เพิ่งซื้อบ้าน หลังจากผ่าฟันอุปสรรคมาเลยอยากเอามาแชร์บางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์ค่ะ เราคือเคยติดบูโรกับแบงค์กรุงศรี ไม่ได้ชำระหนี้มาเกือบ3ปี จากนั้นก็มีบริษัทติดตามหนี้สินติดต่อมา เราก็ชำระแบบไม่เคยขาด เจ้าหน้าที่ก็คอย offer ให้ส่วนลดเพื่อปิดยอดแต่เราไม่เคยเอา เพราะไม่มีเงินก้อน แต่เค้าก็คอยบอกเกือบทุกเดือน จนใกล้จะหมดหนีราเลยถามว่า มันต่างกันยังไงถ้าชำระเต็มกับรับส่วนลด เค้าบอกว่าถ้ารับส่วนลดจะมีบันทึกว่าไม่มีความสามารถในการชำระยอดเต็มซึ่งมันมีผลต่อการซื้อบ้าน หลังจากปิดหนี้ยอดเต็มไปได้10ปี เราก็ต้องการซื้อบ้าน
เนื่องจากสามีเป็นชาวต่างชาติทำงานมี work permit เาสอบถามหลายธนาคารเค้าไม่พิจารณาเงินเดือนสามี คือเงินเดือนเราน้อย สามารถกู้ได้สูงสุดคือ 1.5-2ล้าน แต่บ้านที่เราดูสูงกว่านั้น
scb เค้าพิจารณา 70%จากยอดของสัญญาซื้อขาย
กรุงศรี ไม่รับพิจารณา เพราะว่าเราเคยติดบูโร ประวัติเสียไปเลย
ธนชาติ ได้ 70%
ออมสิน กรุงไทย ไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติค้ำประกันเงินกู้
UOB 100% เราจึงเลือก UOB เราบอกเค้าเรื่องเกี่ยวกับบูโร
ในตอนแรกเค้าให้เราส่งเอกสารทุกอย่าง (ใช้เยอะมาก) สลิปเงินเดือน 6 เดือน, stagement 6เดือน, ที่อยู่ที่ต่างประเทศของสามี บุคคลที่อยู่ต่างประเทศยืนยันตัวตนสามี บิลค่าใช้จ่ายที่บ้านในต่างระเทศเพื่อยืนยันที่อยู่ work permite passsport ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารการเสียภาษีของสามีเพื่อยืนยันอายุการทำงานในเมืองไทย จดหมายยืนยันจากจ้างงานของทั้งสองคน สัญญาซื้อขายบ้าน
จากนั้นธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้ตามวงเงินที่ต้องการกู้มั้ย ธนาคารใช้เวลา 7-15วัน หลังจากนั้นก็แจ้งเราว่าจะให้เจ้าหน้าที่ไปประเมินบ้าน ค่าประเมินต้องจ่ายเป็นเงินสดประมาณ3xxx กับเจ้าหน้าที่ประเมินหน้างานเลย
รอราคาประเมินบ้านจากบริษัทส่งเข้าธนาคาร 3-5วัน
รอผู้มีอำนาจอนุมัติราคาประเมิน 5-7วัน
ถ้าราคาประมาเมินสูงกว่าราคาซื้อขาย ธนาคารก็จะอนุมัติจากราคาซื้อขาย แต่ถ้าราคาประเมินต้ำกว่า ธนาคารจะอนุม้ติจากราคำประเมิน ของเราราคาประเมินเท่ากับราคาซื้อขาย เจ้าหน้าที่ก็จะสอบถามซื้อของเจ้าของบ้านเพราะเค้าจะออกเป็นเช็ค เจ้าหน้าที่ธนาคารจะไปพอเราที่กรมที่ดิน และมีการยื่นเช็คให้เจ้าของเดิมที่นั่น เงินไม่ได้โอนเข้าบัญชีเราแล้วเราจ่ายคนขายนะ (อันนี้เราเพิ่งรู้ ก็บอกเผื่อคนที่ไม่รู้) เจ้าหน้าที่จะแจ้งวันที่สามารถออกเช็ค จากนั้นเราก็แจ้งนัดเจ้าของเก่าโอนที่กรมที่ดิน
วันโอนมีดราม่านิดหน่อย
เราตกลงกับเจ้าของบ้านว่าโอน 50/50 ค่าโอน2%จากราคา ซื้อขาย หรือราคาประเมิน ราคาไหนที่สูง ซึ่งเราเตรียม เงินโอน เงินจดจำนอง เงินที่ต้องจ่ายให้ UOBวันโอนจิปาถะจำไม่ได้ว่าอะไร พอเจ้าหน้าทีแจ้งค่าใช้จ่าย 140xxx เราก็อี้ง แต่ทางเจ้าของเค้าเงียบ เราก็เลยถามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่ามีค่าอะไรบ้าง เค้าแจ้งว่า
โอน 2%
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3%
ค่าอากร
ทีนี่เจ้าของเค้าเลยออกตัวว่า อย่างนั้นเราก็ 50/50 ตามที่ตกลง เรานี่อึ้งพูดไม่ออก สามีเราเลยบอกว่าที่ตกลงคือค่าโอน ภาษีกับอากรคนขายต้องออก หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องมีการตกลงกันมาก่อน ซึ่งเจ้าของบ้านเค้าบอกเค้าไม่รู้มาก่อนเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ คือบ้านถ้าเจ้าของบ้านไม่มีซื้อในทะเบียนบ้านจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ส่วนอากรคือผู้มีรายรับต้องจ่าย ก็ตกลงคือเราจ่ายค่าโอน 50/50 ตามที่ตกลงก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินประเมินที่ดินต่ำกว่าราคาที่เราคิดไว้ ก็คือเราจะจ่ายค่าโอนถูกลง แต่เนื่องจากเจ้าของมีความมึนงงเรื่องค่าใช้จ่ายและทำท่าเหมือนจะขอแชร์ เราเลยบอกว่าเราจะจ่ายตามที่เราเตรียมเงินมา ซึ่งก็เกือบเท่ากับค่าโอนยอดทั้งหมดตามราคากรมที่ดิน
สรุปแล้วขาดทุนไปอีก เป็นหมื่น แต่ก้ตัดปัญหา ให้มันจบๆ เรื่องของเรื่องอยากขอบคุณคุณพงศเทพเจ้าหน้าที UOB ที่บริการดีเริศ ตอบคำถามที่สามีถามอย่างจริงใจ ใจเย็นและมืออาชีพ วันหยุดก็ตอบไลน์ ดีงามค่ะ
แชร์ประสบการณ์กู้แบงค์ ซื้อบ้านมือสอง ติดบูโร
เนื่องจากสามีเป็นชาวต่างชาติทำงานมี work permit เาสอบถามหลายธนาคารเค้าไม่พิจารณาเงินเดือนสามี คือเงินเดือนเราน้อย สามารถกู้ได้สูงสุดคือ 1.5-2ล้าน แต่บ้านที่เราดูสูงกว่านั้น
scb เค้าพิจารณา 70%จากยอดของสัญญาซื้อขาย
กรุงศรี ไม่รับพิจารณา เพราะว่าเราเคยติดบูโร ประวัติเสียไปเลย
ธนชาติ ได้ 70%
ออมสิน กรุงไทย ไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติค้ำประกันเงินกู้
UOB 100% เราจึงเลือก UOB เราบอกเค้าเรื่องเกี่ยวกับบูโร
ในตอนแรกเค้าให้เราส่งเอกสารทุกอย่าง (ใช้เยอะมาก) สลิปเงินเดือน 6 เดือน, stagement 6เดือน, ที่อยู่ที่ต่างประเทศของสามี บุคคลที่อยู่ต่างประเทศยืนยันตัวตนสามี บิลค่าใช้จ่ายที่บ้านในต่างระเทศเพื่อยืนยันที่อยู่ work permite passsport ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารการเสียภาษีของสามีเพื่อยืนยันอายุการทำงานในเมืองไทย จดหมายยืนยันจากจ้างงานของทั้งสองคน สัญญาซื้อขายบ้าน
จากนั้นธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้ตามวงเงินที่ต้องการกู้มั้ย ธนาคารใช้เวลา 7-15วัน หลังจากนั้นก็แจ้งเราว่าจะให้เจ้าหน้าที่ไปประเมินบ้าน ค่าประเมินต้องจ่ายเป็นเงินสดประมาณ3xxx กับเจ้าหน้าที่ประเมินหน้างานเลย
รอราคาประเมินบ้านจากบริษัทส่งเข้าธนาคาร 3-5วัน
รอผู้มีอำนาจอนุมัติราคาประเมิน 5-7วัน
ถ้าราคาประมาเมินสูงกว่าราคาซื้อขาย ธนาคารก็จะอนุมัติจากราคาซื้อขาย แต่ถ้าราคาประเมินต้ำกว่า ธนาคารจะอนุม้ติจากราคำประเมิน ของเราราคาประเมินเท่ากับราคาซื้อขาย เจ้าหน้าที่ก็จะสอบถามซื้อของเจ้าของบ้านเพราะเค้าจะออกเป็นเช็ค เจ้าหน้าที่ธนาคารจะไปพอเราที่กรมที่ดิน และมีการยื่นเช็คให้เจ้าของเดิมที่นั่น เงินไม่ได้โอนเข้าบัญชีเราแล้วเราจ่ายคนขายนะ (อันนี้เราเพิ่งรู้ ก็บอกเผื่อคนที่ไม่รู้) เจ้าหน้าที่จะแจ้งวันที่สามารถออกเช็ค จากนั้นเราก็แจ้งนัดเจ้าของเก่าโอนที่กรมที่ดิน
วันโอนมีดราม่านิดหน่อย
เราตกลงกับเจ้าของบ้านว่าโอน 50/50 ค่าโอน2%จากราคา ซื้อขาย หรือราคาประเมิน ราคาไหนที่สูง ซึ่งเราเตรียม เงินโอน เงินจดจำนอง เงินที่ต้องจ่ายให้ UOBวันโอนจิปาถะจำไม่ได้ว่าอะไร พอเจ้าหน้าทีแจ้งค่าใช้จ่าย 140xxx เราก็อี้ง แต่ทางเจ้าของเค้าเงียบ เราก็เลยถามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่ามีค่าอะไรบ้าง เค้าแจ้งว่า
โอน 2%
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3%
ค่าอากร
ทีนี่เจ้าของเค้าเลยออกตัวว่า อย่างนั้นเราก็ 50/50 ตามที่ตกลง เรานี่อึ้งพูดไม่ออก สามีเราเลยบอกว่าที่ตกลงคือค่าโอน ภาษีกับอากรคนขายต้องออก หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องมีการตกลงกันมาก่อน ซึ่งเจ้าของบ้านเค้าบอกเค้าไม่รู้มาก่อนเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ คือบ้านถ้าเจ้าของบ้านไม่มีซื้อในทะเบียนบ้านจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ส่วนอากรคือผู้มีรายรับต้องจ่าย ก็ตกลงคือเราจ่ายค่าโอน 50/50 ตามที่ตกลงก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินประเมินที่ดินต่ำกว่าราคาที่เราคิดไว้ ก็คือเราจะจ่ายค่าโอนถูกลง แต่เนื่องจากเจ้าของมีความมึนงงเรื่องค่าใช้จ่ายและทำท่าเหมือนจะขอแชร์ เราเลยบอกว่าเราจะจ่ายตามที่เราเตรียมเงินมา ซึ่งก็เกือบเท่ากับค่าโอนยอดทั้งหมดตามราคากรมที่ดิน
สรุปแล้วขาดทุนไปอีก เป็นหมื่น แต่ก้ตัดปัญหา ให้มันจบๆ เรื่องของเรื่องอยากขอบคุณคุณพงศเทพเจ้าหน้าที UOB ที่บริการดีเริศ ตอบคำถามที่สามีถามอย่างจริงใจ ใจเย็นและมืออาชีพ วันหยุดก็ตอบไลน์ ดีงามค่ะ