถือว่าเปลี่ยนไปพอสมควร ปกติก้านไฟเลี้ยวรถ BMW มันจะไม่คาไว้ให้เวลาเรากระดิกมัน แต่รุ่นนี้มันกลับมาคาให้เหมือนเดิมแล้วครับ (จริงๆ ก็ดีนะ แบบนี้ใช้ง่ายกว่า), และหน้าปัดได้ถูกเปลี่ยนเป็นแบบ Digital เรียบร้อยแล้วครับ (เห็นว่าพี่แกอนุรักษ์แบบ Analog แล้วเริ่มตามชาวบ้านไม่ทันเลยต้องยอมเปลี่ยนมั้งครับ)
ออพชั่นภายในก็จะมีแอร์แบบ Dual-Zone, เบาะหนัง Dakota, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า, เบาะ Memory Seat ฝั่งคนขับ, มาตรวัด Digital เปลี่ยนโทนตามโหมดการขับขี่, ระบบ Cruise Control, ระบบ Auto-Hold สามารถหยุดรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ (มีประโยชน์เวลาติดไฟแดงนานๆ), ไฟ Ambient Light, ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า, และม่านบังแดดประตูหลัง
เวลาปรับโหมดการขับขี่หน้าปัดจะเป็นโทนดังนี้ครับ
Eco-Pro – ออกแนวประหยัดเลยเป็นโทนสีฟ้า และจำกัดความเร็วแค่ที่ 120
Comfort – อันนี้ประมาณสายกลาง เหมือนคนปกติชนทั่วไป
Sport – อันนี้มาแนว Performance เป็น Digital สมบูรณ์แบบเลย
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment จะใช้ระบบ iDrive เช่นเดิม มาพร้อมหน้าจอ Touch Screen (สามารถเอานิ้วจิ้มที่จอได้เลย ไม่เหมือนใน F10 ที่ต้องเล่นผ่านปุ่ม iDrive อย่างเดียว) ขนาด 10.25 นิ้วและปุ่ม iDrive แบบสัมผัส ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็จะมีช่องเชื่อมต่อ USB, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, และแผนที่นำทาง Professional Navigation System, และ Android Auto แต่ยังไม่มี Apple CarPlay โดยรวมแล้วถือว่ายังเล่นง่ายอยู่ แต่ใครที่ชินกับ iDrive แบบเดิมๆ ก็ต้องปรับตัวซะหน่อยเพราะในรุ่นนี้จะเป็น iDrive เวอร์ชั่นใหม่
ระบบเสียงเป็นแบบ Hi-Fi คุณภาพเสียงถือว่าเยี่ยมเลย เสียงละเอียดมาก ได้ยินเครื่องดนตรีครบทุกชิ้น แต่ถ้าอยากตึบกว่านี้ก็คงต้องต้องขยับไปเล่นตัว 530i M-Sport ที่ใช้เครื่องเสียง Harman-Kardon
ทีเด็ดจะอยู่ที่ระบบ Gesture Control สามารถสั่งงานโดยหมุนนิ้วหรือปัดมือผ่านหน้าจอได้ แต่เอาเข้าจริงกลับเล่นยากเพราะต้องกะไม่ให้มือไกลหรือใกล้หน้าจอมากเกินไป แถมยังต้องค่อยๆ หมุนนิ้วด้วย ถ้าหมุนเร็วเกินไปเซนเซอร์มันจะจับท่าไม่ทัน ยุ่งยากพอสมควรเลยครับ
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ขุมพลังใต้ฝากระโปรง 5-Series ใหม่ถูกยกมาจาก 520d F10 ทั้งหมดนั่นก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 7.5 วินาทีซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ตอนออกตัวก็กระชากตามประสาเครื่องดีเซลแถมยังกระชากแรงกว่าเดิมด้วยเนื่องจากน้ำหนักตัวรถเบาลงประมาณ 100 กก. ตอนปลายก็ไหลดีอยู่แต่ไม่เร็วเท่าเครื่องเบนซิน
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ 8 สปีดเช่นเดิม บอกเลยนะครับว่าโคตะระติดใจเกียร์ลูกนี้ จังหวะไหลลื่นดีมาก ไม่มีอาการสะดุดให้เสียอารมณ์เลย (อันนี้ไม่ได้อวยนะครับ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ จากที่เคยขับรถ BMW มาหลายรุ่น) แล้วมันก็มาพร้อมกับระบบ Drive Select ปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 แบบก็คือ Eco-Pro, Comfort, และ Sport
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 19.7 กม./ลิตร ประหยัดสะใจจริงๆ ครับถ้าเทียบกับไซส์รถ แถมยังแรงอีกด้วย มันจะประหยัดและแรงขึ้นกว่าตัว F10 อีกเนื่องจากน้ำหนักตัวรถเบาลง
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยก็เหมือนในรถรุ่นใหม่ๆ ทั่วไปเช่น ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ DSC, Airbag คู่หน้า, Airbag ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย, และจะมีระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่เพิ่มเข้ามา แต่น่าเสียดายที่ทาง BMW ไม่ได้ใส่ระบบ Lane Keeping Assist และระบบหักหลบสิ่งกีดขวางเหมือนเวอร์ชั่นต่างประเทศมาให้ ถ้าใส่ 2 อันนี้มาให้ผมว่าน่าจะกระตุ้นยอดขายได้มากกว่านี้
Test Drive
เส้นทางการทดสอบคราวนี้จะเป็นเส้นพระราม 3-สะพานภูมิพล-พระประแดง ตอนออกตัวก็กระชากพอสมควรแต่ไม่ถึงกับหลังติดเบาะ ฟีลลิ่งตอนขับก็ขับเร็วได้อย่างมั่นใจตามสไตล์ BMW แต่ความเร็วมักจะขึ้นถึง 140-150 โดยไม่รู้ตัวซึ่งก็ต้องระวังให้ดี แต่ใน Generation นี้มันจะไม่กระด้างเหมือนตัวเก่าๆ แล้ว ขนาดตัว F10 ที่ว่านุ่มนวลลงกว่า E60 แล้วถ้ามาเจอตัวนี้ก็ต้องบอกเลยว่ามันนุ่มนวลกว่า F10 อีก แทบจะไม่มีความสปอร์ตเหลือเลย มันจะออกแนวขับสบายๆ มากกว่า ความสนุกในการขับจะไม่เท่ารุ่นก่อนๆ แถมมุดยากขึ้นด้วย ตอนเข้าโค้งก็เกาะโค้งได้อย่างมั่นใจแต่ต้องระวังการ Oversteer นิดนึงเพราะถ้าสาดแรงไปมันจะอันตรายมาก (เกิดขึ้นเฉพาะรถขับเคลื่อนล้อหลัง) อันนี้ตอนลองมีอาการนี้เล็กน้อยเนื่องจากผมสาดค่อนข้างแรงเลยอยากจะเตือนให้ระวัง ระยะเบรกปลอดภัยใช้ได้ กดเบรกปุ๊บชะลอปั๊บและไม่มีอาการหน้าทิ่ม การเก็บเสียงเงียบใช้ได้ ไม่ค่อยได้ยินเสียงลมตอนเหยียบถึง 170 เท่าไหร่โดยรวมแล้ว BMW 520d Luxury G30 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีคันนึงครับสำหรับรถ Executive Sedan ราคาระหว่าง 3-4 ล้านบาท แต่อย่าลืมหาอู่นอกเตรียมไว้ด้วยล่ะ หลัง 5 ปีอาจมีอาการอวกแตกกับค่าซ่อมได้
สรุป
• ภายนอกเหมือนพี่ใหญ่อย่าง 7-Series
• เส้นสายเปลี่ยนไปจากตัว F10 ไม่มาก
• ตัวถังใหญ่ขึ้นในทุกมิติ
• ไฟท้ายแอบน่าเกลียดนิดนึง
• ภายในดูดีกว่าเก่า
• เบาะหลังนั่งสบายขึ้น
• วัสดุภายในดีกว่าเดิม
• ข้างในดูหรูและภูมิฐาน เหมาะกับผู้ใหญ่
• ระบบ iDrive เล่นง่าย
• คุณภาพลำโพงดี เสียงใช้ได้เลย
• Gesture Control เล่นยากแถมอันตรายตอนขับด้วย
• เครื่องแรงและประหยัดน้ำมันกว่าเดิมนิดนึง
• ระบบความปลอดภัยถือว่าครบแต่ยังไม่สุด
• ช่วงล่างดี เกาะถนนตามแบบของ BMW
• เรียกกำลังได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีจังหวะสะดุด
• มุดยากขึ้น
• สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
• ห้องโดยสารเงียบตอนขับเร็วๆ
• ขับสบาย ขับทางไกลไม่มีเหนื่อย
• ขับไม่มันส์เท่าเมื่อก่อน
• เหมาะกับพวกผู้บริหาร หรือพวกหมอซะมากกว่าเอามาเป็นรถแต่งหรือรถวัยรุ่น
• ใช้ในครอบครัวได้อย่างคุ้มค่า
BMW 520d Luxury G30 สนนราคาอยู่ที่ 3,899,000 บาท เป็นราคา CBU (นำเข้าทั้งคัน) ถือว่าทำราคามาได้โอเคครับสำหรับรถนำเข้า แต่ถ้าใครจะซื้อจริงๆ ผมแนะนำให้รอตัวประกอบในดีกว่า นอกจากราคาจะถูกลงแล้วอาจจะได้ออพชั่นเพิ่มด้วย (น่าจะถูกลงประมาณ 4-6 แสนบาท) เผลอๆ อาจจะทำราคามาเกทับ E-Class W213 ด้วย
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือไม่ก็ติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic