▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
ทริปจักรยาน
ไปกะเลอ... ไปเจอหนองแสง
เราจะนำรถของเราไปจอดที่หมู่8บ้านบุ่งเข้ค่ะ จากนั้นเราก็จะไปที่จุดเริ่มต้นของการปั่นจักรยานของเราก็คืออ่างเก็บน้ำคลองสีเสียดค่ะ เราเริ่มจากที่ที่เป็นเนินสูงลงมาที่ต่ำเพื่อจะได้ง่ายต่อการปั่นจักรยานค่ะ
อ่างเก็บน้ำคลองสีเสียดเป็นจุดนึงที่วิวและบรรยากาศดีมากค่ะ คนไม่พลุกพล่าน ฝั่งตรงข้ามของอ่างเก็บน้ำจะเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หากมาในหน้าร้อนถ้าโชคดีก็จะได้เห็นช้างโขลงใหญ่ลงมากินน้ำในอ่าง นอกจากนี้ในหน้าร้อนชาวบ้านจะล่องแพกันไปเพื่อเก็บหน่อไม้อีกด้วย และเราจะสังเกตได้ว่าบริเวณอ่างจะมีถนนอยู่ซึ่งอีกฝั่งของถนนจะมีพระพุทธรูปที่ประดิษฐสถานอยู่ด้วย
แต่ระวังกันหน่อยนะคะ เพราะทางลงจากอ่างเก็บน้ำนั้นค่อนข้างลาดชัน ต้องใช้ความระมัดระวังในการปั่นลง ถ้าหากไม่แน่ใจแนะนำให้จูงลงมาก็ได้ค่ะ
เมื่อลงจากอ่างเก็บน้ำคลองสีเสียดแล้วเราจะใช้เส้นทางผ่านวัดป่าศรีถาวรนิมิตค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ของจังหวัดนครนายกเลยค่ะ บรรยากาศสงบร่มเย็นสวยงามมากๆเลยล่ะค่ะ
บริเวณวัดจะมีพื้นที่ให้เราได้สักการะพระพุทธรูป ให้อาหารปลา ที่สำคัญหากใครอยากเข้าห้องน้ำเพื่อพร้อมสำหรับปั่นจักรยานก็เข้าได้เลยค่ะ ต้องบอกว่าห้องน้ำของวัดทั้งสะอาดและกว้างขวางมากๆเลยละคะ
ภาพห้องน้ำค่ะ
นอกจากจะสงบร่มเย็นแล้วภายในวัดยังมีวิวที่สวยมากอย่างเช่นมุมนี้
จากวัดป่าฯ เราก็จะปั่นมาทางหมู่8 บ้านบุ่งเข้ เส้นทางที่เราปั่นผ่านเราจะได้เจอกับกลุ่มทำเบเกอร์รี่ของชาวบ้านที่ต้องบอกว่าฝีมือไม่ธรรมดาเลยค่ะ อร่อยไม่แพ้แบรนด์ดังๆเลย ขนมปังไส้วนิลา และเค้กหน้าส้มนี่เด็ดมากๆค่ะ
เมื่อปั่นกันมาเรื่อยๆจะผ่านแยกเล็กๆแล้วเลี้ยวซ้าย เราก็จะปั่นผ่านหมู่ที่4 ที่ชื่อว่าบ้านเนินหินแร่ บรรยากาศระหว่างทางช่วงแรกค่อนข้างร่มรื่นไปด้วยร่มไม้ เราจะเห็นได้ว่าบ้านแต่ละหลังจะมีบริเวณบ้านค่อนข้างกว้างและยังมีรูปทรงบ้านที่เป็นบ้านไทพวนค่อนข้างเยอะ เพราะยังมีชุมชนไทยพวนที่อาศัยอยู่มานานมากๆเลยละคะ เราได้ไปชมบ้านชาวไทยพวนแท้ๆที่นี่มีกองถ่ายละครเคยมาถ่ายละครด้วยละคะ เช่น เรื่องบ้านผีปอปค่ะ ต้องบอกว่าดั้งเดิมมากจริงๆทั้งหลังทำจากไม้แท้ๆเลยละคะ
เมื่อปั่นมาเรื่อยๆจนพ้นเขตชุมชน เราจะเห็นว่าสองข้างทางนั้นเป็นทุ่งนาทั้งสองฝั่ง แถมในนาบางแปลงนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตน้อยๆ เดินไปเดินมาอยู่ นั่นก็คือควายนั่นเองค่ะ โดยที่สั่งเกตคือจะเห็นควายได้เยอะพอควรในชุมชนแห่งนี้ค่ะ
จากนั้นเราจะปั่นมาเรื่อยๆจนถึงถนนที่เป็นเส้นที่เลียบทิวเขาใหญ่เราจะเลี้ยวขวา และปั่นมาสักระยะหนึ่งเราจะเจอบ้านหลังหนึ่งที่มีสัตว์หลายชนิดเดินไปเดินมาในบริเวณบ้าน ที่นี่ก็คือ “บ้านเกวียนครูคำรณ” ที่นี่มีการเลี้ยงสัตว์หลายชนิดเลยล่ะค่ะ ทั้ง วัว ม้า ไก่ ห่าน
หากเดินเข้ามาแล้วเห็นสัตว์เดินเพ่นพ่านไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะที่นี่เค้าเลี้ยงสัตว์แบบเปิดจะไม่ค่อยขังสัตว์ไว้ในเล้า ในคอก เพราะคุณครูคำรณเจ้าของเค้าต้องการให้สัตว์ได้ใช้ชีวิตแบบอาศัยสัญชาตญาณของมันค่ะ
ที่นี่เรายังสามารถนั่งวัวเทียมเกวียนได้อีกด้วยค่ะ โดยเสียค่าใช้จ่ายนิดหน่อยค่ะ โดยในอานาคตที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพัก และการเข้าพักที่นี่คือการที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสชีวิตชนบทที่น่าตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ ทั้งการทำอาหารเอง การอาบน้ำแบบห้องน้ำระบบเปิด(ไม่มีหลังคา) การอาบน้ำจากโอ่ง เป็นต้น ครูคำรณท่านเป็นคนคุยเก่ง อัธยาศัยดีและต้อนรับทุกคนค่ะ ใครสนใจจะหาความรู้เรื่องการทำปศุสัตว์ เกษตรกรรม ก็แวะมาคุยกะคุณครูคำรณได้เลยรับรองได้ทั้งความรู้และข้อคิดดีๆกลับไปแน่นอนค่ะ
จากนั้นเราจะปั่นออกจากบ้านเกวียนครูคำรณ เมื่อเจอสามแยกให้เราเลี้ยวขวาค่ะ ถนนเส้นนี้จะพาเราไปยังหมู่ที่ 9 บ้านเหล่าเดิ่น ปั่นมาเรื่อยๆเราจะเจอ วัดเหล่าเดิ่น ซึ่งมีความพิเศษตรงที่กำแพงวัดทำจากหินศิลาแลง โดยหินแต่ละก้อนหนักถึง15 กก. เลยนะคะ โห้วว นี่คงจะใช้เวลาก่อสร้างนานมากๆกันเลยทีเดียวค่ะ
อีกจุดเด่นของวัดคือ ปกติบรรไดจะเป็นพญานาคแต่ที่นี่เป็นมังกรค่ะ จากการสอบถามพระลูกวัดแล้วทราบมาว่าเป็นความชอบของพระองค์ที่สร้างค่ะ
นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามกับวัดเหล่าเดิ่นจะมีฟาร์มเห็ดที่นี่เขาทำเป็นกิจการครอบครัวค่ะ ได้เห็นวิธีเพาะเห็ดที่ค่อนข้างหาดูได้ยากดยเจ้าของก็เต็มใจให้เข้าดูได้ค่ะ ใครอยากจะซื้อเห็ดกลับไปทำกินก็สามารถซื้อได้เลยนะคะ ราคาไม่แพงด้วย กิโลกรัมละ 70 บาทเองค่ะ
ปั่นไปกันต่อค่ะ เส้นทางปั่นมาจะเจอร้านอาหารค่อนข้างหลายร้านค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีร้านซ่อมรถอีกด้วยค่ะ ปั่นตรงมาเรื่อยๆจะเจอสามแยกหากเราเลี้ยวไปทางซ้ายจะไปหมู่ที่ 7 บ้านหนองหัวลิงนอกและถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปหมู่ที่ 3 บ้านหนองหัวลิงในค่ะ
เราก็จะเลี้ยวไปทางหมู่ที่ 7บ้านหนองหัวลิงนอกก่อนค่ะ หมู่บ้านนี้จะมีการทำหมอนค่ะ ตอนเราเข้าไปจะได้เห็นทั้งวิธีทำและได้ซื้อหมอนติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยค่ะ ราคาก็ไม่แพงเลย แล้วหลังจากนั้นเราก็แวะเข้าไปไหว้พระกันที่วัดโพธิ์ศรี วัดประจำหมู่บ้านที่นี่ค่ะ
เสร็จแล้วเราก็ปั่นย้อนมาทางเดิมไปยังหมู่ 3 บ้านหนองหัวลิงในต่อค่ะ โดยได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านนี้มีสวนที่ปลูกมัลเบอร์รี่ด้วย เดี๋ยวไปดูกันค่ะ
และแล้วก็มาถึง ที่นี่คือไร่ทองมลค่ะ คุณน้าเจ้าของท่านเรียนจบมาแล้วกลับมาทำสวนที่นี่ค่ะ ในสวนจะเป็นการทดลองปลูกพืชต่างๆ และมีมัลเบอร์รี่จริงๆด้วยค่ะ น่าตื่นเต้นมากๆ คุณน้าเจ้าของท่านพามาดูแถมยังบอกด้วยว่าเก็บชิมได้เลย เจ้าของกระทู้ก็ไม่รีรอค่ะ เก็บมาชิมเลย รสชาติค่อนข้างดีเลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีการเอามัลเบอร์รี่มาทำโยเกิร์ตด้วยค่ะ ราคาถ้วยละ 30 บาท และน้ำมัลเบอร์รี่ อร่อยมากๆค่ะ
หลังจากที่ชิมมัลเบอร์รี่จนจะหมดสวนแล้วเราจะไปต่อกันที่หมู่ที่ 2 บ้านขุมข้าวค่ะ
บ้านขุมข้าว ที่ๆเราจะแวะคือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่นี่ มี่จุดที่น่าสนใจ ก็คือที่นี่เป็นเหมือนโรงเรียนผู้สูงอายุ ที่นี่จะมีคุณป้า คุณยายมาเรียนการนวดแผนไทย เมื่อท่านเรียนเสร็จก็จะมาอยู่ในส่วนของร้านนวด นอกจากจะทำให้ผู้สูงอายุได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้วยังสร้างรายได้ให้พวกท่าอีกด้วยค่ะ เราสามารถแวะพักนวดแผนไทยกันได้ค่ะ เพื่อพักขาชั่วคราว นี่สบายตัวจนหลับไปตื่นหนึ่งเลยนะคะ
ขออนุญาตเซ็นเซอร์คนในภาพนะคะ ><
นอกจากนี้ บ้านขุมข้าวยังเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่มีวัดถึงสามวัด แต่ละวัดก็จะมีเรื่องราวแตกต่างกันออกไป แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปค่ะ
จากที่นวดเราก็มุ่งหน้าไปหมู่ที่ 1 บ้านคลองคล้าค่ะ ไปชมทุ่งนา ระหว่างทางสวยมากค่ะ เป็นทุ่งน่าที่เขียวขจี ทุ่งนาที่นี่สวยใช่เล่นเลยนะคะเนี่ยย เหมาะที่จะถ่ายรูปสวยๆด้วยค่ะ ถ้ามาตอนเย็นๆบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกต้องโรแมนติกมากแน่ๆค่ะ
(มีต่อนะคะ)