เคยถูกที่ทำงานบอกว่า "ที่นี่เราอยู่กับแบบ ครอบครัว" กันมั้ยครับ?

สวัสดีครับ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ ในที่ทำงาน ซึ่ง ณ. ทีแรก เขาใช้คำว่า "เราอยู่กันแบบครอบครัว"
เอ้อ... ก่อนจะเล่าต้องขออภัยก่อนนะครับ อาจมีคำหยาบปนอยู่บ้างไม่มากก็เยอะ....


โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกอบอุ่น และอุ่นใจมากที่เขากล่าวต้อนรับกันแบบนี้ เพราะในความคิดส่วนตัวแล้ว การเป็นครอบครัว ถือเป็นอะไรที่ฟังดูอบอุ่นละน่ารักมาก อีกอย่างเราจะได้ทำงานแบบมีความสุขด้วย มีพี่มีน้อง มีนั่นมีนี่ บลาๆ ทุ่งลาเวนเดอร์

เริ่มจากงานแรกก่อนเลย ผมได้งานที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมสามดาว ซึ่งในทีแรกเข้าไปไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานโรงแรมเลย อาศัยแค่ว่ามีความรู้ภาษาอังกฤษเท่านั้น ตอนไปสัมภาณษ์ก็ จ๊ะจ๋าต๊ะอวย

"ที่นี่เราอยู่กับแบบ ครอบครัว นะน้องนะ มีไรช่วยๆกัน โรงแรมนี้คือบ้านของพวกเราทุกคน"

ในความรู้สึกคือ โอ้ว ดีใจจัง เค้าน่าจะให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนนะ ตัวผมได้งานฟร้อนท์ (หรือพนักงงานต้อนรับ) ก็เลยตั้งใจศึกษาระบบการทำงานทุกๆอย่างของฟร้อนท์ ได้ลองทำทั้งกะเช้ากะบ่ายและกะดึก ช่วงนั้นเรียกว่ากลับบ้านหัวถึงหมอนนอนได้เลย เพราะดันไปฝึกช่วงไฮซีซั่น หรือช่วงที่มีแขกเยอะมาก

บางวัน เข้ากะเช้า 7 โมง ออกบ่าย 4 โมง กลับบ้านไปอาบน้ำนอนแล้วต้องลุกมาแต่งตัวเพื่อเข้ากะดึก 5 ทุ่มยัน 6 โมงเช้าของอีกวัน แล้วค่อยกลับมาเข้ากะบ่ายคือ บ่าย 3 อีกที (พวกฟร้อนท์ที่โรงแรมผมจะเข้ากะทับกันชั่วโมงนึงเพื่อต่องานกันครับ ไม่รู้ว่า โณงแรมอื่นๆเป็นกันมั้ย)

ยอมรับว่า ในช่วงแรกสนุกดี เพราะว่า ฟร้อนท์เนี่ยอยู่กันแบบครอบครัวจริงๆ....

จนผ่านๆไปสองสามวัน ความจริงก็ปรากฏ.... (ซึ่งก็เนื่องมาจากความซื่อ(บื้อ)ของผมเองด้วยแหละ) เพราะว่าค่าใช้จ่ายมันไม่ค่อยพอ ผมเลยอยากรับจ๊อบสอนพิเศษ รับติวอังกฤษใน พวก นศ. เอย หรือ นักเรียนมัธยมเอย อะไรแบบนี้ ก็คิดว่าเราน่าจะไปปรึกษา ผจก. เค้าได้ ในเมื่ออยู่กันแบบครอบครัวเราก็น่าจะรอมชอมให้กันได้

ปรากฏว่า เมื่อผมไปปรึกษาเรื่องนี้ว่า อาจจะขอทำกะดึกวันศุกร์ ซึ่งจะได้ออกกะเช้าวันเสาร์ (กะว่ากลับไปนอนตอนเช้า ตกบ่ายตื่นมาค่อยไปติว นศ.ที่ร้านกาแฟชิวๆ) และขอวันหยุดเป็นวันอาทิตย์ ซึ่ง ณ. งานหน้าฟร้อนท์ก็กำหนดว่าให้ผมหยุดวันอาทิตย์อยู่แล้ว

โป๊ะเชีะ ปรากฏว่า ผจก. ท่านไม่ปลื้มเลย ไม่ปลื้มเลยแม้นแต่น้อย!!

ท่านเรียกหัวหน้าฟร้อนท์เข้าไปอบรมเป็นการใหญ่ (ภาษาชาวบ้านเรียกด่า) อารมณ์ประมาณว่า จะมาเอื้อผลประโยชน์ให้ผมคนเดียวได้ยังไง ซึ่งหัวหน้าฟร้อนท์ก็เถียงว่า นั่นมันวันหยุดผมอยู่แล้ว แถมวันศุกร์ก็เป็นวันหยุดปกติของกะดึกอยู่แล้ว จัดวางคนไว้ถูกอยู่แล้วคร่ะ

แต่ผจก. ทานไม่ฟังเหตุผล เอาแต่ด่าเปิง หาว่าถ้ารับสองจ๊อบผมจะไม่เต็มที่กับงานฟร้อนท์ อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด
ตกเย็นวันนั้น ผจก. ท่านก็ประกาศว่าผมไม่ผ่าน การฝึกงาน ให้ทำต่ออีกเดือนแล้วออก (อารมณ์ตอนนั้นคงประมาณว่าไล่ออกไม่ได้ เพราะไฮซีซั่นแขกเยอะ)

พี่ฟร้อนท์แกก็มาบอกว่า มีอะไรทำไมไม่คุยพี่ก่อน ไปคุยกับ ผจก. ก่อนแบบนี้ แกจิตไม่ปรกตินะ
ผมก็ว่า เอ้าพี่? ก็ไหนว่าเราอยู่กันเป็นครอบครัว เราก็น่าจะคุยกันได้ไม่ใช่เหรอ?
น้องที่เป็นฟร้อนท์มาก่อนก็เลยเอ่ยวิวาทะที่ผมจำได้ทุกวันนี้มาว่า "ครอบครัวดีๆมันก็มี ครอบครัวยิ้มยิ้มมันก็มีนะพี่"

โอ่วววว เชี่ยททท!!

ผมก็เลยโอเค ยอมรับก็ได้ ในฐานะหัวหน้างานเราย่อมไม่อยากได้คนที่รับจ๊อบนอก เพราะอาจจะไม่เต็มที่กับงานเรา เรามันผิดเองจะไปพูดว่าเราไม่ไปรับจ๊อบนอกก็ไม่ทันละ เพราะว่า ผจก. แกประกาศรับฟร้อนท์ใหม่ทันที

เชื่อมั้ยครับ หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน "ครอบครัว" ที่ผมหมายมั่นจะทำให้ดีขึ้น กลับแสดงให้เห็นถึงความ..... ยิ่งกว่าสามก๊กรบกันซะอีก!!

เพิ่งมาถึงบางอ้อว่า เอ้อ!! การเมืองในที่ทำงานมันก็มีจริงๆนะ เพียงแต่ ผู้บริหารนอกจากจะให้ตังน้อยแล้ว ยังหาเรื่องหักตัง พนง. อีกไม่ว่างเว้นแต่ละวัน (พี่หัวหน้าฟร้อนท์สาธยายให้ฟัง พร้อมโชว์หลักฐาน) ยัดเยียดงานจิปาถะแม่บ้านให้ทำ เช่นถูพื้น และหากมัวแต่ถูพื้นไม่ทันมองว่ามีแขกมาหน้าฟร้อนท์ก็โดนหักตัง!!
และที่บอกว่ารบกันมันส์ยิ่งกว่าสามก๊ก เพราะ ฝ่าย ผจก. จะมีผู้ช่วยขันที (พี่หัวหน้าฟร้อนท์ตั้งฉายาให้ เพราะผู้ช่วย ผจก. เป็นนางฟ้าข้ามเพศ) ที่คอยมาสืบว่าพวกฟร้อนท์ตั้งใจทำงาน หรือนินทาเจ้านายกันหรือเปล่า (มีครั้งนึงเห็นจะๆว่ามาแอบฟังที่หลังประตู โอ่ว คุณพระ!!)  แต่ที่เหลือเชื่อคือต่างฝ่ายต่างจะใส่หน้ากากเข้าหากันแบบต่อหน้าพูดกันดีชวนนั่นนี่ แฮงเอ้าท์ ช็อปปิ้งสัพเพเหระ ลับหลังมา นินทาเละ ชนิดที่แบบว่า เฮ้ยพี่!! ตะกี้พี่เพิ่งเจรจาต๊ะอวยกันอยู่เลยนะว้อย!!

และแน่นอนขนาดคนในยังเละ ผมที่เหมือนลูกนอกสมรสรอวันเดินออกไปจะเหลือเรอะ!?

ทุกๆพฤติกรรมของผมจะถูก ผจก. และ ผู้ช่วย ตีความในแง่ร้ายเสมอๆ

เช่น เมื่อผมยกมือแล้วยิ้มให้ ผจก. แม้เขาจะไม่รับไหว้และเชิดใส่ก็ตาม แต่ ผจก. เอาไปด่าหัวหน้าฟร้อนท์ว่าผมอะ "ยิ้มหยาม เหมือนเยียบหน้าเขา!!"
ว๊อท!! อะไรวะ!! แค่ยิ้มยังผิดเลยเหรอวะ!!

ที่รับไม่ได้คือขันทีเอาไปนินทาว่า ผมมองแกด้วยสายตาหื่นกระหาย กลัวผมจะจับข่มขืน
.....พ่อง!! - -"

หนึ่งเดือนแห่งความทุกข์ทรมาณผ่านไป (แต่พวกพี่น้องในฟร้อนท์ก็ยังติดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้)

ออกจากงานนั้นมาก็ ได้มาอีกที่นึง เป็น สนง. เอกชนแห่งหนึ่ง
อิตอนไปสัมภาษณ์ ก็ได้ยินอีกละว่า "เราเป็นครอบครัวนะ อยู่กันแบบครอบครัว เราจะรักกันดูแลกัน"

......พอได้ยินแบบนั้น ผมเองก็ตะหงิดๆละว่า..... เอ่อ.... ขอให้อย่าเป็นครอบครัวยิ้มแบบโรงแรมนั่นเล้ย สาธู้วววววว

...ผลปรากฏว่า....
คำอธิษฐานของผมเป็นจริงครับ......

เพราะว่า...... ครอบครัวนี้ แม่ม ยิ้ม ยิ่งกว่าซะอีก!!
ที่โรงแรมยังว่า ผมได้ท่องไปในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ซักสองสามวัน แต่ที่นี่ มาแค่วันแรกก็รู้ซึ้งถึงรสพระธรรมซะแล้ว

สนง. เป็น สนง. เล็กๆครับ ประกอบด้วย ผจก. คนนึง บัญชี คนนึง พนักงานสองคน และแม่บ้าน อีกหนึ่งคน อาจจะมาเพิ่มจากออฟฟิศอื่นก็แล้วแต่ว่า หน้างานจะมากน้อยแค่ไหน

เริ่มเช้ามา ผมก็มาถึงก่อนเวลาเริ่มงานซักเล็กน้อย ตรงนี้ก็ไม่มีแปลกอะไรครับ
แต่ความแปลกมันเริ่มที่ แม่บ้านตามมาก่อน และเริ่มนินทาคนนั้นคนนี้ให้ฟังจนครบ ไล่ตั้งแต่ ผจก. ยัน พนักงาน และ ความตลก ก็เริ่มขึ้นที่พอใครเข้ามา เค้าก็จะเลิกนินทาคนๆนั้นและ ชวนกันนินทาคนที่ยังไม่มา จนครบเลยทีเดียว

ตอนนินทานี่อารมณ์หมือนเกลียดกันชนิดจะเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งมิได้ได้ผุดได้เกิดกันเลยทีเดียว แต่พออยู่ต่อหน้า โอ้ยยย พี่ครับ อุ้ย น้องขา ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน....

เอาง่ายๆคือวันแรก ผมรู้หมดเลย ว่า พนง. สีรุ้งคนนั้นมีสามีมาแล้วกี่คน พนง. คนนี้มีกิ๊กซุกกี่คน แม่บ้านกลับก่อนเหรอ? อ่า แม่บ้านไปแอบชอบสามีชาวบ้าน

โฮ้หลี่ฟักกิ่งเชี่ยยยยททททท!!

เอาวะ..... ท่องเข้าไว้ อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ..... บลาๆๆๆ
ถึงจะไม่เคยเจอ ครอบครัวนินทากันก็เหอะวะ - -"

ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานส่วนใหญ่แล้ว (สหรับผมนะ) มันมาจากเราโดนกินแรงเอาเปรียบนั่นแหละครับ และคนๆนั้นก็มักจะเป็น รุ่นพี่เกย์ท่านนึงในที่ทำงาน (บอกเลยนะครับว่า เพื่อนข้ามเพศสีรุ้งผมมีเยอะมากและไม่ได้มีอคติต่อพวกเพศที่สามเลย แถมยังชอบไปดูสาวๆไปเกณฑ์ทหารทุกปี 55555)

แต่ท่านพี่เกย์ท่านนี้ ทุกคนสาธยายความดีให้ฟัง ในความล่าช้า สะเพร่า และ ชอบโยนขรี้
ในออฟฟิศวันๆพี่แกก็ทำตัวเหมือนที่ทุกคนสาธยายให้ฟัง กล่าวคือ นั่งดู/โหลดคลิปผู้ชายจนๆไม่มีอะไรใส่ หรือใส่แค่ กกน. ตัวเดียว พอจะหมดวันก็ เซลฟี่ แคปชั่นว่า "วันนี้ทำงานเหนือยจุง" ท่ามกลางเอกสารเต็มโต๊ะ (ซึ่งก็เพราะพี่แกไม่ทำนั่นแหละ มันเลยกองเต็มโต๊ะ)

แต่ด้วยความที่อยู่เป็น ต่อหน้า ผจก. พี่แกก็จะขยันขันแข็งชนิดมิอาจหาใครในออฟฟิศเทียบติดได้ จนผมอยากจจะจุดธูปเรียกให้ ผจก. มาเข้าออฟฟิศทุกๆวัน... ซึ่ง ผจก.แกมีความอินดี้คือชอบเข้างานสาย บางวันก็ไม่เข้าซะงั้น - -"

ผมไปถึงก็นั่งทำงาน ทำๆๆๆ คนอื่นก็นินทากันไป นินๆๆๆๆ ในความเฮี่ย คือ พอผมทำงานของตัวเองนเสร็จ จะโดนคนอื่นโยนงานมาให้ทำ ซึ่งเมื่อภาระงานไม่มีพวกพี่แกก็จะนั่งนินทากันต่อไปเสมือนหนึ่งเป็นวงจรชีวิต หยุดทำไม่ได้

ที่เฮี่ยวกว่าคือ พอผมทำงานจนเสร็จ เลยได้นั่งว่าง พอตอนนั้นผจก.เข้ามาป๊าบบบบบ

อะ.... ผมนั่งว่าง..... คนอื่นนั่งทำงาน......

และที่ เฮี่ยที่สุดคือ คุณพี่เกย์แกชอบมาโยนงานเอาอิตอนจะเลิกงานแล้วนั่นแหละครับ

"น้อง เอาเอกสารนี่ไปทำต่ออีกหน่อยนะ" พี่แกโบ้ยงานมาพลางกระชับกระเป๋า

ในใจผมนึกว่า Animal!! แต่ปากกลับบอกว่า "ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมทำให้" (เตรียมตัวจะกลับเหมือนกัน)

"เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่ต้องใช้แล้วนะ" ในใจคือ แล้วทั้งวันคุณมิงไม่ทำฟะวะครับ มาบอกเอาอตอนจะกลับ "งั้นพี่ฝากด้วยนะ พี่รีบไปธุระ"

ซึ่งในไม่ถึงครึ่ง ชั่วโมงต่อมา พี่แกก็อัพสถานะว่าไปดินเนอร์ลั้นล้าจร๊าาาาาาา
หลั่นลั้นลา เอ้า หลั่นลั้นลา ออฟฟิศเหลือผมคนเดียวผมเลยอุทานชื่อผักตระกูลแตง ก่อนจะเดินไปหาเสบียงมาตุน และ ถ่ายเซลฟี่ประชดชีวิตบ้าง

"อาหารพร้อม งานพร้อม เราทำได้!!" โพสไปปุ๊บ นั่งทำงานไปได้ซักสองชั่วโมง ผมก็โดนโทรบอกให้กลับบ้านทันที....

เรื่องของเรื่องก็คือ ผจก. แกแอบเช็คเฟส พนง. ทุกคนเป็นประจำ (ร้ายไม่เบา) และจำได้ว่า นั่นมันงานพี่เกย์แก และทุกคนในออฟฟิศซวยหมด โดนหาว่าทำไมไม่ช่วยงานผม

ท้ายที่สุด คนที่โดนโกรธ คือตูอีก - -" (อะไรแว๊??)

และนี่ก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง (เสี้ยวนึงจริงๆนะ ถ้าให้เล่าหมดนี่คงแต่งเป็นหนังสือได้อะ) ที่ผมได้เจอะเจอมากับ สถานที่ทำงานที่ "อยู่กับแบบครอบครัว"
.....แล้วคุณล่ะครับ เคยเจออะไรแบบนี้บ้างมั้ย? มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่