สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
ตอนเป็นเด็ก ที่บ้านเปิดกิจการรับนำเข้า-ส่งออกสินค้าทุกชนิด
มี3สาขา กรุงเทพ แหลมฉบัง เชียงใหม่
มีรถหัวลาก มีรถบรรทุก มีรถกระบะ รวมแล้วสิบกว่าคัน
ฐานะถือว่าดีพอสมควร มีรถตู้โฟล์ค มีBMW มีชอปเปอร์แพงๆ
พอเหตุการณ์ ปี 40 ประสบปัญหาการเงิน เริ่มมีการทยอยขายทรัพย์สินใช้หนี้ทุกชิ้น เหลือรถกระบะคันเดียว
ทำเรื่องปิดบริษัท เลิกจ้างพนักงาน ยุบสาขาแหลมฉบัง ขายบ้าน แล้วย้ายไปเช่าตึกแถวแถวชานเมือง
หลังจากนั้นหลายปีแม่เราก็มาเปิดบริษัทใหม่ มีพนักงานไม่ถึง 5 คน ประคับประคองบริษัทได้ถึงปี 2551 ก็ปิดตัวลง
ตอนที่บริษัทปิดตัวเราอยู่ปี4พอดี กำลังจะเรียนจบ น้องชายอยู่ปี1 แม่ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เลิกจ้างแม่บ้าน
เลิกกินหมู เปลี่ยนมากินไก่ เพราะถูกกว่า ไม่ทานอาหารนอกบ้าน ไม่ไปเที่ยว
ผลกระทบหลังจากปิดบริษัทคือหนี้สินจากบัตรเครดิต20กว่าใบที่แม่เราเอามาหมุนค่าใช้จ่าย ยอดหนี้ค่อนข้างสูง
บ้านเราเลยทำธุรกิจใหม่คือเปิดร้านขายของในห้าง ก็พยุงครอบครัวไปได้อีกหลายปี หลังจากนั้นเราก็คืนบ้านตึกแถว
แล้วย้ายมาอยู่แถวชานเมืองอีกฝั่ง ที่แม่กับป้าเคยซื้อไว้หลายปีก่อนแต่ยังผ่อนไม่หมด เลยจำเป็นต้องปิดร้านในห้าง
เราเรียนจบทำงานใกล้บ้าน มีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ เราให้แม่เลิกขายของให้อยู่บ้านเฉยๆ
เราเห็นแม่เหนื่อยมามากอยากให้แกพัก ตอนแรกเราก็คิดว่าเราจะรับผิดชอบภาระทั้งหมดได้ไหม
โชคดีที่พ่อเราไปหางานขับรถทำ น้องชายเรากู้กยส. ค่าใช้จ่ายที่เราต้องดูแลตแนนั้นคือผ่อนบ้านและค่าใช้จ่ายในบ้านเท่านั้น
นับๆดูจนถึงตอนนี้ก็8ปีแล้วที่เรารับผิดชอบครอบครัว จ่ายหนี้บัตรเครดิตแม่หมื่นนิดๆทุกเดือนมาตลอด8ปี และตอนนี้ก็ยังต้องจ่ายอยู่ 555
น้องชายเรียนจบทำงานแล้ว บ้านผ่อนหมดแล้ว สินทรัพย์ตอนนี้ที่มีก็มีแค่บ้านหลังนี้แหละ
รถกระบะที่เคยเหลือมา ขายได้3หมื่นเองมั้ง สภาพเก่าแค่ไหนคิดดู 55555
แพล่มเรื่องตัวเองเยอะมากก ไม่ได้ช่วยอะไร จขกท. เลย
แต่อยากให้กำลังใจ อยากให้เข้มแข็ง เข้มแข็งอย่างเดียว ต้องใจแข็งด้วย
เราตัดการช่วยเหลือญาติพี่น้องเลย แต่ก่อนชอบมีคนมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินทางแม่เราบ่อยมาก
ค่าใช้จ่ายอะไรตัดได้ก็ตัด อะไรไม่จำเป็นต้องตัดทิ้งก่อน
เราไม่แนะนำให้ทำธุรกิจในช่วงนี้ หรือช่วงหลังเรียนจบ อยากให้ทำงานประจำเก็บเงินไปก่อน
โอกาสทองคนเราน่าจะอยู่ในช่วง 10 ปีแรกของการทำงาน ถ้าตัดค่าใช้จ่ายบางอย่างได้ก็จะเก็บเงินได้
แต่เราตัดกิเลสเรื่องเที่ยวไม่ได้ เราเที่ยวค่อนข้างบ่อย เลยมีเงินเก็บน้อย มีเงินเก็บหน่อยก็เอาไปเที่ยว
สุดท้าย.... เรื่องทั้งหมดไม่ได้เอามาอวดใคร เพราะตอนนี้ก็ไม่มได้มีเงินเหมือนแต่ก่อน หนี้ก็ยังมี
เงินเก็บก็มีน้อย แต่โชคดีที่ได้งานดี (ที่ไม่ใช่งานขายตรงนะ 555)
เป็นกำลังใจให้ จขกท. นะคะ ทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
ยิ่งโต ยิ่งมีสังคม ยิ่งมีกิเลสค่ะ
มี3สาขา กรุงเทพ แหลมฉบัง เชียงใหม่
มีรถหัวลาก มีรถบรรทุก มีรถกระบะ รวมแล้วสิบกว่าคัน
ฐานะถือว่าดีพอสมควร มีรถตู้โฟล์ค มีBMW มีชอปเปอร์แพงๆ
พอเหตุการณ์ ปี 40 ประสบปัญหาการเงิน เริ่มมีการทยอยขายทรัพย์สินใช้หนี้ทุกชิ้น เหลือรถกระบะคันเดียว
ทำเรื่องปิดบริษัท เลิกจ้างพนักงาน ยุบสาขาแหลมฉบัง ขายบ้าน แล้วย้ายไปเช่าตึกแถวแถวชานเมือง
หลังจากนั้นหลายปีแม่เราก็มาเปิดบริษัทใหม่ มีพนักงานไม่ถึง 5 คน ประคับประคองบริษัทได้ถึงปี 2551 ก็ปิดตัวลง
ตอนที่บริษัทปิดตัวเราอยู่ปี4พอดี กำลังจะเรียนจบ น้องชายอยู่ปี1 แม่ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เลิกจ้างแม่บ้าน
เลิกกินหมู เปลี่ยนมากินไก่ เพราะถูกกว่า ไม่ทานอาหารนอกบ้าน ไม่ไปเที่ยว
ผลกระทบหลังจากปิดบริษัทคือหนี้สินจากบัตรเครดิต20กว่าใบที่แม่เราเอามาหมุนค่าใช้จ่าย ยอดหนี้ค่อนข้างสูง
บ้านเราเลยทำธุรกิจใหม่คือเปิดร้านขายของในห้าง ก็พยุงครอบครัวไปได้อีกหลายปี หลังจากนั้นเราก็คืนบ้านตึกแถว
แล้วย้ายมาอยู่แถวชานเมืองอีกฝั่ง ที่แม่กับป้าเคยซื้อไว้หลายปีก่อนแต่ยังผ่อนไม่หมด เลยจำเป็นต้องปิดร้านในห้าง
เราเรียนจบทำงานใกล้บ้าน มีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ เราให้แม่เลิกขายของให้อยู่บ้านเฉยๆ
เราเห็นแม่เหนื่อยมามากอยากให้แกพัก ตอนแรกเราก็คิดว่าเราจะรับผิดชอบภาระทั้งหมดได้ไหม
โชคดีที่พ่อเราไปหางานขับรถทำ น้องชายเรากู้กยส. ค่าใช้จ่ายที่เราต้องดูแลตแนนั้นคือผ่อนบ้านและค่าใช้จ่ายในบ้านเท่านั้น
นับๆดูจนถึงตอนนี้ก็8ปีแล้วที่เรารับผิดชอบครอบครัว จ่ายหนี้บัตรเครดิตแม่หมื่นนิดๆทุกเดือนมาตลอด8ปี และตอนนี้ก็ยังต้องจ่ายอยู่ 555
น้องชายเรียนจบทำงานแล้ว บ้านผ่อนหมดแล้ว สินทรัพย์ตอนนี้ที่มีก็มีแค่บ้านหลังนี้แหละ
รถกระบะที่เคยเหลือมา ขายได้3หมื่นเองมั้ง สภาพเก่าแค่ไหนคิดดู 55555
แพล่มเรื่องตัวเองเยอะมากก ไม่ได้ช่วยอะไร จขกท. เลย
แต่อยากให้กำลังใจ อยากให้เข้มแข็ง เข้มแข็งอย่างเดียว ต้องใจแข็งด้วย
เราตัดการช่วยเหลือญาติพี่น้องเลย แต่ก่อนชอบมีคนมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินทางแม่เราบ่อยมาก
ค่าใช้จ่ายอะไรตัดได้ก็ตัด อะไรไม่จำเป็นต้องตัดทิ้งก่อน
เราไม่แนะนำให้ทำธุรกิจในช่วงนี้ หรือช่วงหลังเรียนจบ อยากให้ทำงานประจำเก็บเงินไปก่อน
โอกาสทองคนเราน่าจะอยู่ในช่วง 10 ปีแรกของการทำงาน ถ้าตัดค่าใช้จ่ายบางอย่างได้ก็จะเก็บเงินได้
แต่เราตัดกิเลสเรื่องเที่ยวไม่ได้ เราเที่ยวค่อนข้างบ่อย เลยมีเงินเก็บน้อย มีเงินเก็บหน่อยก็เอาไปเที่ยว
สุดท้าย.... เรื่องทั้งหมดไม่ได้เอามาอวดใคร เพราะตอนนี้ก็ไม่มได้มีเงินเหมือนแต่ก่อน หนี้ก็ยังมี
เงินเก็บก็มีน้อย แต่โชคดีที่ได้งานดี (ที่ไม่ใช่งานขายตรงนะ 555)
เป็นกำลังใจให้ จขกท. นะคะ ทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
ยิ่งโต ยิ่งมีสังคม ยิ่งมีกิเลสค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คนที่ครอบครัวเคยฐานะดีตอนเด็กๆ
เวลาครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราก็ไม่เคยคิดอย่างอื่นเลย นอกจากสานต่อธุรกิจของพ่อแม่
ในหัวก็จะถูกฝังมาตลอดว่า โตขึ้นต้องไม่เป็นลูกจ้างเค้า ต้องเป็นนายคนอย่างพ่อแม่
แต่พอโตขึ้น อะไรก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ตามเศรษฐกิจ แต่ว่าเราก็ไม่ค่อยรู้สึกได้รับผลกระทบมากนัก อาจจะเพราะยังเด็กอยู่ พ่อแม่เลยไม่ค่อยเล่าเรื่องงานให้ฟัง
แต่ก็พอรับรู้ด้วยตัวเองได้
ว่าฐานะทางบ้านเราไม่เหมือนเดิมแล้ว...
ตอนนี้ที่บ้านไม่มีธุกิจแล้วค่ะ เราก็เพิ่งเรียนจบมาเป็นลูกจ้างเค้า
แต่ก็ยังหวังว่าวันนึงจะสร้างธุรกิจของตัวเองจากศูนย์ ให้เหมือนที่พ่อแม่เคยทำให้ได้ค่ะ
ปัจจุบันฐานะปานกลางค่ะ ไม่ได้ร่ำรวย แต่(คิดว่า)ไม่มีหนี้
มีใครเป็นคล้ายๆเรามั้ยคะ?
แล้วตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?
+ขอคำแนะนำเรื่องเริ่มต้นธุกิจด้วยค่ะ ควรศึกษา และเตรียมพร้อมอะไรบ้างคะ