สวัสดีครับ เมื่อต้นเดือนเมษายนผมได้มีโอกาสไปดูซากุระบานที่โอซาก้าและเกียวโตมาครับ ซึ่งครั้งนี้เป็นการไปดูซากุระครั้งแรก แต่เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นคนเดียวเป็นครั้งที่ 5 และเป็นการไปเกียวโตรอบที่ 3 ด้วยครับ 5555 พอดีว่าจังหวะที่ว่างไปแต่ละครั้งเอื้อให้ไปเมืองนี้ เลยได้เห็นฤดูกาลต่างๆของเกียวโตจนเกือบจะครบ จะขาดก็เหลือแค่ฤดูหนาวครับ ซึ่งถ้ามีโอกาสคงได้ไปอีกแน่นอน ครั้งนี้เลยมาขอรีวิวการไปดูซากุระบานที่เกียวโตกันครับ
ก่อนอื่น ผมมีข้อควรคิด 7 อย่างก่อนออกเดินทางไปชมซากุระครับ
1. ช่วงซากุระโดยเฉพาะเกียวโตเป็นช่วง high season ของทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ดังนั้นราคาตั๋วเครื่องบินช่วงนี้จึงพุ่งกระฉูด ยิ่งวันหยุดยาวสงกรานต์ด้วยแล้วราคายิ่งขึ้นไปอีก แนะนำให้จองล่วงหน้าเผื่อไว้อย่างน้อยสัก 4-6 เดือนครับ รวมถึงจองที่พักไว้แต่เนิ่นๆ เพราะมีโอกาสที่เต็มค่อนข้างเร็ว ผมเริ่มจองตอนเดือนมกราคมยังหาค่อนข้างยากเลยครับ ซึ่งสามารถจองได้ไม่ว่าจะจากเว็บ agoda, booking, Japan I Can, Toyoko Inn ครับ แต่ราคาอาจค่อนข้างสูง ผมแนะนำ Airbnb ครับ เป็นที่พักที่เราไปพักกับเจ้าของบ้านซึ่งมีห้องแยกไว้ หรืออาจเป็นอพาร์ตเมนต์ที่เขามีอีกห้อง ซึ่งให้ดูจากคะแนนการรีวิวครับ ที่ไหนมีรีวิวเยอะและคะแนนดี ก็มักจะเชื่อถือได้มาก
2. เนื่องจากการเที่ยวชมซากุระใช้การเดินเป็นหลัก จึงจำเป็นมากที่คุณควรจะมีการฟิตร่างกายไว้ก่อนไปครับ อาจโดยการวิ่งวันเว้นวัน ครั้งละ 30-40 นาที
3. ใครที่เป็นภูมิแพ้ต้องเตรียมยาไปอย่าให้ขาดครับ เพราะช่วงนี้นอกจากอากาศจะยังเย็นอยู่ (สำหรับคนไทย) แถมยังมีฝนตกเป็นระยะ บวกเพิ่มเติมกับการมีละอองเกษรดอกไม้ฟุ้งกระจายในอากาศมาก ทำให้อาการภูมิแพ้รุนแรงขึ้นได้ อย่างผมนี่น้ำมุกไหลทั้งวันทั้งคืนเลยครับ ยากินเกือบเอาไม่อยู่
4. สืบเนื่องจากข้อ 3 ฝนในช่วงนี้สามารถตกได้หลาย level มาก ตั้งแต่โปรยเป็นละอองเล็กๆไปจนถึงเม็ดใหญ่เป้ง ขอให้เพื่อนๆติดร่มไปด้วยทุกวันที่เดินทาง เพราะฝนตกในญี่ปุ่นนี่เป็นอะไรที่ไม่แน่นอนมากๆครับ และควรเตรียมเสื้อกันหนาวที่กันลมได้ดีครับ
5. ซากุระแต่ละวันบานไม่เท่ากัน แม้แต่ในที่เดียวกันแต่ละต้นก็ไม่พร้อมกัน อย่างวันที่ผมไปที่สวน Sakuranomiya ส่วนที่ full bloom มีด้านหนึ่งของแม่น้ำ อีกด้านยังเห็นแต่กิ่งอยู่เลยครับ สามารถติดตามพยากรณ์ได้ทางเว็บไซต์ ผมใช้ japan-guide.com ครับ เขาจะมี report เป็นวันๆให้เลยว่าเมืองไหนและจุดไหนบานเท่าไหร่แล้ว จะได้ปรับที่เที่ยวให้เหมาะสมครับ
6. สำหรับเกียวโต ที่เที่ยวส่วนใหญ่ที่มีซากุระจำนวนมาก มักจะไม่ใช่จุดเช็คอิน เช่น วัดน้ำใส ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ วัดทอง เป็นต้น แต่จะเป็นจุดอื่นๆ ดังที่จะได้พาไปชมครับ เพราะฉะนั้นอยากให้เพื่อนๆวางแผนให้ดีครับว่า ทริปของเราอยากเน้นอะไร เพื่อจะได้วางแผนให้แต่ละวันตารางไม่แน่นมาก และยังมีผลต่อการเลือกวิธีการเดินทางด้วยครับ (เช่น รถบัส subway หรือรถรางเอกชน)
7. เนื่องจากเป็น high season จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งชาวญี่ปุ่นเองซึ่งไม่น้อย และยังมีชาวต่างชาติอื่นๆอีก เพราะฉะนั้นที่เที่ยวแต่ละที่คงต้องทำใจครับว่า ปริมาณคนคงจะเยอะมาก การถ่ายรูปเลี่ยงคนคงทำได้ยาก แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง คนเยอะๆก็ทำให้บรรยากาศดูสนุกและครึกครื้นไปอีกแบบ
Day 1 : Osaka
การเดินทางในครั้งนี้ผมเริ่มต้นจากวันพุธที่ 5 เมษายน 2017 โดยวันแรกผมใช้เวลาในโอซาก้าครับ ซึ่งสถานที่ที่สามารถชมซากุระได้มีหลายแห่ง ได้แก่ Expo 70 commemorative park , Sakuranomiya park, Tsurumi ryokuchi park, Osaka castle แต่ละสถานที่ดังแสดงในแผนที่ครับ
Expo 70 commemorative park
How to : Osaka monorail ลงสถานี Bamako-kinen-koen (การเดินทางค่อนข้างยาก เพราะ monorail วิ่งรอบนอกเมืองครับ)
Fee : 800 Yen
website :
http://www.expo70-park.jp/languages/english/
Expo 70 commemorative park เป็นสวนขนาดใหญ่อยู่นอกตัวเมืองโอซาก้า มีจุดเด่นอยู่ที่ tower of the sun ซึ่งเป็น landmark ที่สำคัญ ถ้าใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง 20th century boy คงจะคุ้นเคยกันดีครับ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ซากุระในสวนแห่งนี้จะแข่งกันบานสะพรั่งให้คนโอซาก้ายกครอบครัวมานั่งชม หลายๆครอบครัวเอาเสื่อมาปูและมีอาหารกล่องติดมาด้วย ถ้าไม่ได้เอามาก็หาซื้อได้ครับ มีการตั้งร้านอยู่ในสวนจำนวนมาก มีอาหารหลายอย่างให้ลิ้มลอง ถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไรผมว่าใช้เวลาในสวนเพลินๆได้สัก 2 ชั่วโมงครับ เผื่อเวลาไปจุดอื่นด้วยนะครับเพราะสวนนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง
จากรูปด้านบนเป็นต้นซากุระที่ผมคิดว่า full bloom ที่สุดในสวนแล้วครับ บางต้นก็มีบ้างที่มีดอกที่ยังตูมอยู่ ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบครับ
Sakuranomiya park
How to : JR Sakuranomiya station
Fee : ฟรี
สวนอยู่ริมแม่น้ำ Okawa ซึ่งเมื่อเดินออกมาจาก JR ก็จะเจอเลยครับ แนะนำให้เดินข้ามมาอีกฝั่งของแม่น้ำครับ เพราะต้นซากุระจะชิดเรียงติดๆกัน เดินชมแล้วเหมือนอยู่ในอุโมงค์ดอกซากุระ สวยและโรแมนติกมากครับ ถ้าใครเกิดหิวขึ้นมาแถวๆนั้นมีร้านสะดวกซื้อ สามารถซื้อมานั่งกินและชมซากุระไปพร้อมๆกันได้เลยครับ
ด้านบนนี่ไม่แน่ใจว่าเป็น speed boat ส่วนตัวหรือให้เช่านะครับ แต่ถ้าได้ขับชมดอกไม้แบบนี้คงฟินมากเลย
เป็นจุดชมซากุระที่ peak มากจุดหนึ่งในโอซาก้าครับ ข้อดีคืออยู่ในเมืองเดินทางสะดวก และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวครับ
ด้านบนเป็นจังหวะที่รถไฟผ่านครับ ขอกลับผมได้นั่งผ่านจุดนี้เหมือนกัน บอกเลยว่าสวยมาาากกก ได้ยินคนญี่ปุ่นอุทานว่า "สุโก้ยๆๆๆ" กันใหญ่ 555
Osaka castle
How to : JR Osakajokoen หรือ Subway Chuo line ลง Morinomiya station
Fee : ภายนอกปราสาท ฟรี ภายในปราสาท 600 Yen
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่มาที่นี่ก็เหมือนกับมาไม่ถึงโอซาก้า 555 จริงๆแล้วผมเคยมาที่นี่แล้วในฤดูร้อนครับ ตอนนั้นปราสาทถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ครั้งนี้ผมเลยอยากลองมาชมสวนแบบมีซากุระแซมบ้าง แต่เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วซากุระที่นี่ยังไม่ full bloom มากนัก เลยรู้สึกผิดหวังครับ แต่ก็มี 1 ต้นข้างตัวปราสาทเลยที่บานสะพรั่งอย่างมาก
จริงๆแล้วมี Light up ด้วยนะครับ แต่เนื่องจากผมต้องเดินทางไปเกียวโตต่อ เลยต้องรีบออกไปครับ
To be continued...
[CR] Cherry Blossom Osaka-Kyoto 2017
ก่อนอื่น ผมมีข้อควรคิด 7 อย่างก่อนออกเดินทางไปชมซากุระครับ
1. ช่วงซากุระโดยเฉพาะเกียวโตเป็นช่วง high season ของทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ดังนั้นราคาตั๋วเครื่องบินช่วงนี้จึงพุ่งกระฉูด ยิ่งวันหยุดยาวสงกรานต์ด้วยแล้วราคายิ่งขึ้นไปอีก แนะนำให้จองล่วงหน้าเผื่อไว้อย่างน้อยสัก 4-6 เดือนครับ รวมถึงจองที่พักไว้แต่เนิ่นๆ เพราะมีโอกาสที่เต็มค่อนข้างเร็ว ผมเริ่มจองตอนเดือนมกราคมยังหาค่อนข้างยากเลยครับ ซึ่งสามารถจองได้ไม่ว่าจะจากเว็บ agoda, booking, Japan I Can, Toyoko Inn ครับ แต่ราคาอาจค่อนข้างสูง ผมแนะนำ Airbnb ครับ เป็นที่พักที่เราไปพักกับเจ้าของบ้านซึ่งมีห้องแยกไว้ หรืออาจเป็นอพาร์ตเมนต์ที่เขามีอีกห้อง ซึ่งให้ดูจากคะแนนการรีวิวครับ ที่ไหนมีรีวิวเยอะและคะแนนดี ก็มักจะเชื่อถือได้มาก
2. เนื่องจากการเที่ยวชมซากุระใช้การเดินเป็นหลัก จึงจำเป็นมากที่คุณควรจะมีการฟิตร่างกายไว้ก่อนไปครับ อาจโดยการวิ่งวันเว้นวัน ครั้งละ 30-40 นาที
3. ใครที่เป็นภูมิแพ้ต้องเตรียมยาไปอย่าให้ขาดครับ เพราะช่วงนี้นอกจากอากาศจะยังเย็นอยู่ (สำหรับคนไทย) แถมยังมีฝนตกเป็นระยะ บวกเพิ่มเติมกับการมีละอองเกษรดอกไม้ฟุ้งกระจายในอากาศมาก ทำให้อาการภูมิแพ้รุนแรงขึ้นได้ อย่างผมนี่น้ำมุกไหลทั้งวันทั้งคืนเลยครับ ยากินเกือบเอาไม่อยู่
4. สืบเนื่องจากข้อ 3 ฝนในช่วงนี้สามารถตกได้หลาย level มาก ตั้งแต่โปรยเป็นละอองเล็กๆไปจนถึงเม็ดใหญ่เป้ง ขอให้เพื่อนๆติดร่มไปด้วยทุกวันที่เดินทาง เพราะฝนตกในญี่ปุ่นนี่เป็นอะไรที่ไม่แน่นอนมากๆครับ และควรเตรียมเสื้อกันหนาวที่กันลมได้ดีครับ
5. ซากุระแต่ละวันบานไม่เท่ากัน แม้แต่ในที่เดียวกันแต่ละต้นก็ไม่พร้อมกัน อย่างวันที่ผมไปที่สวน Sakuranomiya ส่วนที่ full bloom มีด้านหนึ่งของแม่น้ำ อีกด้านยังเห็นแต่กิ่งอยู่เลยครับ สามารถติดตามพยากรณ์ได้ทางเว็บไซต์ ผมใช้ japan-guide.com ครับ เขาจะมี report เป็นวันๆให้เลยว่าเมืองไหนและจุดไหนบานเท่าไหร่แล้ว จะได้ปรับที่เที่ยวให้เหมาะสมครับ
6. สำหรับเกียวโต ที่เที่ยวส่วนใหญ่ที่มีซากุระจำนวนมาก มักจะไม่ใช่จุดเช็คอิน เช่น วัดน้ำใส ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ วัดทอง เป็นต้น แต่จะเป็นจุดอื่นๆ ดังที่จะได้พาไปชมครับ เพราะฉะนั้นอยากให้เพื่อนๆวางแผนให้ดีครับว่า ทริปของเราอยากเน้นอะไร เพื่อจะได้วางแผนให้แต่ละวันตารางไม่แน่นมาก และยังมีผลต่อการเลือกวิธีการเดินทางด้วยครับ (เช่น รถบัส subway หรือรถรางเอกชน)
7. เนื่องจากเป็น high season จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งชาวญี่ปุ่นเองซึ่งไม่น้อย และยังมีชาวต่างชาติอื่นๆอีก เพราะฉะนั้นที่เที่ยวแต่ละที่คงต้องทำใจครับว่า ปริมาณคนคงจะเยอะมาก การถ่ายรูปเลี่ยงคนคงทำได้ยาก แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง คนเยอะๆก็ทำให้บรรยากาศดูสนุกและครึกครื้นไปอีกแบบ
Day 1 : Osaka
การเดินทางในครั้งนี้ผมเริ่มต้นจากวันพุธที่ 5 เมษายน 2017 โดยวันแรกผมใช้เวลาในโอซาก้าครับ ซึ่งสถานที่ที่สามารถชมซากุระได้มีหลายแห่ง ได้แก่ Expo 70 commemorative park , Sakuranomiya park, Tsurumi ryokuchi park, Osaka castle แต่ละสถานที่ดังแสดงในแผนที่ครับ
Expo 70 commemorative park
How to : Osaka monorail ลงสถานี Bamako-kinen-koen (การเดินทางค่อนข้างยาก เพราะ monorail วิ่งรอบนอกเมืองครับ)
Fee : 800 Yen
website : http://www.expo70-park.jp/languages/english/
Expo 70 commemorative park เป็นสวนขนาดใหญ่อยู่นอกตัวเมืองโอซาก้า มีจุดเด่นอยู่ที่ tower of the sun ซึ่งเป็น landmark ที่สำคัญ ถ้าใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง 20th century boy คงจะคุ้นเคยกันดีครับ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ซากุระในสวนแห่งนี้จะแข่งกันบานสะพรั่งให้คนโอซาก้ายกครอบครัวมานั่งชม หลายๆครอบครัวเอาเสื่อมาปูและมีอาหารกล่องติดมาด้วย ถ้าไม่ได้เอามาก็หาซื้อได้ครับ มีการตั้งร้านอยู่ในสวนจำนวนมาก มีอาหารหลายอย่างให้ลิ้มลอง ถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไรผมว่าใช้เวลาในสวนเพลินๆได้สัก 2 ชั่วโมงครับ เผื่อเวลาไปจุดอื่นด้วยนะครับเพราะสวนนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง
จากรูปด้านบนเป็นต้นซากุระที่ผมคิดว่า full bloom ที่สุดในสวนแล้วครับ บางต้นก็มีบ้างที่มีดอกที่ยังตูมอยู่ ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบครับ
Sakuranomiya park
How to : JR Sakuranomiya station
Fee : ฟรี
สวนอยู่ริมแม่น้ำ Okawa ซึ่งเมื่อเดินออกมาจาก JR ก็จะเจอเลยครับ แนะนำให้เดินข้ามมาอีกฝั่งของแม่น้ำครับ เพราะต้นซากุระจะชิดเรียงติดๆกัน เดินชมแล้วเหมือนอยู่ในอุโมงค์ดอกซากุระ สวยและโรแมนติกมากครับ ถ้าใครเกิดหิวขึ้นมาแถวๆนั้นมีร้านสะดวกซื้อ สามารถซื้อมานั่งกินและชมซากุระไปพร้อมๆกันได้เลยครับ
ด้านบนนี่ไม่แน่ใจว่าเป็น speed boat ส่วนตัวหรือให้เช่านะครับ แต่ถ้าได้ขับชมดอกไม้แบบนี้คงฟินมากเลย
เป็นจุดชมซากุระที่ peak มากจุดหนึ่งในโอซาก้าครับ ข้อดีคืออยู่ในเมืองเดินทางสะดวก และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวครับ
ด้านบนเป็นจังหวะที่รถไฟผ่านครับ ขอกลับผมได้นั่งผ่านจุดนี้เหมือนกัน บอกเลยว่าสวยมาาากกก ได้ยินคนญี่ปุ่นอุทานว่า "สุโก้ยๆๆๆ" กันใหญ่ 555
Osaka castle
How to : JR Osakajokoen หรือ Subway Chuo line ลง Morinomiya station
Fee : ภายนอกปราสาท ฟรี ภายในปราสาท 600 Yen
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่มาที่นี่ก็เหมือนกับมาไม่ถึงโอซาก้า 555 จริงๆแล้วผมเคยมาที่นี่แล้วในฤดูร้อนครับ ตอนนั้นปราสาทถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ครั้งนี้ผมเลยอยากลองมาชมสวนแบบมีซากุระแซมบ้าง แต่เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วซากุระที่นี่ยังไม่ full bloom มากนัก เลยรู้สึกผิดหวังครับ แต่ก็มี 1 ต้นข้างตัวปราสาทเลยที่บานสะพรั่งอย่างมาก
จริงๆแล้วมี Light up ด้วยนะครับ แต่เนื่องจากผมต้องเดินทางไปเกียวโตต่อ เลยต้องรีบออกไปครับ
To be continued...