《ชีวิตใหม่ ที่ ไทเป: The Beginning》ตอนที่ 5

แม่ค้าขายสตรอเบอรี่: นี่ของเพิ่งมา 2 วันเองนะเนี่ย ขึ้นราไปบ้างแล้วสินะ งั้นคงขายไม่ได้ละ ต้องเอาออกจากตู้ทั้งหมด...
---

เราจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้านพร้อมสตรอเบอรี่แช่เย็น 2 กล่องแล้วแวะไปซื้อนมสดแกลลอนที่ Welcome Mart ขากลับเดินผ่านหน้าร้านผลไม้เดิม มองเข้าไปเห็นแม่ค้าคนเดิมกำลังง่วนกับตะกร้าสีน้ำเงิน

"เฮ้ย นั่นมันตะกร้าสตรอเบอรี่ขึ้นรานี่!" เห็นกล่องใสๆ สองสามกล่องมีสตรอเบอรี่บรรจุอยู่ ก็ชัดเจนเลย แม่ค้าคงเสียดายของ เลยเอามาคัดแยกใส่กล่องแช่ขายต่อ ในใจยังคิดว่าสตรอเบอรี่ที่กินไปตั้งแต่เมื่อวานก็เป็นล็อตที่ขึ้นรา แล้วแม่ค้าเอามาคัดขายใหม่หรือเปล่า?...

เสียดายของที่สั่งมาขาย เลยเอามาขายต่อคนอื่นให้อย่างน้อยคืนทุนกลับ แต่คนซื้อไปกินจริงๆ ได้อะไรไป... มันจะสร้างความเสียหายแผ่ขยายมากขนาดไหนในระยะยาว? แม่ค้าอาจจะไม่ได้คิดจุดนี้เลย...เพราะห่วงแต่ตัวเองว่าจะขาดทุน

วันนี้เลยได้คิดเรื่อง "ความเสียดาย"
มันโยงมาที่เรื่องความสัมพันธ์รัก

เราก็เป็นคนหนึ่งที่เสียดายของ เสียดายนั่นนี่ตลอด
แม้แต่ความสัมพันธ์ที่ผ่านร้อนหนาวมาโชกโชนครั้งก่อน ที่ทะเลาะกันบ่อยจนเลิกรากันหลายครั้ง แต่ก็ด้วยความที่เป็นคนให้สัจจะกับคำมั่นสัญญาสูง เลยกลับไปทำทุกทางให้มันเวิร์คตลอด ถึงแม้ว่าจะโกรธ เกลียด แค้น แต่มันก็มีความรัก ความผูกพันธ์อยู่แน่น เราเลยเสียดายถ้าจะต้องยอมแพ้ เสียดายถ้าต้องไปเริ่มใหม่ เพราะกว่าจะประคับประคองกันมาหลายเดือน มันก็ไม่ใช่ง่ายๆ

เพราะ เสียดาย เองฝ่ายเดียวเลยไม่ได้ดูว่า อีกฝ่ายเขาเสียดายความรักของสองคนด้วยหรือเปล่าน่ะสิ... เราเสียดายเองแต่จริงๆ แล้ว อีกฝ่ายเค้ารักเราตั้งแต่แรกหรือ?

มันต่างจากแม่ค้าสตรอเบอรี่ที่แม่ค้าไม่ได้กินสตรอเบอรี่ขึ้นราเอง เลยไม่ได้รับผลอะไร อย่างมากถ้าเจอคนที่เคี่ยวจริงๆ ก็อาจจะถูกแจ้งความ ออกสื่อประโคมข่าว (เพราะสื่อที่นี่แรงมากกับเรื่องความปลอดภัยของประชาชน) แต่ครั้งนี้โชคดีไม่เจอ รอดไป

ทีนี้ข้อต่างคือ เราเสียดายความสัมพันธ์นี้ และอยู่ในความสัมพันธ์นี้เอง พลังงาน เวลา ความรู้สึก น้ำตา ทิชชู่ ทุกอย่างทุ่มเทไปเพื่อทำให้ความสัมพันธ์เวิร์ค แต่ลืมคิดไปอย่างว่า... มันเป็นแค่เราฝ่ายเดียวที่พยายามอยู่หรือเปล่า?

สุดท้ายคำตอบคือ ใช่ ตบมือข้างเดียว และเขาไม่ได้รักหรือมีความรู้สึกต่อเราเลย
แล้วคนที่เจ็บหนักเองก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย นอกจาก คนที่เสียดายเองแบบตาบอด

มุมกลับกัน อีกฝ่ายที่ไม่รัก ก็เปรียบเหมือนกับแม่ค้าสตรอเบอรี่ได้ เพราะเขาเองก็คงเสียดายที่อุตส่าห์มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ต้นทุนที่สร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกันสำหรับเขามันคงสูงมาก ทำไมจะต้องจบแบบไม่คุยกัน หรือแม้แต่อาจจะเพราะเรามันเป็นผู้หญิงซื่อๆ ที่ nice มากจนหายากบนโลกใบนี้เลยอยากเก็บไว้ในสต็อก ก็ยื้อไปเรื่อยๆ แต่เขาจะเคยคิดบ้างไหมนะว่า คำว่า เสียดาย แบบนี้ในมุมของเขามันเป็นฉนวนตัวทำลายความสัมพันธ์ชั้นเยี่ยมเลย

ดังนั้น เวลาอยู่ในความสัมพันธ์ใดๆ ก็ต้องมีสติเสมอ
คนที่รู้ตัวว่ายังไม่พร้อมลงทุนให้อะไร อย่าลงทุน
คนที่พร้อมลงทุน อย่าลงทุนเกินตัวแบบลืมหูลืมตา เมื่อรู้ตัวว่าต้นทุนที่เราลงไปมันมากเกินกำลัง และแถมเข้าเนื้อตัวเองอยู่ด้วย อย่าไปเสียดายว่าอุตส่าห์ลงทุนมาตั้งนาน ให้รีบ cut loss เพื่อ restart ใหม่ซะจะดีกว่า จะได้ไม่ช้ำใจหนัก

เจ็บแต่จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่