(บทความ) วิพากษ์ราชดำเนิน “กะทู้อัตตาที่ไร้ Ego ความน่าอับอายของการแสดงตัวตน”

กระทู้คำถาม
.
        หัวกะทู้อาจจะดูย้อนแย้งสักเล็กน้อย เพราะหากดูความหมายของคำว่า Ego ซึ่งเป็นคำแปลจากพจนานุกรม อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน ก็ใช้คำว่า “อัตตา” คำเดียวสั้นๆแทนความหมายของคำว่า Ego ที่ต้องค้นต่อไปดูความหมายของคำว่า อัตตา ต่ออีกที (บาลี: อตฺตา; สันสกฤต: อาตฺมนฺ) ซึ่งแปลว่า ตัวตน ร่างกาย รูปลักษณะ ตัวเอง หรือวิญญาณ

        และหากดูเฉพาะคำแปลจากพจนานุกรมฉบับเดียว กะทู้นี้ก็จะกลายเป็นข้อเขียนที่ไร้คุณค่า จากคนที่หน้าหนาพอจะเรียกงานเขียนของตนเองว่า “บทความ”  กลายเป็นข้อเขียนที่พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยข้อความกระทบกระเทียบคนอื่นเท่านั้น  ไม่แตกต่างไปจากกะทู้อื่นๆอีกจำนวนไม่น้อย ที่ถูกตั้งขึ้นมาแล้วบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของห้องราชดำเนินแห่งนี้ให้ตกต่ำ

       ระยะเวลา 11 ปีที่ผมเป็นสมาชิกและร่วมแสดงความเห็นในห้องนี้ จากประสบการณ์ส่วนตัวทำให้รู้ว่าช่วงหนึ่งถึงสองปีหลังนี้แหละ ที่รู้สึกว่าตอนนี้ราชดำเนินตกอยู่ใน “ยุคมืด” เพราะกะทู้สาระความรู้หายไปจนแทบหาไม่เจอ การแลกเปลี่ยนความเห็นทางเมืองก็เป็นเรื่องที่แสดงมุมมองได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น

        ที่สำคัญช่วงหลังยังมีกะทู้ที่แสดงความฟอนเฟะ โดยกลุ่มคนบางคนที่กำลังหลงครื้นเครงคิดว่าสิ่งที่ตนทำอยู่ถูกต้อง จากการสนับสนุนของกลุ่มก้อนฝักฝ่ายหนึ่งที่หวังทำลายฝ่ายตรงข้าม ด้วยกะทู้ที่ขออนุญาตใช้คำว่า “มลภาวะทางตัวอักษร”เป็นเครื่องมือ ตั้งกะทู้ขึ้นเพื่อหวังแค่ให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาในสังคมเสมือนจริงแห่งนี้เท่านั้น ลบภาพบอร์ดการเมืองอันดับหนึ่งให้หายไปจากราชดำเนินได้ เพียงแค่แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็น

        แน่นอนว่า ข้อความบนหัวกะทู้และเนื้อหาของกะทู้ข้างต้นไม่สามารถใช้ความหมายจากพจนานุกรมมาอธิบายประเด็นที่กะทู้นี้ต้องการสื่อได้ เพราะหากดูแค่นั้น มันก็จะย้อนแยงกันเองอย่างที่บอกไปตอนต้น เพื่อให้เข้าใจถึงประเด็นที่แท้จริง จำเป็นต้องทราบความหมายของคำว่า Ego จากแหล่งข้อมูลอื่นด้วย

       ซึ่งในที่นี้ คือ ทฤษฎี หลักจิตวิทยา ของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ ปราชญ์ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ที่อรรถาธิบายเรื่องจิตวิทยาโดยมีเนื้อหาเชื่อมโยงกับคำว่า Ego ไว้ด้วย ซึ่งถ้าท่านที่เข้ามาอ่านกะทู้นี้ทราบรายละเอียดเนื้อหาทั้งหมด จขกท.เองก็เชื่อว่า หัวกะทู้และเนื้อหาในกะทู้นี้คงไม่ได้เป็นตัวอักษรที่ไร้ความหมายในการอ่านอย่างแน่นอน

เริ่มกันเลย


         ซิกมันด์ ฟรอยด์ จิตแพทย์ชาวออสเตรีย เจ้าของแนวคิด โครงสร้างทางจิต (Structure of Mind) และเป็นผู้นำของกลุ่มจิตวิเคราะห์ ( Psychoanalysis ) โดยฟรอยด์อธิบายว่า บุคลิกภาพเป็นผลแห่งระบบโครงสร้างของจิต 3 ระบบ คือ Id(อิด) Ego(อีโก้) และ Superego(ซูเปอร์อีโก้) ที่ทำหน้าที่สอดประสานกันจนกลายมาเป็นบุคลิกของมนุษย์แต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็จะแสดงออกมาในระดับที่แตกต่างกันไป

         โดย Id นั้นคือส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณ หรือจิตไร้สำนึกที่มีมาแต่กำเนิด เป็นตัวที่มีพลังขับให้คนเราแสดงพฤติกรรมออกมาตามความพึงพอใจของตนเอง โดยมักจะเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์คือ ความต้องการทางเพศ และความก้าวร้าวรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความเหมาะสมใดๆ ขอเพียงได้ทำตามต้องการเป็นพอ ซึ่งหากความต้องการของ Id ไม่ได้รับการตอบสนองก็อาจจะเกิดความเครียดได้
      
         ส่วน Ego จะเป็นสิ่งที่อยู่คั่นกลางระหว่าง Id และ Superego เพื่อทำให้เกิดดุลยภาพในความต้องการขั้นพื้นฐาน ซึ่ง Ego จะเป็นส่วนที่คอยควบคุมขัดเกลาพฤติกรรมของคนเรา เพื่อให้แสดงความต้องการตามสัญชาตญาณ ที่เกิดจาก Id ไปในทางที่เหมาะสมกับโลกแห่งความเป็นจริง และเป็นที่ยอมรับกันทางสังคม โดยการเรียนรู้ศึกษาทั้งจากภายในครอบครัว สังคม และสถานศึกษานั้นจะเป็นการช่วยฝึกสอน Ego ในตัวคนเรา ให้สามารถปฏิบัติตามความต้องการในสังคมได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมักจะเกิดความขัดแย้งกันระหว่าง Id และ Ego ตลอดเวลา ซึ่งแม้ว่าโดยส่วนใหญ่ Ego จะสามารถควบคุม Id เอาไว้ได้ แต่ในบางครั้งที่ Ego อ่อนแรงลง เช่นในขณะที่เรากำลังนอนหลับ Id ก็จะทำให้เราสามารถทำในสิ่งที่ต้องการ แต่ไม่สามารถทำได้ในโลกแห่งความเป็นจริงออกมาในรูปแบบของความฝันได้
      
         ขณะที่ Superego นั้นจะอยู่ตรงข้ามกับความต้องการที่เกิดจาก Id เนื่องจาก Superego นั้นจะตั้งอยู่บนหลักขนบธรรมเนียม ประเพณี และจริยธรรม อันเป็นที่ยอมรับ โดยเด็กจะซึมซับรับรู้ได้จากผู้ปกครอง และสิ่งแวดล้อมตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งทำให้เด็กรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และสิ่งไหนที่เป็นเรื่องต้องห้ามไม่ควรทำ รวมไปถึงการเป็นผู้ที่รู้จักเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยความเต็มใจ นอกจากนั้น Superego ยังจะคอยยับยั้งการทำงานของ Ego ที่ไปตอบสนองความต้องการของ Id หากเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมกับมาตรฐานของสังคมอีกด้วย
      
         อนึ่ง ระบบทั้ง 3 จะต่อสู้กันอยู่ภายในจิตใจของเราอยู่ตลอดเวลา และหากว่าระบบใดเป็นผู้ชนะในช่วงเวลานั้นๆ คนเราก็จะแสดงพฤติกรรมไปตามระบบดังกล่าว ดังนั้น มนุษย์คนหนึ่งจึงอาจจะแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วออกมาได้



        เนื้อหาในกรอบนั้น คือทฤษฎี หลักจิตวิทยา ของ ซิกมันด์ ฟรอยด์  ซึ่ง จขกท.นำมาเป็นหลักในการสื่อความหมายของคำว่า Ego บนหัวกะทู้ และคงทำให้สิ่งที่ดูเหมือนย้อนแยงหากใช้แค่พจนานุกรมอย่างเดียวตีความหมายในตอนต้นคงหมดไป และอาจทำให้เข้าใจถึงความหมายของข้อความทั้งหมดบนหัวกะทู้ได้ครบถ้วนตามเจตนาของการสื่อความหมาย อีกทั้งยังน่าจะเพียงพอที่จะอธิบายสภาพความเป็นไปของราชดำเนินในตอนนี้ให้กระจ่างขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

ส่วน....
กะทู้อัตตาดังที่กล่าวถึงบนหัวกะทู้คือกะทู้แบบไหน..?  
ใช่กะทู้ที่พยายามทำตัวให้แตกต่างโดยไม่ใส่ใจกับข้อกำหนดของสังคม อย่าง ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม หรือ มารยาทที่เพิ่งมีต่อบุคคลอื่น รวมถึงจิตสำนึกที่เพิ่งมีต่อตนเองหรือไม่..?
มันก็คงเป็นคำถามที่รู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องอ่านเนื้อหาของกะทู้เลยด้วยซ้ำ และไม่ใช่สาระสำคัญใดๆของกะทู้นี้เลย

        เพราะประเด็นที่สำคัญจริงๆ มันอยู่การแสดงตัวตนผ่านตัวอักษรในที่แห่งนี้มากกว่า ที่ท่านผู้เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้คงรู้แล้ว ว่าจะเลือกแสดงตัวตนเช่นไร..ใช่ไหมครับ

คนนั้นจัก พรั่งพร้อม                      ปัญญา
ต้องตริตรอง อัตตา                       สดับย้อน
พึงแสดง วาจา                             เกิดก่อ คุณเฮย
วจีล้วน สะท้อน                            เห็นได้ตนตัว

แต่คนจัก โง่เง้า                            เขลาตื้น
เพราะยึดติด หยัดยืน                     อยู่ย้ำ
แต่ตนเอง แข็งขืน                        พูดพร่อย เรื่อยนา
มุ่งแต่เพียร ปั้นน้ำ                        เพื่อให้เป็นตัว


        สุดท้ายอยากบอกว่า จขกท.ไม่รู้สึกละอายใดๆเลย ถ้าการแสดงออกทางตัวอักษรในราชดำเนินแห่งนี้ของ จขกท.เอง คือการแสดง Ego หรือตัวตน สำหรับ จขกท. และก็ไม่เคยคิดจะปฏิเสธความหมายจากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ที่ให้ความหมายของคำนี้ในภาษาไทย ว่า อัตตา เพราะที่ตั้งกะทู้อยู่ทุกวันนี้มันคือการแสดงความเป็นตัวตน(อัตตา)จริงๆ เพียงแต่อัตตาที่ใช้แสดงตัวตนออกมา มันผ่านกระบวนการทางจิตวิทยา Ego ของตัวจขกท.ได้กลั่นกรองและแสดงออกมาเป็นข้อความหรือตัวอักษรด้วย”ความเชื่อมั่น” ความเชื่อมั่นที่กล่อมเกลามาจากการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ครูอาจารย์ และรู้จักยับยั้งทัดทานตนเองด้วยกฎระเบียบกติกาที่สังคมยอมรับ

ป.ล.ท่านผู้เข้ามาอ่านไม่จำเป็นจะต้องเชื่อท่อนท้ายที่บอกไปแล้วคล้ายๆยกหางตัวเองนะครับ เพราะที่สุดแล้วมันก็หนีความจริงไม่ได้ ความจริงที่ว่าตัวตนของใครคนใดคนหนึ่ง สามารถพิสูจน์ทราบได้จากตัวอักษรที่เขาพิมพ์อยู่เป็นประจำ ผู้อ่านทุกคนสามารถค้นหาตัวตนเจ้าของข้อความได้จากตัวอักษรที่เขาพิมพ์เรื่อยมา

ขอบคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
แหม...กลับมาดูอีกที เห็นบรรดาสุดยอดความเห็นแล้วก็คิดได้ว่า
ข้อความที่มีสาระความรู้ใดๆ ไม่สามารถซึมผ่านกะโหลกของคนบางจำพวกจริงๆ

เกินเยียวยาแล้ว ถึงขั้นกับมาโหวตกันเองเพื่อแสดงตัวตนที่มีแต่อัตตา แต่ไร้ซึ่ง Ego ของตนเอง
แต่พูดไปก็เท่านั้น คนจำพวกนี้ไม่เคยอ่านอะไรที่ยาวเกิน 3 บรรทัดแล้วจับใจความได้หรอก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
พฤติกรรมตั้งกระทู้อวดรวย แข่งกันแบบเด็กๆที่ถูกลบไป  -  ใครบังคับตั้ง
พฤติกรรมเอาภาพอาหารการกินคนอื่นมาลง แล้วพูดประกอบว่าไปกินอาหารก่อนดีกว่า  - ใครบังคับให้ทำ
พฤติกรรมด่าพ่อด่าแม่ เล่นลงต่ำ -  ใครบังคับให้ทำ
พฤติกรรมเล่นมาม่าทีมงานเฉพาะกิจ กลั่นแกล้งผู้อื่น  -  ใครบังคับให้ทำ


ก็เล่นกันเองทั้งนั้น แต่ดันชี้นิ้วไปที่คนอื่น อมยิ้ม35
...............

คุณพระรอง อ่านแล้วไม่เข้าใจที่สื่อเหรอคะ หรือมันสั้นไป ใช้ปัญญาเพิ่มขึ้นอีกนิดส์นึง อย่ามัวแต่มีอคติบังตาเหมือนที่พยายามจะสื่อคนอื่น  เรื่อง  EGO เลยนะคะ มันจะกลายเป็น ไม่ค่อยมีปัญญาไปนะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
ขอนอกเรื่องแป๊ป  

คดีปี 57 นี้  ใน คห 1   ตอนนี้ไปถึงไหน    https://ppantip.com/topic/32627676

ตกลง ฟ้องแล้วหรือยัง  แล้วศาลว่ายังไง
หรือว่า  ยกฟ้อง  
หรือว่า ไม่ได้ฟ้อง  แค่ขู่เฉยๆ  

แต่ที่แน่ๆ   กองเชียร์ที่ชอบประจบ สอพลอ  เลียแข้ง เลียขา ผู้ใหญ่    ออกมาคอมเมนท์กันใหญ่
รู้นะ ว่า    หวังกินข้าวฟรี ละสิ
ความคิดเห็นที่ 5
พฤติกรรมตั้งกระทู้อวดรวย แข่งกันแบบเด็กๆที่ถูกลบไป  -  ใครบังคับตั้ง
พฤติกรรมเอาภาพอาหารการกินคนอื่นมาลง แล้วพูดประกอบว่าไปกินอาหารก่อนดีกว่า  - ใครบังคับให้ทำ
พฤติกรรมด่าพ่อด่าแม่ เล่นลงต่ำ -  ใครบังคับให้ทำ
พฤติกรรมเล่นมาม่าทีมงานเฉพาะกิจ กลั่นแกล้งผู้อื่น  -  ใครบังคับให้ทำ


ก็เล่นกันเองทั้งนั้น แต่ดันชี้นิ้วไปที่คนอื่น อมยิ้ม35
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่รู้นะ ไอ้กลุ่มก้อนที่เป็นปัญหาของเรื่องทั้งหมดเป็นกลุ่มก้อนไหน  เวลามองก็มองภาพรวมด้วย อย่ามองตัดตอน หรือไม่กล้ามองเพราะกลัวเข้ากลุ่มพรรคพวกเดียวกัน  ใครจะมาทำลายฝั่งตรงข้ามได้ นอกจากพฤติกรรมตัวเองล้วนๆที่ทำลายตัวเองทั้งนั้น  เหมือนกับชี้นิ้วไปที่คนอื่น แต่ 9 นิ้วอยู่ที่ตัวเองนั่นแหระ ไม่เคยโทษการกระทำตัวเอง แถมยกก้นอีกต่างหาก
---------------------------------------------------------------------



ถ้าซีเอ็นไม่มีหลักฐานในการกล่าวหาว่า แก้มป่องกับพรรคพวก นอนแดง คือ ทีมงานเฉพาะกิจ ก็แสดงว่าการตั้งกระทู้ฟ้องร้องหน้าบอร์ดถือเป็นการกลั่นแกล้งเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกสำนึกความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้คุยโม้โอ้อวดไว้แต่อย่างใด คำขอโทษคำเดียวยังไม่เคยมี

ดังนั้น คำกล่าวอ้างที่ว่า ไม่เคยระรานใครก่อน เข้ามาเพื่อยกระดับบอร์ด ถือเป็นคำกล่าวที่เอาดีเข้าตัว (หรือหาดีไม่เจอ???)

นี่รอจนข้ามคืน ยังไม่ได้หลักฐานเลย  สงสัยไปเอาหลักฐานจนถึงดาวอังคาร

https://ppantip.com/topic/32627676
ตัดสินใจ.....ดำเนินคดีอาญา ตัวกลมและพวก .......จนถึงที่สุด


ป.ล 2  งานนี้ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพส่วนตัวของ จขกท ว่า "สมราคาคุยหรือไม่"
501 398  
cnck2  
25 กันยายน 2557 เวลา 18:42 น.
ความคิดเห็นที่ 28
คนบางคนก็นะ เขียนเองยังไม่มีปัญญาจะเข้าใจสิ่งที่ตัวเองเขียน เสียดาย ดูลุคเหมือนคนมีคุณภาพที่สุดในกลุ่มแหระ

พอโดนเขียนแย้งหน่อยก็รับไม่ได้ เพราะตัวตรู พวกพ้องตรู ทั้งน้าน ทั้งๆที่เขียนไปก็คือความจริง

คนแบบนี้ น่าสมเพช เชาเรียก ดีแต่เปลือก

ขนาดต้องนั่งเขียน Comment ตัวเอง แล้วเลือกความเห็นตัวเองขึ้นข้างบน เพื่อเอาชนะ ก็ไร้ค่าแล้ว

เศร้ายิ้มอมยิ้ม35
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่