Kola Superdeep Borehole : มันคือโครงการสำรวจพื้นผิวใต้เปลือกโลกของสหภาพโซเวียต เริ่มต้นขุดเจาะในปี ค.ศ.1970 ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ว่าภายใต้เปลือกโลกนั้นมีสิ่งใดซ่อนอยู่ บ้างก็ลือกว่าการขุดเจาะดังกล่าอาจทำให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ บ้างก็ลือถึงขนาดว่าอาจมีปีศาจร้ายจากนรกโผล่ขึ้นมา
สุดท้ายโครงการดังกล่าวมีอันต้องยุติลงในปี ค.ศ.1989 หยุดความลึกไว้ที่ 12,262 เมตร เนื่องจากพบว่าความร้อนใต้เปลือกโลกนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 350 องศาฟาเรนไฮต์
Trinity Test : นี่คือหนึ่งในโครงการแมนฮัตตัน ในปี ค.ศ.1945 หรือโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกของโลก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระเบิดช่วงแรกเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจาก เอ็ดเวิร์ด เทลเลอร์ นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการรับรู้ถึงหายนะของแรงระเบิด โดยระบุว่าแรงระเบิดในการทดสอบครั้งนี้มีความรุนแรงเทียบเท่ากับระเบิด TNT 21 กิโลตัน
เจ. โรเบิร์ต ออฟเพนไฮน์เมอร์ ผอ.ประจำโครงการแมนฮัตตันได้กล่าวถึงโครงการนี้ว่า ‘นับจากนี้ไป มนุษย์คือความตาย มนุษย์คือผู้ทำลายโลกอย่างแท้จริง’
Large Hadron Collider : ในปี ค.ศ.2008 เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเครื่องนี้เริ่มเดินเครื่อง ด้วยความตื่นตระหนกว่าโครงการดังกล่าวจะนำหายนะมาสู่โลก เครื่องเร่งอนุภาคมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งอนุภาคลำแสงโปรตอนในท่อใต้ดิน ด้วยลักษณะเป็นวงแหวนขนาดความยาวรอบเส้นวง 17 ไมล์ โดยเครื่องจะปรับเส้นทางให้เกิดการชนกันของอนุภาค ซึ่งเป็นการจำลองหลุมดำขนาดเล็ก แบบเดียวกับหลุมดำที่เกิดขึ้นขณะเกิดบิ๊กแบงบนชั้นอวกาศ
มีความกังวลว่าหลุมดำที่เกิดขึ้นอาจกลืนกินโลกทั้งใบ แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้กังวลในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากคำนวณแล้วว่าหลุมดำที่เกิดขึ้นจะระเหยไปด้วยปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘การแผ่รังสีฮอว์คิง’
Starfish Prime : แมกนีโตสเฟียร์ เป็นชื่อของชั้นบรรยากาศโลกที่มีหน้าที่ป้องกันโลกจากลมสุริยะ ดังนั้น กองทัพสหรัฐจึงมีแนวคิดอยากทดสอบการระเบิดนิวเคลียร์บนชั้นบรรยากาศเพื่อทดสอบว่าจะเกิดอะไรขึ้น การทดสอบดังกล่าวเริ่มต้นในปี ค.ศ.1962 เพื่อหาวิธีทำลายระบบขีปนาวุธของสหภาพโซเวียต โดยส่งหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นไประเบิดเหนือเกาะจอห์นสตัน ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ความสูง 250 ไมล์
การระเบิดสามารถเห็นได้จากเกาะฮาวายที่ไกลออกไปถึง 900 ไมล์ นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้าและระบบโทรศัพท์จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากแรงระเบิด
การทดลองครั้งนั้นทำให้เกิดแถบกัมมันตรังสีรอบโลกนานถึง 5 ปี และดาวเทียม 1 ใน 3 ของดาวเทียมรอบโลกทั้งหมดได้รับความเสียหาย
SETI : นี่คือโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก เพื่อหาหลักฐานยืนยันว่ามนุษย์ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในจักรวาล ในปี ค.ศ.1896 นิโคลา เทสลา เชื่อว่ามนุษย์อาจใช้คลื่นวิทยุสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวได้ และในอีก 3 ปีต่อมา เขาพบสัญญาณบางอย่างจากดาวอังคาร
ในปี ค.ศ.1924 คือช่วงเวลาที่ดาวอังคารโคจรมาใกล้โลกที่สุดในรอบหลายร้อยปี ทางการสหรัฐจึงประกาศให้เป็นวัน National Radio Silence Day หรือวันงดใช้สัญญาณวิทยุในสหรัฐ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถรับสัญญาณจากดาวอังคารได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยา ระบุว่ามนุษย์โลกไม่ควรดำเนินการใด ๆ เพื่อการค้นหาสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว เนื่องจากมนุษย์ไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกนั้นมีเจตนาดีกับโลกของเราหรือไม่
ที่มา :
https://www.spokedark.tv/re/experiments-almost-ruin-world-2
(จริงไหม)..!!...5 งานทดลองจากนักวิทยาศาสตร์ที่เกือบทำให้โลกของเราต้องพินาศ!
Kola Superdeep Borehole : มันคือโครงการสำรวจพื้นผิวใต้เปลือกโลกของสหภาพโซเวียต เริ่มต้นขุดเจาะในปี ค.ศ.1970 ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ว่าภายใต้เปลือกโลกนั้นมีสิ่งใดซ่อนอยู่ บ้างก็ลือกว่าการขุดเจาะดังกล่าอาจทำให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ บ้างก็ลือถึงขนาดว่าอาจมีปีศาจร้ายจากนรกโผล่ขึ้นมา
สุดท้ายโครงการดังกล่าวมีอันต้องยุติลงในปี ค.ศ.1989 หยุดความลึกไว้ที่ 12,262 เมตร เนื่องจากพบว่าความร้อนใต้เปลือกโลกนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 350 องศาฟาเรนไฮต์
Trinity Test : นี่คือหนึ่งในโครงการแมนฮัตตัน ในปี ค.ศ.1945 หรือโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกของโลก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระเบิดช่วงแรกเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจาก เอ็ดเวิร์ด เทลเลอร์ นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการรับรู้ถึงหายนะของแรงระเบิด โดยระบุว่าแรงระเบิดในการทดสอบครั้งนี้มีความรุนแรงเทียบเท่ากับระเบิด TNT 21 กิโลตัน
เจ. โรเบิร์ต ออฟเพนไฮน์เมอร์ ผอ.ประจำโครงการแมนฮัตตันได้กล่าวถึงโครงการนี้ว่า ‘นับจากนี้ไป มนุษย์คือความตาย มนุษย์คือผู้ทำลายโลกอย่างแท้จริง’
Large Hadron Collider : ในปี ค.ศ.2008 เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเครื่องนี้เริ่มเดินเครื่อง ด้วยความตื่นตระหนกว่าโครงการดังกล่าวจะนำหายนะมาสู่โลก เครื่องเร่งอนุภาคมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งอนุภาคลำแสงโปรตอนในท่อใต้ดิน ด้วยลักษณะเป็นวงแหวนขนาดความยาวรอบเส้นวง 17 ไมล์ โดยเครื่องจะปรับเส้นทางให้เกิดการชนกันของอนุภาค ซึ่งเป็นการจำลองหลุมดำขนาดเล็ก แบบเดียวกับหลุมดำที่เกิดขึ้นขณะเกิดบิ๊กแบงบนชั้นอวกาศ
มีความกังวลว่าหลุมดำที่เกิดขึ้นอาจกลืนกินโลกทั้งใบ แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้กังวลในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากคำนวณแล้วว่าหลุมดำที่เกิดขึ้นจะระเหยไปด้วยปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘การแผ่รังสีฮอว์คิง’
Starfish Prime : แมกนีโตสเฟียร์ เป็นชื่อของชั้นบรรยากาศโลกที่มีหน้าที่ป้องกันโลกจากลมสุริยะ ดังนั้น กองทัพสหรัฐจึงมีแนวคิดอยากทดสอบการระเบิดนิวเคลียร์บนชั้นบรรยากาศเพื่อทดสอบว่าจะเกิดอะไรขึ้น การทดสอบดังกล่าวเริ่มต้นในปี ค.ศ.1962 เพื่อหาวิธีทำลายระบบขีปนาวุธของสหภาพโซเวียต โดยส่งหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นไประเบิดเหนือเกาะจอห์นสตัน ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ความสูง 250 ไมล์
การระเบิดสามารถเห็นได้จากเกาะฮาวายที่ไกลออกไปถึง 900 ไมล์ นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้าและระบบโทรศัพท์จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากแรงระเบิด
การทดลองครั้งนั้นทำให้เกิดแถบกัมมันตรังสีรอบโลกนานถึง 5 ปี และดาวเทียม 1 ใน 3 ของดาวเทียมรอบโลกทั้งหมดได้รับความเสียหาย
SETI : นี่คือโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก เพื่อหาหลักฐานยืนยันว่ามนุษย์ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในจักรวาล ในปี ค.ศ.1896 นิโคลา เทสลา เชื่อว่ามนุษย์อาจใช้คลื่นวิทยุสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวได้ และในอีก 3 ปีต่อมา เขาพบสัญญาณบางอย่างจากดาวอังคาร
ในปี ค.ศ.1924 คือช่วงเวลาที่ดาวอังคารโคจรมาใกล้โลกที่สุดในรอบหลายร้อยปี ทางการสหรัฐจึงประกาศให้เป็นวัน National Radio Silence Day หรือวันงดใช้สัญญาณวิทยุในสหรัฐ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถรับสัญญาณจากดาวอังคารได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยา ระบุว่ามนุษย์โลกไม่ควรดำเนินการใด ๆ เพื่อการค้นหาสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว เนื่องจากมนุษย์ไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกนั้นมีเจตนาดีกับโลกของเราหรือไม่
ที่มา : https://www.spokedark.tv/re/experiments-almost-ruin-world-2