History of BMW 5-Series: ประวัติความเป็นมาของ BMW 5-Series ทุก Generation

สวัสดีครับผม Yod หรือ Yodster จาก Chinchilla เมื่อวันก่อนทีมงานของผมได้มีความคิดว่าเฮ้ย BMW 5-Series จะเปิดตัว Generation ใหม่ในเมืองไทยแล้วนะก็เลยอยากจะรวบรวมประวัติความเป็นมาของรถ Mid-Size Sedan ยอดนิยมรุ่นนี้มาให้คุณผู้อ่านได้ชมกัน
         
         BMW 5-Series ได้เริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 1972 ซึ่งเป็นระยะเวลา 44 ปีแล้ว มีทั้งหมด 6 Geneation และ Generation ที่ 7 อย่าง G30 กำลังจะมาแล้ว เรามาดูวิวัฒนาการของแต่ละรุ่นดีกว่าครับว่ามันเป็นมายังไง

E12 (1972-1981)
             
       E12 นับเป็นจุดเริ่มต้นของ BMW 5-Series มันได้รับไม้ต่อมาจาก BMW 2000 ซึ่งชื่อรุ่น 5-Series นี้ได้มาจาก Platform ตัวที่ 5 ของตระกูล Neue Klasse (New Class) ที่ใช้สร้างรถ BMW 2000 พอดี ดีไซน์ภายนอกถูกออกแบบโดย Paul Bracq นักออกแบบชื่อดังชาวฝรั่งเศส จุดเด่นของ E12 คือความปลอดภัยของห้องโดยสารโดยมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น Generation นี้เป็น Generation ที่สร้างความสำเร็จทางด้านยอดขายอย่างถล่มทลายให้กับ BMW เลยทีเดียว

E28 (1981-1988)

          เส้นสายบนตัวถังของโฉม E28 ยังคงเส้นสายเหมือนกับตัว E12 ไว้ แค่ขยายกระจังหน้าและเปลี่ยนโคมไฟหน้านิดหน่อยให้ดูทันสมัยขึ้น ช่วงล่างถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เริ่มมีมีการใส่ระบบเบรก ABS, Computer On-Board, และหัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิคเข้ามาในโฉมนี้ แถมยังมีการปล่อยตัวแรงอย่าง M5 ออกมาเป็นครั้งแรกด้วย

E34 (1988-1995)

          โฉมนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองไทย มีอยู่ช่วงนึงเห็นเต็มถนนเลย จะบอกว่าพวกเซเลบใช้กันเยอะมากแม้แต่พี่บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์แห่งนิตยสาร Thai Driver ก็ยังเคยใช้ ดีไซน์ของมันถูกลอกมาจาก BMW 7-Series E32 ทำให้เวลามองไกลๆ จะแยกไม่ค่อยออกเลย โฉมนี้จัดเต็มเรื่องระบบความปลอดภัยมาก มีการใส่ถุงลมนิรภัย, เบรก ABS, และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC มาให้ด้วย

E39 (1995-2003)

        ในความเห็นส่วนตัวนี่เป็น BMW 5-Series โฉมที่ผมชอบที่สุดนอกจาก F10 ด้วยเส้นสายที่เรียบๆ แต่สะดุดตาและดูได้นาน ทุกวันนี้ผมยังคิดว่ารูปทรงรถของ E39 มันไม่ได้ดูล้าสมัยเลย ยังคงตามสมัยได้เสมอ (อาจเป็นเพราะความอนุรักษ์นิยมของ BMW ก็ได้) และมันก็เข้าสู่ยุคระบบไฟฟ้าและของไฮเทคในด้านยานยนต์พอดีกับที่ Generation นี้เปิดตัว มีการใส่ของไฮเทคในยุคนั้นอย่างเต็มรูปแบบ เช่น พวงมาลัย Multi-Function, ระบบนำทางดาวเทียม, เบาะ Active Seat, และ DSC
    โฉมนี้ทำยอดขายเป็นประวัติการณ์ที่ 1.47 ล้านคัน

E60 (2004-2010)

        จะสังเกตได้ว่า Design Cue รุ่นนี้จะไม่ค่อยเหมือนตัวก่อนๆ เพราะ Designer ของรุ่นนี้มันถูกเปลี่ยนมาเป็น Chris Bangle ที่ต้องการเปลี่ยนแนวทางของรถ BMW แต่มันเกิดอาการที่เรียกว่า แหวกแนวจนเกิดเหตุทำให้สาวก BMW รุ่นเก่าๆ ไม่ค่อยจะชอบมันซะเท่าไหร่แต่ก็ยังถือว่าเป็นที่ประจักษ์ในระดับนึง มีการใส่ระบบ iDrive เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและระบบที่ไฮเทคขึ้นจากรุ่นก่อน เช่น Adaptive Cruise Control, เซนเซอร์ถอยจอด, Head-Up Display และมันยังเป็น 5-Series รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่คอนโซลกลางไม่เอียงเข้าหาคนขับด้วย

F10 (2010-2016)

          มาถึงโฉม F10 แล้ว เป็นอีกโฉมนึงที่ผมชอบ Design Cue แบบนี้ทำให้นึกถึง E39 ด้วยเส้นสายที่มีความคล้ายคลึงกันผสมผสานกับการออกแบบที่ทันสมัยและดูใหญ่โตยังกับ BMW 7-Series ก็แหงสิครับ มันถูกสร้างบนพื้นฐานเดียวกันนี่หน่า รุ่นนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีมากและเป็นที่ชื่นชอบสำหรับเหล่าสาวก BMW รุ่นเก่าๆ โฉม F10 เข้ามาในเมืองไทยช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2010 ด้วยรุ่น BMW 523i ด้วยขุมพลัง เบนซิน 6 สูบแถวเรียง 2.5 ลิตร 204 แรงม้าส่งเสียงอันไพเราะตามสไตล์ของมัน ซึ่งเป็นเครื่อง 6 สูบรุ่นสุดท้ายก่อนจะแทนที่ด้วยเครื่อง 4 สูบตัวปัจจุบันทั้งเบนซินและดีเซลซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นแถมแรงกว่าเดิมอีกด้วย

          So, Which one is your favorite 5-Series? หลายๆ คนน่าจะมี Generation ในใจนะครับสำหรับรถ Mid-Size Sedan ที่ประสบความสำเร้จรุ่นหนึ่งของโลก แต่เราก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าตัว G30 จะประสบความสำเร็จเหมือนรุ่นพี่ในสายรึเปล่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก bimmer-th.com ครับ

คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่ได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla

สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  BMW รถยนต์ BMW 5 Series Sedan ประวัติศาสตร์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่