ปฎิบัติธรรม แล้ว เจองูจงอางขนาดใหญ่กลางป่าขุนเขา....

กระทู้สนทนา

เรื่องนี้ เป็นเรื่องนานมาแล้วนะครับ แต่ข้าพเจ้ายังจำได้ดี

คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ในสมัยที่ข้าพเจ้าไช่ชีวิตอยู่ในสมณะเพศ ครั้งหนึ่งกลางป่า กลางหุบเขา แต่ผู้เดียว แต่ก็พอมีเพื่อนที่เป็นสัตว์อยู่บ้าง ก็คือนกนาๆชนิด ที่มีสีสันแปลกตา

กระรอก กระแต ลิงก็พอเจอบ้างแต่น้อย แล้วตัว ชะมด ที่เกล็ดมันแข็งๆนี่ก็เจอนะ แต่ที่เจอทุกวันก็คืองูพิษ มีหลายพันธ์ หลายชนิดมาก อันนี้เจอประจำเลยนะ เจอจนชิน ถ้า

โดนกัด ก็เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย เพราะอยู่ห่างจากหมู่บ้านมาก ท่องคาถาคำเดียวไว้ได้เลยนะ ตายแน่ๆ ตายแน่ๆ ไม่รอดแน่ๆ เป็นผีแน่ๆ

การอยู่กลางป่า กับสัตว์ร้ายนาๆชนิด และการอยู่รูปเดียวหรือคนเดียว สติต้องดีๆนะ และสติกล้าแข็ง (ฝึกไห้มีเกิดขึ้นได้)

ใจต้องอยู่กับปัจจุบันขณะ(พยายามไห้ใจอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอด 24ชม. ไห้ใจอยู่กับปัจจุบัน เป็นคนตื่นตัว เป็นการฝึกสตินะ)

หรือแม้แต่ถ้าปล่อยใจฟุ้งซ่าน คิดอยู่คนเดียว ปรุงแต่งอยู่คนเดียว

หรือที่เรียกกันว่าสมองไหลอาจจะบ้าเอาได้นะครับ เพราะไม่มีใครคอยตัก คอยเตือนเรา

เช้าถึงเย็น เย็นถึงเช้า ถ้าข้าพเจ้าไม่ทักทายพูดคุยกับโยมที่มาใส่บาต เวลาลงจากเขา เข้าไปในหมู่บ้าน

วันนั้นทั้งวันไม่ต้องพูดกับ

ใคร เพราะไม่รู้จะไปคุยกับใคร เพราะอยู่คนเดียว มีแต่ป่าเขานะ

และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเห็น ได้ยิน หรือรู้สึกสัมผัส...

อย่างแรกเลยก็คือต้องมีสตินะ ตั้งสติไห้ได้ ความกลัว อาการตื่นเต้น ต้องขจัดออกไปก่อน อย่าไห้ใจเสีย

อย่าตื่นเต้นจนคุมสติไม่อยู่ ใจต้องเย็น ทำใจเป็นปกติ

แล้วดูไห้รู้ชัดนะ ว่าอะไร คืออะไรกันแน่ แล้วเราจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เราเห็น

หรือเกิดขึ้น ในขณะนั้น (เพราะพบห็น สิ่งแปลกๆอยู่เรื่อย)

ข้าพเจ้าไช้ชีวิตอยู่ในป่า ไม่มีไฟฟ้า ตอนกลางคืนก็อาศัยแสงเทียน แท่งเล็กๆ ช่วยสองแสงยามค่ำคืน

ที่ผมมีติดตัวอีกอย่างก็คือไฟฉายเก่าๆกระบอก

เล็กๆ และเครื่องมือสุดไฮเท็คก็แค่

นาฬิกาดิจิตอลเก่าๆ ที่ไม่มีสายเรือนหนึ่งเท่านั้นเอง ไช้ชีวิตแบบพระที่ไม่ยึดติดจริงๆ อายุผมยี่สิบกว่าๆนะตอนนั้น แต่ใจชอบมาทางนี้ ใจรักทางนี้

แบบว่าเคยอ่านหนังสือประวัติพระธุดงธงมา ก็อยากลอง ประมาณนี้อะครับ (โดยเฉพาะหลวงปู่คำคะนิงเดินธุดงแถวแม่น้ำโขง เที่ยวเมืองพญานาค นี่ผมชอบมาก) แล้วก็

หลวงปู่ หลวงพ่อ อีกหลายองค์ด้วยกัน

มีอยู่วันหนึ่ง ข้าพเจ้า กลับจากบิณทบาต เดินลัดทุ่งไร่ เดินกำหนดสมาธิจิต บางช่วงจิตเข้าสมาธิลึก ต้องถอยกำลังจิตออกมา ขณะกำลังขึ้นเขา ที่พำนักสงฆ์ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงลมหายใจใกล้ๆ เหมือนกับอยู่ข้างหู (ดังฟึ๊ดฟ๊าดๆ แรงมาก)

ของใครสักคนบริเวณโขดหินใกล้ๆ แต่ทำไม?มันดังจัง ดังเหมือนขู่ ผมก็เงยหน้าขึ้นไปดู โห! ท่าน ผมจะเอ๋ กับ งูจงอางป่า ขนาดใหญ่

เกล็ดมันดำระยับเมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ ตัวมันเกือบเท่าเสาบ้านเห็นจะได้ มันแลบลิ้น แพลบๆ เห็นในระยะประชั้นชิดติดตัว ได้กลิ่นแม้กระทั่งสาปสางของตัวงู

(สงสัยเกิดจากการที่กินงูเป็นๆเข้าไป) โห!!หน้าตามันทำไม (ผมรู้สึกนะ) ช่างน่ากลัว ดุร้าย แววตาก็ดุร้ายอะไรเช่นนี้ หาความเป็นมิตรสักนิดไม่มีเลย

สมาธิ สติ ที่ฝึกมาดี ฝึกมาเป็นประจำ จะเห็นกันได้ รู้กันได้ก็ยามนี้แหละ มันไห้ผลจริงๆ มันรวมตัวโดยอัตโนมัติ แว๊บเดียวที่ใจหาย ใจข้าพเจ้า

หล่นวู๊บลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม

ใจหายแว๊บบเลย สติสัมปชัญญะไม่มีเหลือหลอ

ท่านเอ๋ย..

เท้าสองข้างทำท่าจะเผ่นโกยแนบ!! แต่แว๊บเดียวจริงๆนะ สติผมฟื้นกลับมาแจ่มใสจิตใจปกติมั่นคงดังเดิม

เหมือนสปริงที่ดีดตัวขึ้นในทันทีทันใดในบัดดล ข้าพเจ้าสงบนิ่ง นิ่งจนสงสัยในตัวเอง

ว่าทำไมเราสงบนิ่งเย็น ได้ดีขนาดนี้ พร้อมกันนั้น สติก็เข้าควบคุม รู้กาล อะไรควร ไม่ควร

นี่หรือคืออำนาจของสมาธิจิต ที่เราอุตส่าห์ฝึกฝนมา ได้มาแสดงผลระหว่างความเป็นกับความตาย

ที่ขีดขั้นด้วยเส้นผมบางๆ เส้นเดียวจริงๆ .....

ผมนึกในใจนะว่า ศีล สมาธิ วิปัสสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงผลถึงปานนี้เชียวหรือนี่ ผู้ปฏิบัติเองย่อมรู้ย่อมเห็นเอง ธรรมะของพระพุทธเจ้า ต้องลงมือทำ

เท่านั้นจึงจะเห็นผลได้

ไม่ไช่ภาษาพูด หรือวิเคราะห์ ตรึกตรองจากการอา่นจากตำรา ต้องน้อมนำมาปฏิบัติด้วย

ผมก็นิ่ง ต่างคน ต่างเผชิญหน้ากัน (ตอนนั้นเป็นพระอยู่นะ)
งูจงอาง เริ่มก่อนขยับตัว ร่างกายที่ยาวใหญ่ ขดไปมาอยู่บนพื้นกินเนื้อที่เป็นบริเวณกว้าง
สมาธิที่มีกำลังสูงมันคุมใจอยู่ ใจมั่นคงมาก ใจมันเลยกล้า การที่เราบวชพระ แล้วใจเราก็บวชด้วย
ผมนิ่ง ผมเฉยๆผมดูอาการมัน มันดูอาการผม แบบดูเชิงกันอยู่ ถ้ามันคิดจะฉก
ไม่ต้องตั้งท่า แค่อ้าปากก็กัดได้แล้ว ถ้าโดนมันกัดผมคิดในใจ
ท่านยมทูตรอยึ้มรับได้เลย

สักพักเจ้าจงอาง เจ้าแห่งป่าเขาลำเนาไพร ก็ขยับตัวอันยาวใหญ่เลื้อยเฉียด
ใบหูข้าพเจ้า จากไป ได้ยินเสียงใบไม้ ใบหญ้าแตกเป็นระยะ ระยะ เงียบหายเข้าไปในป่าลึก
นี่หรือคือชีวิตที่อยู่ในเงื้อมือพยามัจจุราช เป็นเช่นนี้เองหนอ

.....พระป่าการภาวนา เจริญสมาธิ เจริญสติ วิปัสสนาเป็นของคู่กันทิ้งไม่ได้ และอีกอย่างสำหรับผมแล้วนะ มันไม่มีอะไรจะทำด้วย
อากาศบนเขาสูง ระหว่างฤดูฝนย่างสู่ฤดูหนาวนี่
มันดีจริงๆ มันโปร่ง ลมพัดเย็นสดชื่นสบาย ป่าเขียวขจี สดชื่นจริงๆ มองทางไหนก็มีแต่ความสุข
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่