บทความ "เมื่อเรามีบ้านใหม่..อะไรที่ต้องทิ้ง"

วันก่อนผมไปพบบทความเรื่องการย้ายบ้านที่น่าสนใจชิ้นนี้เลยอยากนำมาแบ่งปันทุกท่านครับ
ข้อความหลังจากนี้เป็นข้อความที่คัดลอกมาจากบทความ หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ


เมื่อเรามีบ้านใหม่
วันที่เราย้ายเข้าบ้านใหม่นั้นมักจะเป็นวันที่สมบูรณ์แบบในความคิดที่สุด บ้านใหม่ที่สวยงาม ฤกษ์งามยามดีที่สุดในความเชื่อ
กลิ่นหอมของสีที่ยังไม่หมดดี กำแพงสีขาวที่ต่อเติมจินตนาการว่าจะติดรูปของช่วงชีวิตที่สำคัญอย่างไร

ส่วนใหญ่ บ้านใหม่ย่อมหมายถึงการได้แก้ปัญหาต่างๆที่ได้เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังเดิมของเรา
เช่น ห้องนอนใหม่ที่กว้างขวางขึ้น ห้องนอนส่วนตัวที่ได้แยกจากพี่หรือน้องของเราเป็นครั้งแรก ห้องครัวที่ครบขึ้น
ตู้เย็นที่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดตามปริมาณสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ห้องเก็บของที่ใหญ่ขึ้น ที่จอดรถที่ลงตัวขึ้น
ตู้โชว์ของสะสมที่สวยงามขึ้น ห้องน้ำที่เป็นส่วนตัวของแต่ละคน

แต่ส่วนใหญ่ เราจะใช้เวลามากมายกับการจัดบ้านใหม่ เหมือนกับจัดเท่าไรก็ไม่เสร็จเสียที
และเมื่อเราอยู่บ้านใหม่ไปสักพักหนึ่ง ข้าวของเราก็จะเริ่มเยอะขึ้น เริ่มหาของไม่เจอ
มีข้าวของที่ไม่แน่ใจว่าจำเป็นหรือไม่ไปกองอยู่ตรงโน้นตรงนี้ แล้วบ้านที่เคยคิดว่าใหญ่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้
ก็เหมือนจะเริ่มเล็กเกินไป ห้องเก็บของก็ไม่มีที่เหลือให้เก็บของได้อีกต่อไป

ปัญหาที่สำคัญคือเราทิ้งไม่เป็น หรือทิ้งไม่ลงนั่นเอง

บ้านที่รกไปด้วยความทรงจำ ย่อมหมายถึงบ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้น
จะดีบ้างไม่ดีบ้างก็เป็นบ้านที่ให้ความอบอุ่นปลอดภัย เป็นที่สะสมความสุขความทรงจำต่างๆผ่านช่วงเวลาในชีวิต
แต่บ้านที่รกไปด้วยความทรงจำไม่ใช่บ้านที่รกจนสกปรก หยากไย่และขี้ฝุ่นอยู่ไปทั่วจนเป็นที่มาของสุขอนามัยที่ไม่ดี

ตู้หนังสือหรือตู้โชว์ของสะสมย่อมหมายถึง ตู้ที่สะอาดจัดอย่างเรียบร้อย ทำให้ของเหล่านั้นดูดีมีคุณค่า
แต่ไม่ใช่ตู้ที่ข้าวของสวยงามที่เราซื้อมาเป็นที่ระลึกจากการเดินทาง หรือของสะสมหายากเหล่านั้นสุมกันเป็นกองจนมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร

ตู้เสื้อผ้าที่สวยงาม ย่อมมีความเป็นระเบียบ จนสามารถดูได้ว่าเสื้อ กางเกงกระโปรง กระเป๋าแบบใดอยู่ตรงไหน หยิบใช้สะดวก
และคงจะไม่ใช่ตู้เสื้อผ้าที่แน่นขนัดไปด้วยเสื้อผ้าที่ดูซ้ำๆกันและรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรจะใส่
ทุกครั้งก็ต้องคอยซื้อใหม่เพราะไม่สามารถหาเสื้อผ้าที่ต้องการใช้ได้หรือหลงลืมว่าเคยมีเพราะถูกเสื้อผ้าอีกมากมายกองทับไว้
หรืออีกทีก็ทับกันจนเวลาที่จะใส่ต้องนำมารีดใหม่เป็นที่สิ้นเปลืองทั้งเวลาและแรง

และแน่นอน 'A messy kitchen is a happy kitchen' ห้องครัวที่สะอาดประณีตทุกซอกทุกมุมแสดงถึงปริมาณการใช้ที่น้อยครั้ง
ในขณะที่ห้องครัวที่รกนั้นควรมาจากการใช้อย่างสมบุกสมบัน แต่ไม่ได้หมายถึงห้องครัวที่รกจนไม่สะอาด มีหนูมีแมลง

ความเก่าย่อมไม่ได้หมายถึงความสกปรก ในขณะที่ความใหม่นั้นก็ต้องไม่ใช่ความรกในอนาคต

เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เราควรจะต้องทำในการวางแผนก่อนย้ายเข้าบ้านใหม่
น่าจะเป็นการให้เวลากับการคัดเลือกข้าวของที่เราจะนำติดตัวไปด้วย
เราควรจะจัดแยกแยะของจำเป็นออกจากของที่ไม่จำเป็น


หนังสือชื่อ 108 เวทมนตร์ของการจัดบ้าน เขียนโดยนักจัดบ้านอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นชื่อคุณKondo Marie
ซึ่งเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับเลือกเป็น "100 ผู้มีอิทธิพลของโลก" โดยหนังสือ Times Magazine กล่าวว่า

'ขยับข้าวของหนึ่งครั้ง เปลี่ยนได้ทั้งชีวิต
อย่าให้โอกาสดีๆในชีวิตต้องถูกบดบัง ด้วยความรกรุงรังในบ้านของคุณ'
และได้ให้แนวความคิดเกี่ยวกับการทิ้งของที่ไม่จำเป็นว่า
'ไม่ใช่การทิ้ง แต่ให้พอจารณาเลือกสิ่งของที่เราอยากเก็บให้อยู่กับเราต่อไป แล้วอันไหนที่ไม่ใช่ ค่อยทิ้ง'

ถ้าได้อ่านก็จะเห็นว่า หนังสือแนะนำให้เราทิ้งแทบทุกอย่าง ภายในเนื้อที่ที่จำกัดในบ้าน เราคงไม่สามารถเก็บทุกสิ่งที่เราอยากเก็บไว้ได้
อย่างไรเสียเราก็ต้องเลือกเก็บ เมื่อเราทิ้งของบางอย่างไปก็จะมีที่สำหรับของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ

หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเต็มไปด้วยความทรงจำและเราก็อยากจะเก็บข้าวของนั้นไว้เพื่อได้รำลึกถึงความทรงจำเหล่านั้น
แต่ลองคิดในทางกลับกันดูบ้าง
เช่นว่า...

ตุ๊กตาหมีและของเล่นในวัยเด็กจะกลายเป็นของขวัญให้ความสุขแก่เด็กด้อยโอกาสตามชุมชนแออัด
กองหนังสือที่อ่านบ้างไม่อ่านบ้างก็จะกลายเป็นหนังสือที่มีคุณค่าบนชั้นของห้องสมุดในถิ่นทุรกันดาร
เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วกลายเป็นชุดกลับบ้านที่สวยงามของนักโทษหญิงที่พ้นโทษเป็นต้น
กรอบแว่นตาเก่าก็สามารถยกให้คุณป้าแม่บ้านที่ออฟฟิสได้

จดหมายจากคนรักเก่าหากนำไปฟอล์ยรวมกันกับเอกสารโบรชัวร์สินค้ามากมายที่หยิบมาจากร้านค้า
ก็จะกลายเป็นวัสดุกันกระแทกอย่างดีให้กับกรอบรูปแต่งงานของเราในการขนย้าย

ความทรงจำบางอย่างที่ไม่ได้สวยงามนัก อาจจะทิ้งไว้เป็นเพียงแค่ความทรงจำจะดีกว่า
การนำไปด้วยอาจทำให้ความหวังตั้งใจกับชีวิตในบ้านหลังใหม่ของเรานั้นมีความสุข
น้อยลง แม้แต่สมองของเราก็ไม่ควรจะไปสิ้นเปลืองเนื้อที่กับเรื่องที่บั่นทอนชีวิตปัจจุบันของเรา

ในขณะที่ความทรงจำที่ดีนั้นย่อมประทับอยู่ในใจของเราตลอดไป แม้ว่าข้าวของที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นจะไม่เหลืออยู่เลยก็ตาม

เมื่อเรามีบ้านใหม่ การย้ายเข้าบ้านใหม่ด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่เราได้คัดเลือกแล้วอย่างดี จะทำให้การจัดบ้านทำได้รวดเร็ว สนุกสนาน
ชีวิตในบ้านหลังใหม่ก็จะมีที่ว่างให้ต่อเติมความฝันจินตนาการต่อไปได้อีก ได้เริ่มสะสมเรื่องราวและความทรงจำใหม่ๆกันได้ด้วย
หากเราได้บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ไปบ้าง ย่อมหมายถึงการได้ทำบุญทำทานก่อนเข้าบ้านใหม่ เราจะยิ่งเบิกบาน อิ่มอกอิ่มใจ
การย้ายเข้าบ้านใหม่ก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น

อย่าลืมทิ้งของไปบ้างก่อนย้ายเข้าบ้านใหม่นะคะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่