แชร์เรื่องราวในแบบเรื่องเล่า ลองเลื่อนอ่าน เลื่อนดูรูปกันก่อนนะครับ
(ต่อจากกระทู้เก่า)
ลุงยิ้มเล่าเรื่อง : แพ็คกระเป๋าเข้าเช็คอิน @ฝรั่งเศส (ตอนที่ 1 :: พิพิธภัณฑ์ลูฟร์)
http://ppantip.com/topic/34350997
ลุงยิ้มเล่าเรื่อง : แพ็คกระเป๋าเข้าเช็คอิน @ฝรั่งเศส (ตอนที่ 2 :: เกาะมงแซงมิเชล)
https://ppantip.com/topic/34412976
ฝากเพจไว้ติดตาม พูดคุยกันได้ที่ FB: GoToo >>
https://www.facebook.com/GoToo-1632477510328553/
วันที่ 3 : พระราชวังแวร์ซาย ความรุ่งโรจน์ และร่วงโรยบนหน้าประวัติศาสตร์โลก (Palace of Versailles / Château de Versailles)
“กี่โมงแล้วเนี่ย!!” ผมลุกลี้ลุกลนหลังตื่นนอน คุ้นๆ เหมือนได้ยินเสียงปลุกแว่วผ่านไปได้สักพักแล้ว
“7 โมงจะครึ่งงง ตายหล่ะหว่า คนเยอะแน่ๆ กว่าจะไปถึง”
ผมเร่งรีบอาบน้ำแต่งตัว และหยิบเป้มาสะพายรีบเดินออกจากโรงแรมในกรุงปารีส ฝ่าอากาศเย็นๆ กว่า 10 องศา มุดลงรถไฟใต้ดิน เดินทางสู่พระราชวังอันยิ่งใหญ่ และสวนสวยที่คนทั่วโลกกล่าวถึง ... “แวร์ซาย”
ชื่อนี้ผมได้ยินมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่ขนานนามเลื่องชื่อถึงความยิ่งใหญ่อลังการ เก็บความคาใจมาหลายสิบปี วันนี้จะเป็นวันพิสูจน์ของจริงเสียที!!
รถไฟวิ่งซิ่งในอุโมงค์ใต้ดินเหมือนเคย จนพาผมมาโผล่ที่สถานี Gare Montparnasse ด้วยความหิว และด้วยความโชคดี ผมเห็นคาเฟ่เล็กๆ อยู่ข้างหน้า
"พอล" (Paul) คุ้นๆ เพื่อนเคยบอกไว้ว่าเบเกอรี่ร้านนี้อร่อย มีหลายสาขากระจายอยู่ในปารีส ผมเดินเข้าไปสั่งและมานั่งทานที่โต๊ะกลม ครัวซองท์อุ่นๆ กับช็อคโกแลตร้อนๆ ควันพวยพุ่งขนาดนี้ช่างเหมาะกับยามเช้านี้เสียจริง "อื้มม ช็อคโกแลตร้อนอร่อยมาก" ด้วยความเข้มข้นกลมกล่อมแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ทำให้ผมติดใจได้ในทันที
หลังจากทานเสร็จ ผมเดินไปหยุดที่กลางสถานี เปิดไกด์บุ๊คออกอีกครั้ง ด้วยใจยังหวั่นๆ กลัวต่อรถไฟผิดขบวน ผมเริ่มไม่มั่นใจ ...
กวาดสายตาเห็นสาววัยรุ่นผมบรอนซ์ในชุดดำ กำลังเดินผ่านผมไป “Excuse me? How can i go to palace of Versailles?” ผมเริ่มต้นถามว่าจะไปพระราชวังแวร์ซายได้อย่างไร
เธอพยายามตั้งใจฟัง และช่วยเหลือผม และนี่คือคำตอบที่พอจับใจความได้ “ชั้นไม่มั่นใจเหมือนกัน เพราะไม่ได้ไปนานมากแล้ว เคยไปตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กๆ” ...
"แมร์ซี่!" ขอบคุณครับ ผมก็พอเข้าใจเธอนะ อารมณ์คงเหมือน ฝรั่งสักคนถามผมว่า “ไปวัดพระแก้วอย่างไร และนั่งรถเมล์สายอะไร” ผมอาจจะตอบเหมือนเธอก็เป็นได้
ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่ช่องขายตั๋ว เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง รถไฟ RER (Regional Train) ที่เป็นเส้นที่วิ่งออกนอกเมือง เส้นสาย C มีปลายทางแยกออกเป็น C5 Versailles – Chateau ตั๋วราคาไปกลับ 7.10 ยูโร ประมาณ 270 บาท ผมนั่งรถไฟออกจากปารีส ผ่านสถานีต่างๆ ทั้งหมด 8 สถานี ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ กว่าจะมาถึงสถานีปลายทาง เกือบ 10 โมง
พอออกมาจากสถานียังงงทิศอยู่ว่าจะต้องเดินไปทางไหน ผมกำลังจะเอาเป้ออกจากหลังเพื่อหยิบแผนที่ แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมผู้คนมากมาย ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงขึ้นไป "เอาหล่ะ ไม่ต้องดูแล้วแผนทง แผนที่ เดินตามฝูงชนนี่แหละ"
สายตามองไกลไปข้างหน้าเห็นลานกว้าง เห็นตึกยาวต่อกันเสมือนเป็นแนวกำแพงยักษ์ ไม่น่าผิด นี่คือพระราชวังอันใหญ่โตที่ผมตั้งใจมาพบเจอ
ยิ่งเดินเข้าไป ก็ยิ่งเห็น คน คน และคน เต็มไปหมด ผมข้ามถนนที่เสมือนตัวคั่นเขตพื้นที่วัง มาเจอกับพระบรมรูปทรงม้าของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ค.ศ. 1638 – 1715) แล้วทำไมต้องเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14? อื้มมม น่าจะเป็นเพราะพระองค์เป็นผู้ริเริ่มสร้างพระราชวังในเมืองแวร์ซาย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นพระราชวังใหญ่โตมโหฬาร เป็นศูนย์รวมการปกครอง ในยุคของพระเจ้าหลุยส์อีกหลายรัชกาลต่อมา
ผ่านเข้าประตูรั้ววังมา ยิ่งทำให้เห็นความหรูหรา ในแบบฉบับบาโรค และรอคโคโค เห็นลวดลายสีทองที่อยู่บริเวณขอบหน้าต่าง ขอบหลังคา และบริเวณระเบียงยิ่งฉายความหรูหรา สง่างาม ตัววังออกแบบเป็นรูปตัวยูคว่ำ (U-shape) และมีตึกยาวต่อออกไปทั้งทางซ้าย และทางขวา
ผมรีบเดินไปเข้าแถว ไม่ผิดหวังเลยครับ แถวยาวเหมือนที่คิดไว้ และยาวมากด้วยจริงๆ แสงแดดเปล่งออกมาเต็มกำลัง แต่อากาศยังสบายๆ อยู่ ยืนตากแดดก็ยังพอไหว
ผมเห็นเจ้าหน้าที่สาวที่เดินดูแลความเรียบร้อยของคิวผ่านมาพอดี ก็เลยหยิบตั๋วเข้าชมที่ซื้อมาล่วงหน้าทางออนไลน์ให้เธอดู เผื่อผมไม่ต้องเข้าแถวตรงนี้ เธอหยิบขึ้นมาดูและพูดว่า “ยืนต่อแถวต่อไปคะ” อะไรประมาณนี้
เอาน่าอย่างน้อยก็ไม่เข้าผิดแถวแล้วกัน เพราะที่นี่เค้ามีขายตั๋วอยู่ 2 แบบ มีทางเข้าอยู่กันคนละฝั่ง คือตั๋วแบบชมพระราชวังพร้อมสวน หรือตั๋วชมสวนอย่างเดียว ทางเข้าอยู่คนละฝั่งกันเลย ถ้าผมเข้าแถวผิด หน้าคงเป็นตูดแน่ๆ ตั๋วที่ผมถือเป็นประเภท Passport ราคาอยู่ที่ 25 ยูโร หรือประมาณ 900 กว่าบาท ซึ่งตั๋วประเภทนี้จะครอบคลุมการเข้าชมเกือบทั้งหมด
ในที่สุดก็ถึงวินาทีที่ผมยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ตอนเกือบ 11 โมง พร้อมขอเครื่องออดิโอไกด์ จากนั้นก็เดินตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านห้องนิทรรศการที่บอกเรื่องราวของพระราชวังแห่งนี้ มีฉายวีดีโอกราฟฟิคจำลองการก่อสร้างตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ที่เดิมเป็นเพียงตำหนักเล็กๆ สำหรับประทับอ้างแรมช่วงฤดูการล่าสัตว์ ต่อมาในยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้มีดำริที่จะสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นที่เมืองแวร์ซายส์ เรียกได้ว่าหรูหรา อู้ฟู่ตามสไตล์หลุยส์ ยิ่งเลขที่อยู่หลังคำว่าพระเจ้าหลุยส์มากขึ้น วังก็ขยายใหญ่มากขึ้นตามพระราชบัญชา จนปัจจุบันนี้มีความยาวรวมกว่า 400 เมตร มีห้องทั้งหมดกว่า 700 ห้อง หน้าต่างอีก 2,000 บาน “อะไรจะใหญ่โตขนาดนี้”
สถานีรถไฟ Versailles – Chateau
ก่อนถึงพระราชวัง
ต่อคิวเข้าแถวที่คดไปมา
ตัวอย่าง VDO Clip Versailles 3D by Château de Versailles
VDO Clip >>
https://www.youtube.com/watch?v=X235vpOToVU
จองตั๋วออนไลน์ และรายละเอียดเพิ่มเติมที่
http://en.chateauversailles.fr/discover/estate/palace
[CR] ลุงยิ้มเล่าเรื่อง : แพ็คกระเป๋าเข้าเช็คอิน @ฝรั่งเศส (ตอนที่ 3 :: พระราชวังแวร์ซาย)
(ต่อจากกระทู้เก่า)
ลุงยิ้มเล่าเรื่อง : แพ็คกระเป๋าเข้าเช็คอิน @ฝรั่งเศส (ตอนที่ 1 :: พิพิธภัณฑ์ลูฟร์)
http://ppantip.com/topic/34350997
ลุงยิ้มเล่าเรื่อง : แพ็คกระเป๋าเข้าเช็คอิน @ฝรั่งเศส (ตอนที่ 2 :: เกาะมงแซงมิเชล)
https://ppantip.com/topic/34412976
ฝากเพจไว้ติดตาม พูดคุยกันได้ที่ FB: GoToo >> https://www.facebook.com/GoToo-1632477510328553/
วันที่ 3 : พระราชวังแวร์ซาย ความรุ่งโรจน์ และร่วงโรยบนหน้าประวัติศาสตร์โลก (Palace of Versailles / Château de Versailles)
“กี่โมงแล้วเนี่ย!!” ผมลุกลี้ลุกลนหลังตื่นนอน คุ้นๆ เหมือนได้ยินเสียงปลุกแว่วผ่านไปได้สักพักแล้ว
“7 โมงจะครึ่งงง ตายหล่ะหว่า คนเยอะแน่ๆ กว่าจะไปถึง”
ผมเร่งรีบอาบน้ำแต่งตัว และหยิบเป้มาสะพายรีบเดินออกจากโรงแรมในกรุงปารีส ฝ่าอากาศเย็นๆ กว่า 10 องศา มุดลงรถไฟใต้ดิน เดินทางสู่พระราชวังอันยิ่งใหญ่ และสวนสวยที่คนทั่วโลกกล่าวถึง ... “แวร์ซาย”
ชื่อนี้ผมได้ยินมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่ขนานนามเลื่องชื่อถึงความยิ่งใหญ่อลังการ เก็บความคาใจมาหลายสิบปี วันนี้จะเป็นวันพิสูจน์ของจริงเสียที!!
รถไฟวิ่งซิ่งในอุโมงค์ใต้ดินเหมือนเคย จนพาผมมาโผล่ที่สถานี Gare Montparnasse ด้วยความหิว และด้วยความโชคดี ผมเห็นคาเฟ่เล็กๆ อยู่ข้างหน้า
"พอล" (Paul) คุ้นๆ เพื่อนเคยบอกไว้ว่าเบเกอรี่ร้านนี้อร่อย มีหลายสาขากระจายอยู่ในปารีส ผมเดินเข้าไปสั่งและมานั่งทานที่โต๊ะกลม ครัวซองท์อุ่นๆ กับช็อคโกแลตร้อนๆ ควันพวยพุ่งขนาดนี้ช่างเหมาะกับยามเช้านี้เสียจริง "อื้มม ช็อคโกแลตร้อนอร่อยมาก" ด้วยความเข้มข้นกลมกล่อมแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ทำให้ผมติดใจได้ในทันที
หลังจากทานเสร็จ ผมเดินไปหยุดที่กลางสถานี เปิดไกด์บุ๊คออกอีกครั้ง ด้วยใจยังหวั่นๆ กลัวต่อรถไฟผิดขบวน ผมเริ่มไม่มั่นใจ ...
กวาดสายตาเห็นสาววัยรุ่นผมบรอนซ์ในชุดดำ กำลังเดินผ่านผมไป “Excuse me? How can i go to palace of Versailles?” ผมเริ่มต้นถามว่าจะไปพระราชวังแวร์ซายได้อย่างไร
เธอพยายามตั้งใจฟัง และช่วยเหลือผม และนี่คือคำตอบที่พอจับใจความได้ “ชั้นไม่มั่นใจเหมือนกัน เพราะไม่ได้ไปนานมากแล้ว เคยไปตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กๆ” ...
"แมร์ซี่!" ขอบคุณครับ ผมก็พอเข้าใจเธอนะ อารมณ์คงเหมือน ฝรั่งสักคนถามผมว่า “ไปวัดพระแก้วอย่างไร และนั่งรถเมล์สายอะไร” ผมอาจจะตอบเหมือนเธอก็เป็นได้
ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่ช่องขายตั๋ว เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง รถไฟ RER (Regional Train) ที่เป็นเส้นที่วิ่งออกนอกเมือง เส้นสาย C มีปลายทางแยกออกเป็น C5 Versailles – Chateau ตั๋วราคาไปกลับ 7.10 ยูโร ประมาณ 270 บาท ผมนั่งรถไฟออกจากปารีส ผ่านสถานีต่างๆ ทั้งหมด 8 สถานี ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ กว่าจะมาถึงสถานีปลายทาง เกือบ 10 โมง
พอออกมาจากสถานียังงงทิศอยู่ว่าจะต้องเดินไปทางไหน ผมกำลังจะเอาเป้ออกจากหลังเพื่อหยิบแผนที่ แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมผู้คนมากมาย ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงขึ้นไป "เอาหล่ะ ไม่ต้องดูแล้วแผนทง แผนที่ เดินตามฝูงชนนี่แหละ"
สายตามองไกลไปข้างหน้าเห็นลานกว้าง เห็นตึกยาวต่อกันเสมือนเป็นแนวกำแพงยักษ์ ไม่น่าผิด นี่คือพระราชวังอันใหญ่โตที่ผมตั้งใจมาพบเจอ
ยิ่งเดินเข้าไป ก็ยิ่งเห็น คน คน และคน เต็มไปหมด ผมข้ามถนนที่เสมือนตัวคั่นเขตพื้นที่วัง มาเจอกับพระบรมรูปทรงม้าของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ค.ศ. 1638 – 1715) แล้วทำไมต้องเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14? อื้มมม น่าจะเป็นเพราะพระองค์เป็นผู้ริเริ่มสร้างพระราชวังในเมืองแวร์ซาย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นพระราชวังใหญ่โตมโหฬาร เป็นศูนย์รวมการปกครอง ในยุคของพระเจ้าหลุยส์อีกหลายรัชกาลต่อมา
ผ่านเข้าประตูรั้ววังมา ยิ่งทำให้เห็นความหรูหรา ในแบบฉบับบาโรค และรอคโคโค เห็นลวดลายสีทองที่อยู่บริเวณขอบหน้าต่าง ขอบหลังคา และบริเวณระเบียงยิ่งฉายความหรูหรา สง่างาม ตัววังออกแบบเป็นรูปตัวยูคว่ำ (U-shape) และมีตึกยาวต่อออกไปทั้งทางซ้าย และทางขวา
ผมรีบเดินไปเข้าแถว ไม่ผิดหวังเลยครับ แถวยาวเหมือนที่คิดไว้ และยาวมากด้วยจริงๆ แสงแดดเปล่งออกมาเต็มกำลัง แต่อากาศยังสบายๆ อยู่ ยืนตากแดดก็ยังพอไหว
ผมเห็นเจ้าหน้าที่สาวที่เดินดูแลความเรียบร้อยของคิวผ่านมาพอดี ก็เลยหยิบตั๋วเข้าชมที่ซื้อมาล่วงหน้าทางออนไลน์ให้เธอดู เผื่อผมไม่ต้องเข้าแถวตรงนี้ เธอหยิบขึ้นมาดูและพูดว่า “ยืนต่อแถวต่อไปคะ” อะไรประมาณนี้
เอาน่าอย่างน้อยก็ไม่เข้าผิดแถวแล้วกัน เพราะที่นี่เค้ามีขายตั๋วอยู่ 2 แบบ มีทางเข้าอยู่กันคนละฝั่ง คือตั๋วแบบชมพระราชวังพร้อมสวน หรือตั๋วชมสวนอย่างเดียว ทางเข้าอยู่คนละฝั่งกันเลย ถ้าผมเข้าแถวผิด หน้าคงเป็นตูดแน่ๆ ตั๋วที่ผมถือเป็นประเภท Passport ราคาอยู่ที่ 25 ยูโร หรือประมาณ 900 กว่าบาท ซึ่งตั๋วประเภทนี้จะครอบคลุมการเข้าชมเกือบทั้งหมด
ในที่สุดก็ถึงวินาทีที่ผมยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ตอนเกือบ 11 โมง พร้อมขอเครื่องออดิโอไกด์ จากนั้นก็เดินตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านห้องนิทรรศการที่บอกเรื่องราวของพระราชวังแห่งนี้ มีฉายวีดีโอกราฟฟิคจำลองการก่อสร้างตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ที่เดิมเป็นเพียงตำหนักเล็กๆ สำหรับประทับอ้างแรมช่วงฤดูการล่าสัตว์ ต่อมาในยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้มีดำริที่จะสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นที่เมืองแวร์ซายส์ เรียกได้ว่าหรูหรา อู้ฟู่ตามสไตล์หลุยส์ ยิ่งเลขที่อยู่หลังคำว่าพระเจ้าหลุยส์มากขึ้น วังก็ขยายใหญ่มากขึ้นตามพระราชบัญชา จนปัจจุบันนี้มีความยาวรวมกว่า 400 เมตร มีห้องทั้งหมดกว่า 700 ห้อง หน้าต่างอีก 2,000 บาน “อะไรจะใหญ่โตขนาดนี้”
สถานีรถไฟ Versailles – Chateau
ก่อนถึงพระราชวัง
ต่อคิวเข้าแถวที่คดไปมา
ตัวอย่าง VDO Clip Versailles 3D by Château de Versailles
จองตั๋วออนไลน์ และรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://en.chateauversailles.fr/discover/estate/palace