ตัวหนังสือ สามารถบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นไปได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก
จึงไม่น่าแปลก ที่ฉันจะหลงใหลในเสน่ห์ ของตัวอักษรมาหลายปีดีดักแล้ว
ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า “คนเขียนหนังสือ” อยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือ
ไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า “กวี” ได้ล่ะมั้ง โลกของตัวอักษร สวยงามนัก
แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น
และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ
เรื่องราวความรักของฉัน เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า
ในสมุดบันทึกประจำวัน ของฉันมีชื่อเขา ตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว…
คงเพราะความบังเอิญ ที่ทำให้เราสองคน มักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ
ได้เล่นละครด้วยกัน ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
หรือแม้กระทั่ง ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง…
แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม…
จนวันหนึ่ง…
“ มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ”
นี่แหล่ะ ประโยคสำคัญ ที่ทำให้เราสองคน ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
เขารีบ กระวีกระวาด ไปหากระดาษ กับดินสอ มาวางไว้ตรงหน้าฉัน
ไม่รู้ว่าวิญญาณครู ไปสิงอยู่กับชายคนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เขาลากเส้นเป็นตัวอย่าง แล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด
“ขอโทษนะ”
เขาพูดแล้วเอื้อมมือ มาหยิบปอยผมของฉัน
ที่ปลิวเพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม
“ขอบคุณนะเฟิร์ส”
ฉันพูดเขินๆ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร
หลังจากทนนั่งดูฉัน ลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย มาเป็นเวลานาน
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่
“แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก”
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น
“ก็คนมันไม่เก่งนี่นา ไม่ต้องสอนก็ได้นะ”
ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ
“เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา”
เขาบอกยิ้มๆ
ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา…หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก…
เราสนิทกันมากขึ้นทุกที สนิทท่ามกลาง เสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์
ของเพื่อนที่ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียน
“สวีทกันจังเลยคู่นี้”
เสียงเพื่อนๆที่ดัง มาจากด้านหลังห้อง ทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ
“เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย”
เฟิร์สแก้ตัวให้ เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ
แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉัน ก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำ
แล้วเดินหนีไปคุยกันที่อื่นแทน
“ช่างเขาเหอะ” ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
“มีน…เรามีอะไรจะบอก” เขาพูดท่าทางเขินๆ “อารายเหรออออ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว “เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ”
สีหน้าอายๆของเขา ทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆ
ว่านี่คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา
แต่…. “คนนั้นไง” ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบัน
คนหนึ่งที่หน้าตา น่ารักน่าเอ็นดู ฉันหันไปยิ้มล้อ
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก
แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ “เรากลับแล้วนะ” ฉันบอกเบาๆ
“ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ” “มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย”
เขาพูดติดตลก “อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส” ฉันพูดทีเล่นทีจริง
แล้วเดินไปปิดกระจกและประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง
“วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย”
เขาบอกลาแล้วโบกมือให้ ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป
“กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน” เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา ทำให้ฉันแอบ
อมยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข
ฉันนั่งคิดถึง เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ระหว่างฉันกับเขา
นับตั้งแต่วันแรก ที่รู้จักกันตลอดเส้น ทางกลับบ้าน ไม่เคยคิดเลย
ว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดา คนนี้จะกลายมาเป็น คนสำคัญของหัวใจ
ถึงจะรู้ว่าเขา มีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไร
เพราะฉันก็ยังคงมีความสุข ที่จะรักเขา ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม
ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว
ฉันหยิบภาพเหมือนของฉัน ที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ” ฉันยังจำเสียงใสๆ
ของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน “มีความสุขมากๆนะครับมีน”
รอยยิ้มจริงใจของเขา ในวันนั้นยังบันทึกอยู่
ในความทรงจำของฉันเสมอมา….ไม่เคยลบเลือน
“โครมมมมมมม!!!!!!” เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง บรรดาไทยมุง
ต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง ถูกหามออกมา
กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือ ที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ
ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู เห็นหยดเลือด เปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น
แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาว
ที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียน โรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง
มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า “เพียงความทรงจำ…เฟิร์ส”
ชายแก่คนนั้น ทิ้งภาพไว้ที่เดิม อย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก
ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรง ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กระดาษแผ่นนั้น
ปลิวตกลงไปบริเวณลำคลอง ริมถนน และค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น…
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผมได้สมุดเล่มนี้มา จากเพื่อนสนิทของเธอ… ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้
ให้จบด้วยมือของผมแทน เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปเรียนพิเศษ
ก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆ ว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน เพราะปกติเธอไม่ใคร่
จะชอบหยุดเรียนนัก ก็บังเอิญ ผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอ เข้าพอดิบพอดี
“เฟิร์ส…รู้เรื่องมีนหรือยัง”
เขาถาม ผมทันทีที่พบกัน สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆ ปรากฏอยู่
ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ
“ยังครับ มีนทำไมเหรอ”
ผมถามยิ้มๆ เธอก็คงไม่สบาย แต่อาจจะหนักหน่อย
ถึงยอมขาดเรียนวันนี้…ผมคิด
“มีนรถคว่ำ ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล………….” เขาบอก
ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ พอได้สติอีกทีก็ มายืนอยู่หน้าห้อง ICU โรงพยาบาล
แห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม
เขาจัดการเป็นธุระ ไถ่ถามพยาบาล ถึงเตียงของเธอ
เพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม
“เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 นาทีที่แล้วค่ะ”
หูผมอื้อไป หมดจนไม่ได้ยินเสียง พยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราว
ต่อจากนั้น ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร
ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
รู้เพียงแต่ว่า น้ำตาลูกผู้ชายไหล ออกมาท่วมใบหน้าของผม
ตั้งแต่ได้รับรู้ว่า
“เธอจากไปแล้ว” ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลัง
จากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว… ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม…
แต่ทำไม เธอถึงไม่รู้เลยว่า คำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า
“รักกับชอบแตกต่างกัน”
มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้ ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ ให้เธอดู
คือคนที่ผมชอบ แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ
“เธอคนนี้” เธอคนที่เข้าใจ และเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ
… เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่า
ผมคิดอย่างไรกับเธอ ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้ ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้น
ที่เคยจ้องมองผม ด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้
เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส …ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา…
เธอคือรักครั้งแรกของผม
อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อย ในการทำใจว่าต่อจากนี้
จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ไม่มีคนที่เข้าใจ
และคอยห่วงใยผมตลอดมา แต่ผมรู้เสมอว่า เธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆ
เหมือนอย่างเคย เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมัน ว่าความสุข
และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ตรงดินแดนแห่งความรัก
ที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน …สักวันผมจะไปหาเธอ…
หลับให้สบายนะครับ…มีน… หลับตาเถอะนะ… แล้วเราก็จะพบกันอาจ
เป็นเพียงฝันก็พอใจ
หลับตาเถอะนะ…ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ
ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล
หลับตานานนาน…คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน…หลับตาเถอะนะเธอ… …
เพียงความทรงจำ
ตัวหนังสือ สามารถบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นไปได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก
จึงไม่น่าแปลก ที่ฉันจะหลงใหลในเสน่ห์ ของตัวอักษรมาหลายปีดีดักแล้ว
ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า “คนเขียนหนังสือ” อยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือ
ไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า “กวี” ได้ล่ะมั้ง โลกของตัวอักษร สวยงามนัก
แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น
และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ
เรื่องราวความรักของฉัน เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า
ในสมุดบันทึกประจำวัน ของฉันมีชื่อเขา ตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว…
คงเพราะความบังเอิญ ที่ทำให้เราสองคน มักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ
ได้เล่นละครด้วยกัน ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
หรือแม้กระทั่ง ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง…
แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม…
จนวันหนึ่ง…
“ มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ”
นี่แหล่ะ ประโยคสำคัญ ที่ทำให้เราสองคน ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
เขารีบ กระวีกระวาด ไปหากระดาษ กับดินสอ มาวางไว้ตรงหน้าฉัน
ไม่รู้ว่าวิญญาณครู ไปสิงอยู่กับชายคนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เขาลากเส้นเป็นตัวอย่าง แล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด
“ขอโทษนะ”
เขาพูดแล้วเอื้อมมือ มาหยิบปอยผมของฉัน
ที่ปลิวเพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม
“ขอบคุณนะเฟิร์ส”
ฉันพูดเขินๆ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร
หลังจากทนนั่งดูฉัน ลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย มาเป็นเวลานาน
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่
“แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก”
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น
“ก็คนมันไม่เก่งนี่นา ไม่ต้องสอนก็ได้นะ”
ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ
“เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา”
เขาบอกยิ้มๆ
ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา…หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก…
เราสนิทกันมากขึ้นทุกที สนิทท่ามกลาง เสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์
ของเพื่อนที่ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียน
“สวีทกันจังเลยคู่นี้”
เสียงเพื่อนๆที่ดัง มาจากด้านหลังห้อง ทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ
“เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย”
เฟิร์สแก้ตัวให้ เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ
แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉัน ก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำ
แล้วเดินหนีไปคุยกันที่อื่นแทน
“ช่างเขาเหอะ” ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
“มีน…เรามีอะไรจะบอก” เขาพูดท่าทางเขินๆ “อารายเหรออออ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว “เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ”
สีหน้าอายๆของเขา ทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆ
ว่านี่คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา
แต่…. “คนนั้นไง” ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบัน
คนหนึ่งที่หน้าตา น่ารักน่าเอ็นดู ฉันหันไปยิ้มล้อ
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก
แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ “เรากลับแล้วนะ” ฉันบอกเบาๆ
“ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ” “มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย”
เขาพูดติดตลก “อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส” ฉันพูดทีเล่นทีจริง
แล้วเดินไปปิดกระจกและประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง
“วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย”
เขาบอกลาแล้วโบกมือให้ ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป
“กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน” เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา ทำให้ฉันแอบ
อมยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข
ฉันนั่งคิดถึง เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ระหว่างฉันกับเขา
นับตั้งแต่วันแรก ที่รู้จักกันตลอดเส้น ทางกลับบ้าน ไม่เคยคิดเลย
ว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดา คนนี้จะกลายมาเป็น คนสำคัญของหัวใจ
ถึงจะรู้ว่าเขา มีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไร
เพราะฉันก็ยังคงมีความสุข ที่จะรักเขา ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม
ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว
ฉันหยิบภาพเหมือนของฉัน ที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ” ฉันยังจำเสียงใสๆ
ของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน “มีความสุขมากๆนะครับมีน”
รอยยิ้มจริงใจของเขา ในวันนั้นยังบันทึกอยู่
ในความทรงจำของฉันเสมอมา….ไม่เคยลบเลือน
“โครมมมมมมม!!!!!!” เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง บรรดาไทยมุง
ต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง ถูกหามออกมา
กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือ ที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ
ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู เห็นหยดเลือด เปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น
แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาว
ที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียน โรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง
มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า “เพียงความทรงจำ…เฟิร์ส”
ชายแก่คนนั้น ทิ้งภาพไว้ที่เดิม อย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก
ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรง ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กระดาษแผ่นนั้น
ปลิวตกลงไปบริเวณลำคลอง ริมถนน และค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น…
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผมได้สมุดเล่มนี้มา จากเพื่อนสนิทของเธอ… ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้
ให้จบด้วยมือของผมแทน เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปเรียนพิเศษ
ก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆ ว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน เพราะปกติเธอไม่ใคร่
จะชอบหยุดเรียนนัก ก็บังเอิญ ผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอ เข้าพอดิบพอดี
“เฟิร์ส…รู้เรื่องมีนหรือยัง”
เขาถาม ผมทันทีที่พบกัน สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆ ปรากฏอยู่
ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ
“ยังครับ มีนทำไมเหรอ”
ผมถามยิ้มๆ เธอก็คงไม่สบาย แต่อาจจะหนักหน่อย
ถึงยอมขาดเรียนวันนี้…ผมคิด
“มีนรถคว่ำ ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล………….” เขาบอก
ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ พอได้สติอีกทีก็ มายืนอยู่หน้าห้อง ICU โรงพยาบาล
แห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม
เขาจัดการเป็นธุระ ไถ่ถามพยาบาล ถึงเตียงของเธอ
เพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม
“เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 นาทีที่แล้วค่ะ”
หูผมอื้อไป หมดจนไม่ได้ยินเสียง พยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราว
ต่อจากนั้น ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร
ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
รู้เพียงแต่ว่า น้ำตาลูกผู้ชายไหล ออกมาท่วมใบหน้าของผม
ตั้งแต่ได้รับรู้ว่า
“เธอจากไปแล้ว” ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลัง
จากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว… ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม…
แต่ทำไม เธอถึงไม่รู้เลยว่า คำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า
“รักกับชอบแตกต่างกัน”
มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้ ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ ให้เธอดู
คือคนที่ผมชอบ แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ
“เธอคนนี้” เธอคนที่เข้าใจ และเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ
… เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่า
ผมคิดอย่างไรกับเธอ ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้ ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้น
ที่เคยจ้องมองผม ด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้
เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส …ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา…
เธอคือรักครั้งแรกของผม
อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อย ในการทำใจว่าต่อจากนี้
จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ไม่มีคนที่เข้าใจ
และคอยห่วงใยผมตลอดมา แต่ผมรู้เสมอว่า เธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆ
เหมือนอย่างเคย เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมัน ว่าความสุข
และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ตรงดินแดนแห่งความรัก
ที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน …สักวันผมจะไปหาเธอ…
หลับให้สบายนะครับ…มีน… หลับตาเถอะนะ… แล้วเราก็จะพบกันอาจ
เป็นเพียงฝันก็พอใจ
หลับตาเถอะนะ…ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ
ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล
หลับตานานนาน…คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน…หลับตาเถอะนะเธอ… …