สร้างเซอร์ไพร์ที่อเมริกา ด้วยหนังต้นทุนต่ำ 4.5 ล้าน แต่ทุบสถิติบ็อกออฟฟิศกว่า 150 ล้านเหรียญ
หนังเรี่องแรกของ ผกก. Jordan Peele ที่ชาวอเมริกันรู้จักกันในฐานะนักแสดงตลก แต่คราวนี้เขากลับทำหนังแนวระทึกขวัญ
เรื่องย่อง่ายๆ (ที่พันทิปแปะไว้)
เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มอเมริกันผิวสีที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านของแฟนสาวซึ่งเป็นคนผิวขาว เขาเริ่มติดอยู่ในกับดักของเหตุผลแท้จริงที่น่าขนลุก ของการเชิญเขาไปที่บ้าน เมื่อคริส (แดเนียล คาลูยา จากเรื่อง SICARIO) กับโรสแฟนสาวของเขา (อัลลิสัน วิลเลียมส์ จากซีรีส์เรื่อง Girls) พัฒนาความสัมพันธ์มาถึงจุดที่ไปเยี่ยมบ้านของพ่อแม่แฟน เธอจึงชวนเขาไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่บ้านของพ่อแม่เธอ คือมิสซี (แคเธอรีน คีเนอร์ จาก Captain Phillips) และดีน (แบรดลีย์ วิทฟอร์ด จาก The Cabin in the Woods) ทางตอนเหนือของรัฐ ตอนแรก คริสอ่านท่าทีเอื้ออารีที่ดูมากเกินของครอบครัวนี้ ว่าเป็นเพราะความประหม่าในการรับมือกับความสัมพันธ์ของลูกสาวกับหนุ่มต่างสีผิว แต่เมื่อเวลาช่วงสุดสัปดาห์ยิ่งผ่านไป การค้นพบสิ่งที่สร้างความกังวลใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็นำเขาไปพบกับความจริงที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เรื่องก็เป็นแบบนี้ล่ะ เมื่อดูจบ ตอนแรกๆ ก็แบบ เอ๊ะ? มันก็สนุกดีนะ แม้ว่าอาจดู Straightforward ไป เดาง่ายเกินกว่าแนวปริศนาระทึกขวัญ แต่เมื่อค่อยๆ ใช้เวลาย่อยและสนทนากับเพื่อนต่างชาติ พบว่ามันน่าทึ่งมาก ที่มี Layers และ Subtle Hints ซ่อนอยู่มากในหนัง จนผมไม่แปลกใจเลยว่ามันเป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไปและนักวิจารณ์ชาวอเมริกัน เช่น
-ฉากรถพระ-นางเอก ชนกวาง แล้วตำรวจมาขอดู ID-Card นางเอกเถียงตำรวจว่า เห็นเป็นคนดำเลยสงสัยรึไง แท้จริงแล้วนางเอกไม่ต้องการให้ตำรวจรู้ข้อมูลเพราะเมื่อเกิดเหตุคนหาย จะมีร่องรอยให้ตามตัวได้
-ในฉากเดียวกันนั้นเอง นางเอกผู้ซึ่งรักสุนัข กลับตะโกนถามคริสเชิงต่อว่า ว่าลงไปดูกวางทำไม สื่อให้เห็นว่าแท้จริงนางไม่เป็นห่วงกวางซึ่งขัดกับภาพลักษณ์รักสัตว์ของนาง ตรงกับ Hint ของพ่อนางเอกที่ว่าเกลียดกวาง และครอบครัวนี้คงมีการล่ากวางเป็นประจำ
-ฉากจ้องมองตากวางที่กำลังจะตาย สื่อถึงวัยเด็กของเขาที่ปล่อยให้แม่ตายโดยไม่ทำอะไร (และฉากที่เขาโดนจับขังในห้องใต้ดิน ก็มีหัวกวางจ้องมองคริสกำลังจะตาย แต่เขาก็รอดออกมาได้)
-ฉากสนทนาของคริสกับพ่อนางเอก ที่บอกว่าปู่นางเอกเคยวิ่งคัดโอลิมปิกแพ้ Jesse Owens นักวิ่งชาวผิวดำ ทำให้ปู่นางเอกอิจฉาคนดำที่มีพันธุกรรมร่างกายที่แข็งแกร่งกว่า สื่อว่าแท้จริงคนขาวในเรื่องไม่ได้รังเกียจคนดำ แต่แท้จริงกลับยกย่องเสียจนอยากจะได้ร่างกายพวกเขามาเป็นของตัวเอง
-หนังสร้างให้ตัวร้ายเป็น Liberal ขัดกับภาพ Conservative ทั่วไปที่เหยียดคนดำ เช่น พ่อนางเอกบอกว่าถ้าเลือกโอบาม่าเป็นสมัยที่สามได้ก็จะเลือก ทั้งที่หัวข้อการสนทนาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองเลย หรือคนขาวในงานเลี้ยงคนนึงกล่าวว่า ยุคก่อนคนขาว แต่ยุคนี้ยิ่งดำ ยิ่งดำยิ่งดี เป็นการสะท้อนปัญหาแนวคิด Liberalism กับการวางตัวต่อคนดำ ว่าแท้จริงแล้วคนดำอาจไม่ต้องการคำยกยอเพราะทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ แต่คนขาวเข้าใจว่าการพูดเช่นนั้นจะสามารถตีสนิทกลุ่มคนดำได้
-ฉากที่คนใช้ชายวิ่งตอนกลางคืน สื่อถึงปู่นางเอกในร่างคนดำ ว่าอยากรู้ว่าคนดำจะวิ่งไปดีแค่ไหน
-ฉากคนใช้หญิงร้องไห้ สื่อถึงส่วนหนึ่งในจิตใต้สำนึกของหล่อน ที่สมองคุณย่าสั่งไม่ได้
-ฉากหักมุมในเรื่องคือ พระเอกเจอรูปคอลเลคชั่นแฟนคนดำของนางเอก หนังพยายามโน้มให้คนดูเชื่อว่านางเอกตกเป็นเหยื่อ โดนแม่สะกดจิตให้ลืมแฟนคนดำก่อนๆ ซึ่งหนึ่งในฉากที่แสดงออกมาได้เยี่ยมคือฉากคริสขอกุญแจรถจากนางเอก ถ้าสังเกตช่วงค้นกระเปําจะพบเสียงกุญแจกระทบ ซึ่งคริสคงได้ยิน แต่ก็พยายามเชื่อว่าหล่อนเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเขา หลังจากนั้นทุกอย่างก็หักมุม
-คริสที่ถูกจับขังในห้องใต้ดิน เอาตัวรอดได้เพราะ "ผ้าฝ้ายอุดหู" เป็นข้อความที่ขัดแย้งว่า สมัยก่อนอิสรภาพของคนดำถูกขัง เพราะถูกใช้งานปลูกฝ้าย แต่ในหนัง อิสรภาพของคริสเริ่มต้นจากใยผ้าฝ้ายของโซฟา
-ฉากพระเอกแก้แค้นคนในครอบครัวนางเอก เรียกว่าหมองูตายเพราะงูเลย เพราะ
=พ่อนางเอกที่เกลียดกวาง ตายเพราะเขากวาง
=แม่นางเอกที่ใช้ช้อนและถ้วยสะกดจิต ก็โดนพระเอกใช้ช้อนชาแทงตาย
=พี่นางเอกที่ข่มคริสว่าเก่งยิวยิตสูในช่วงดินเนอร์ เพราะเป็นศิลปะที่คิดล่วงหน้าสองสามจังหวะ ก็ตายเพราะคริสคิดล่วงหน้าว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะเปิดประตู อีกคนก็จะใช้ขาถึบเพื่อปิดเสมอ แล้ววางแผนซ้อนกลับ
-ฉากคริสขับรถหนีแล้วชนคนใช้หญิง สื่อถึงพัฒนาการทางจิตใจว่าแต่ก่อนเขาเลือกที่จะปล่อยแม่ตาย แต่ตอนนี้เขาจะช่วย (อาจเพราะคนผิวเดียวกัน หรือคริสยังหวังว่าจะมีหนทางช่วยนาง) แม้ว่าจะเสี่ยงเป็นผลร้ายต่อเขาก็ตาม
-ฉากตอนนางเอกโดนยิงแล้วคริสมาบีบคอ ที่นางยิ้มเพราะว่าคริสเปลี่ยนไปจากคนดำติ๋มๆ ไม่ค่อยถือสาคนมาพูดเหยียดสีผิว กลายเป็นอสูรร้ายแบบที่พี่นางเคยบอก (ว่าร่างกายคริสถ้าเทรนด์ดีๆ จะโหดมาก) แต่ท้ายที่สุด คริสเลือกที่จะเดินออกไปแล้วปล่อยให้เธอค่อยๆ ตายบนถนน เหมือนกับที่แม่ของเขาตาย แต่ครั้งนี้ต่างกันคือ ครั้งนั้นเขารู้สึกผิดมากที่ไม่ช่วย ในทางกลับกัน ครั้งนี้เขารู้สึกโล่งใจ เหมือนปลดปล่อยทุกอย่างออก
ใครมีอะไรเสริมเพิ่มเติ่ม มาสนทนากันได้นะครับ
[กะเทาะเปลือกให้ถึงแก่น] Get Out หนังที่ให้มากกว่าระทึกขวัญ วิเคราะห์ข้อความที่ซ่อนในเรื่อง จนทำให้คุณอึ้ง!!!
หนังเรี่องแรกของ ผกก. Jordan Peele ที่ชาวอเมริกันรู้จักกันในฐานะนักแสดงตลก แต่คราวนี้เขากลับทำหนังแนวระทึกขวัญ
เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มอเมริกันผิวสีที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านของแฟนสาวซึ่งเป็นคนผิวขาว เขาเริ่มติดอยู่ในกับดักของเหตุผลแท้จริงที่น่าขนลุก ของการเชิญเขาไปที่บ้าน เมื่อคริส (แดเนียล คาลูยา จากเรื่อง SICARIO) กับโรสแฟนสาวของเขา (อัลลิสัน วิลเลียมส์ จากซีรีส์เรื่อง Girls) พัฒนาความสัมพันธ์มาถึงจุดที่ไปเยี่ยมบ้านของพ่อแม่แฟน เธอจึงชวนเขาไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่บ้านของพ่อแม่เธอ คือมิสซี (แคเธอรีน คีเนอร์ จาก Captain Phillips) และดีน (แบรดลีย์ วิทฟอร์ด จาก The Cabin in the Woods) ทางตอนเหนือของรัฐ ตอนแรก คริสอ่านท่าทีเอื้ออารีที่ดูมากเกินของครอบครัวนี้ ว่าเป็นเพราะความประหม่าในการรับมือกับความสัมพันธ์ของลูกสาวกับหนุ่มต่างสีผิว แต่เมื่อเวลาช่วงสุดสัปดาห์ยิ่งผ่านไป การค้นพบสิ่งที่สร้างความกังวลใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็นำเขาไปพบกับความจริงที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เรื่องก็เป็นแบบนี้ล่ะ เมื่อดูจบ ตอนแรกๆ ก็แบบ เอ๊ะ? มันก็สนุกดีนะ แม้ว่าอาจดู Straightforward ไป เดาง่ายเกินกว่าแนวปริศนาระทึกขวัญ แต่เมื่อค่อยๆ ใช้เวลาย่อยและสนทนากับเพื่อนต่างชาติ พบว่ามันน่าทึ่งมาก ที่มี Layers และ Subtle Hints ซ่อนอยู่มากในหนัง จนผมไม่แปลกใจเลยว่ามันเป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไปและนักวิจารณ์ชาวอเมริกัน เช่น
-ฉากรถพระ-นางเอก ชนกวาง แล้วตำรวจมาขอดู ID-Card นางเอกเถียงตำรวจว่า เห็นเป็นคนดำเลยสงสัยรึไง แท้จริงแล้วนางเอกไม่ต้องการให้ตำรวจรู้ข้อมูลเพราะเมื่อเกิดเหตุคนหาย จะมีร่องรอยให้ตามตัวได้
-ในฉากเดียวกันนั้นเอง นางเอกผู้ซึ่งรักสุนัข กลับตะโกนถามคริสเชิงต่อว่า ว่าลงไปดูกวางทำไม สื่อให้เห็นว่าแท้จริงนางไม่เป็นห่วงกวางซึ่งขัดกับภาพลักษณ์รักสัตว์ของนาง ตรงกับ Hint ของพ่อนางเอกที่ว่าเกลียดกวาง และครอบครัวนี้คงมีการล่ากวางเป็นประจำ
-ฉากจ้องมองตากวางที่กำลังจะตาย สื่อถึงวัยเด็กของเขาที่ปล่อยให้แม่ตายโดยไม่ทำอะไร (และฉากที่เขาโดนจับขังในห้องใต้ดิน ก็มีหัวกวางจ้องมองคริสกำลังจะตาย แต่เขาก็รอดออกมาได้)
-ฉากสนทนาของคริสกับพ่อนางเอก ที่บอกว่าปู่นางเอกเคยวิ่งคัดโอลิมปิกแพ้ Jesse Owens นักวิ่งชาวผิวดำ ทำให้ปู่นางเอกอิจฉาคนดำที่มีพันธุกรรมร่างกายที่แข็งแกร่งกว่า สื่อว่าแท้จริงคนขาวในเรื่องไม่ได้รังเกียจคนดำ แต่แท้จริงกลับยกย่องเสียจนอยากจะได้ร่างกายพวกเขามาเป็นของตัวเอง
-หนังสร้างให้ตัวร้ายเป็น Liberal ขัดกับภาพ Conservative ทั่วไปที่เหยียดคนดำ เช่น พ่อนางเอกบอกว่าถ้าเลือกโอบาม่าเป็นสมัยที่สามได้ก็จะเลือก ทั้งที่หัวข้อการสนทนาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองเลย หรือคนขาวในงานเลี้ยงคนนึงกล่าวว่า ยุคก่อนคนขาว แต่ยุคนี้ยิ่งดำ ยิ่งดำยิ่งดี เป็นการสะท้อนปัญหาแนวคิด Liberalism กับการวางตัวต่อคนดำ ว่าแท้จริงแล้วคนดำอาจไม่ต้องการคำยกยอเพราะทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ แต่คนขาวเข้าใจว่าการพูดเช่นนั้นจะสามารถตีสนิทกลุ่มคนดำได้
-ฉากที่คนใช้ชายวิ่งตอนกลางคืน สื่อถึงปู่นางเอกในร่างคนดำ ว่าอยากรู้ว่าคนดำจะวิ่งไปดีแค่ไหน
-ฉากคนใช้หญิงร้องไห้ สื่อถึงส่วนหนึ่งในจิตใต้สำนึกของหล่อน ที่สมองคุณย่าสั่งไม่ได้
-ฉากหักมุมในเรื่องคือ พระเอกเจอรูปคอลเลคชั่นแฟนคนดำของนางเอก หนังพยายามโน้มให้คนดูเชื่อว่านางเอกตกเป็นเหยื่อ โดนแม่สะกดจิตให้ลืมแฟนคนดำก่อนๆ ซึ่งหนึ่งในฉากที่แสดงออกมาได้เยี่ยมคือฉากคริสขอกุญแจรถจากนางเอก ถ้าสังเกตช่วงค้นกระเปําจะพบเสียงกุญแจกระทบ ซึ่งคริสคงได้ยิน แต่ก็พยายามเชื่อว่าหล่อนเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเขา หลังจากนั้นทุกอย่างก็หักมุม
-คริสที่ถูกจับขังในห้องใต้ดิน เอาตัวรอดได้เพราะ "ผ้าฝ้ายอุดหู" เป็นข้อความที่ขัดแย้งว่า สมัยก่อนอิสรภาพของคนดำถูกขัง เพราะถูกใช้งานปลูกฝ้าย แต่ในหนัง อิสรภาพของคริสเริ่มต้นจากใยผ้าฝ้ายของโซฟา
-ฉากพระเอกแก้แค้นคนในครอบครัวนางเอก เรียกว่าหมองูตายเพราะงูเลย เพราะ
=พ่อนางเอกที่เกลียดกวาง ตายเพราะเขากวาง
=แม่นางเอกที่ใช้ช้อนและถ้วยสะกดจิต ก็โดนพระเอกใช้ช้อนชาแทงตาย
=พี่นางเอกที่ข่มคริสว่าเก่งยิวยิตสูในช่วงดินเนอร์ เพราะเป็นศิลปะที่คิดล่วงหน้าสองสามจังหวะ ก็ตายเพราะคริสคิดล่วงหน้าว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะเปิดประตู อีกคนก็จะใช้ขาถึบเพื่อปิดเสมอ แล้ววางแผนซ้อนกลับ
-ฉากคริสขับรถหนีแล้วชนคนใช้หญิง สื่อถึงพัฒนาการทางจิตใจว่าแต่ก่อนเขาเลือกที่จะปล่อยแม่ตาย แต่ตอนนี้เขาจะช่วย (อาจเพราะคนผิวเดียวกัน หรือคริสยังหวังว่าจะมีหนทางช่วยนาง) แม้ว่าจะเสี่ยงเป็นผลร้ายต่อเขาก็ตาม
-ฉากตอนนางเอกโดนยิงแล้วคริสมาบีบคอ ที่นางยิ้มเพราะว่าคริสเปลี่ยนไปจากคนดำติ๋มๆ ไม่ค่อยถือสาคนมาพูดเหยียดสีผิว กลายเป็นอสูรร้ายแบบที่พี่นางเคยบอก (ว่าร่างกายคริสถ้าเทรนด์ดีๆ จะโหดมาก) แต่ท้ายที่สุด คริสเลือกที่จะเดินออกไปแล้วปล่อยให้เธอค่อยๆ ตายบนถนน เหมือนกับที่แม่ของเขาตาย แต่ครั้งนี้ต่างกันคือ ครั้งนั้นเขารู้สึกผิดมากที่ไม่ช่วย ในทางกลับกัน ครั้งนี้เขารู้สึกโล่งใจ เหมือนปลดปล่อยทุกอย่างออก
ใครมีอะไรเสริมเพิ่มเติ่ม มาสนทนากันได้นะครับ