***อุทาหรณ์ ถูกกล่าวหาให้เป็นผู้ร้ายโดยไร้หลักฐานจากพนักงานของร้านไอศครีมชื่อดัง

กระทู้สนทนา
ขอยืมล็อคอินของเพื่อนมาใช้นะคะ

เรื่องที่จะมาเล่าต่อไปนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการเตือนสติเเละเเชร์ประสบการณ์จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ได้ต้องการจะทำลายอนาคตหรือทำลายชื่อเสียงใครทั้งนั้นค่ะ

เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม เรา สามี เเละลูก เดินทางไปรับประทานไอศรีมเจ้าประจำในห้างย่านถนนสามเสน เวลาประมาณสองทุ่มหน่อยๆ เมื่อสั่งเสร็จ พนักงานนำไอศรีมมาเสริฟที่โต๊ะปุป ยังไม่ทันเริ่มทานไอศครีม เหตุการณ์ก็เริ่มทันทีค่ะ

ผช.ผจก. : วันนี้คุณพ่อไม่มาด้วยหรอคะ

เรากับแฟน : งง มองหน้ากัน อะไร ยังไง หรือว่าเขาทักคนผิดรึเปล่า

ผช.ผจก. : ครั้งที่เเล้วที่พี่มาพี่ไม่ได้จ่ายเงินค่าไอติมค่ะ พี่ลืมรึเปล่า พอดีวันนั้นมีบิลโต๊ะนึงที่ไม่ได้จ่าย หนูปิดยอดไม่ได้ เลยย้อนดูกล้องเห็นเป็นพี่ที่มากะพี่คนนี้(เเฟน)กะเด็กๆหลายคนเเละคุณพ่อ นั่งตรงโต๊ะทางนู้น

เรา : หืมมมม พี่หรอคะ เดี๋ยวนะ วันไหนคะ วันที่เท่าไหร่ แล้วในกล้องเป็นพี่เลยหรอที่น้องเห็น ถ้าบอกว่าเด็กหลายคน เเละคุณพ่อพี่มาด้วย วันนั้นแฟนพี่เขาไม่ได้มานะ น้องจำคนผิดรึเปล่า มีบิลรายการวันนั้นไหมคะ เพราะพี่จำได้ว่าโต๊ะพี่ทานอะไรกันบ้าง

ผช.ผจก. : วันนั้นพี่ก็มาทานโปร***เเบบวันนี้ค่ะ ยอดบิลสามร้อยกว่าบาท (เราจำตัวเลขเเน่นอนไม่ได้) พี่ไม่ได้ชำระบิลก่อนออกไปค่ะ

เรา : น้องคะ เอาใหม่นะ วันนั้นพี่ไม่ได้มากับแฟน พี่มากับพี่สาว คุณพ่อ พร้อมเด็กสามคน เเล้วรายการที่พี่สั่งทานกัน พี่ไม่ได้ทานโปร***ค่ะ พี่สั่งโปร*** ให้เด็กสองคน เเละไอติมถ้วยเล็กคนละถ้วยกับพ่อพี่ เเละมีซื้อไอติมถังกลับบ้านสองถังในวันนั้นด้วย ยอดรวมจะเป็นยอดที่น้องเเจ้งได้ยังไงคะ ไม่ว่าน้องจะคิดบิลเฉพาะโต๊ะ หรือบิลเฉพาะกลับบ้านก็ไม่ใช่ทั้งสองกรณีเลยนะคะ (เราพยายามอธิบายอย่างใจเย็น เพราะตอนเเรกคิดส่าคนเราเข้าใจผิดกันได้)

ผชผจก. :  หรอคะพี่ นั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เเต่ในกล้องที่ดู เป็นคุณพ่อเดินออกไปกัน

เรา : อ้าว... น้องคะ มันไม่ใช่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าน้องว่าเป็นพี่จริง พี่ขอหลักฐานได้ไหมคะ กล้องในร้าน บิล พี่ขอดูหน่อยค่ะ เพราะนี่น้องระบุมาเลยว่าเป็นครอบครัวพี่ พี่ฟังละไม่สบายใจมาก เพราะพี่มั่นใจว่าไม่ใช่ พี่เป็นคนถือบิลไปจ่ายกับมือ

ผช.ผจก. : หนูไม่มีหลักฐานค่ะพี่ พอดีว่าบิลวันนั้นมันนานเเล้ว หนูไม่ได้เซฟวีดีโอเก็บไว้ด้วย

เรา : อ้าวววววว เเล้วน้องมาชี้เลยว่าเป็นครอบครัวพี่นี่นะ

ผช.ผจก. : คือหนูเห็นว่าพี่เป็นลูกค้าประจำ ก็เลยมาสอบถามเฉยๆ เท่านั้นเอง

เรา : น้องคะ เอาใหม่นะ วันนั้นพี่คนนี้ที่น้องระบุว่าเห็นในกล้องเเน่ (เเฟนเรา) เขาไม่ได้มาค่ะ พี่มากับพี่สาว คุณพ่อเเละเด็กสามคน ซึ่งก็ไม่ตรงกับที่น้องระบุ ออเดอร์ที่น้องบอก ยอดที่น้องเเจ้ง ก็ไม่ตรงกับที่พี่ทาน มันจะเป็นพี่ไปได้ยังไงคะ ....แปปนะ พี่นึกออกอีกอย่างละ วันนั้นพี่มีถ่ายรูปตอนเด็กๆนั่งทานไว้ (เปิดให้ดู) นี่คะน้อง พี่นั่งฝั่งนี้กัน โต๊ะคนละฝั่งกับที่น้องเเจ้งเเน่นอนค่ะ

ผช.ผจก. : คือหนูก็อยากให้พี่ดูกล้องของทางร้านนะ เเต่ว่าหนูไม่ได้เซฟไว้ เเละกล้องของทางร้านเองก็เก็บบันทึกได้ไม่เกิน 10วัน ...รู้สึกพี่จะมาเมื่อสักสองอาทิตย์ก่อนอ่ะคะ

เรา : (เริ่มฉุนละว่าเราอธิบายไปขนาดนี้พร้อมหลักฐาน ทำไมเขายังไม่หยุดกล่าวหาเรา) ขอวันที่เวลาที่ชัดเจนได้ไหมคะ เพราะวันนั้นพี่ถ่ายรูปเเละลงเฟสวันนั้นเลย historyในเฟสพี่ที่พี่อัพไปเเล้วคงเมควันที่ใหม่ตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ จะได้รู้ว่าที่น้องพูดนี่ตรงวันกันไหม

ผช.ผจก. : หนูก็ไม่เเน่ใจวันที่เเน่นอนอ่ะค่ะพี่

เรา : อ้าววววว ตกลงนี่คือน้องไม่เเน่ใจ ไม่มีหลักฐาน ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เเล้วน้องเดินมาระบุพี่ได้เลย คืออะไร

ผช.ผจก. : พนักงานที่รับออเดอร์ เขามาเเจ้งหนูตะกี้ ว่านี่เเหละเป็นพี่ที่ไม่ได้จ่าย กลับมาเเล้ว หนูเลยเข้ามาคุยกับพี่

เรา : น้อง ข้อมูลที่น้องให้มา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่พี่เล่ามานี่มันไม่มีจุดไหนตรงกันเลยนะคะ ...วันที่มีเด็กหลายๆคนมีเค่วันเดียวที่พี่เพิ่งมา เพราะปกติพี่จะมาทานที่ร้านนี้กับแฟนพี่เเละลูกสามคนเเค่นั้น ยิ่งน้องระบุว่ามีคุณพ่อด้วย มีเเค่วันเดียวค่ะ รายการ ยอด โต๊ะ ไม่ตรงกันสักอย่างเลย เเละพี่ก็จำได้ว่าตัวเองถือบิลไปจ่ายเองกับมือ (ไอติมละลายหมดหลังจากที่พยายามอธิบายนานมาก วนอยู่หลายรอบ)

ผช.ผจก. : นั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษค่ะลูกค้า หนูเเค่มาสอบถามดูเพราะบิลมันหายไป

เรา : มันไม่ใช่ไม่เป็นไรค่ะ คำพูดท่าทางที่น้องทำมาทั้งหมด ในความรู้สึกพี่น้องไม่ใช่สอบถาม มันคือการกล่าวหา น้องเดินมาระบุเลยว่าเป็นพี่เเน่ๆ  พี่ไม่โอเคเเล้ว น้องเป็นใครคะ พี่อยากคุยกับผู้จัดการค่ะ

ผช.ผจก. : หนูเป็นผู้ช่วยผู้จัดการค่ะ วันนี้ผู้จัดการไม่อยู่ค่ะ

เรา : นั้นขอชื่อน้องค่ะ พี่จะคอมเพลน

ผช.ผจก. : อึ้ง เเละเดินหายไปหลังร้านร่วมสิบห้านาที

เรากับแฟน นั่งรอที่โต๊ะ จนลูกค้ากลับไปหมดร้าน ผช.ผจก.เดินออกมาพร้อมกระดาษใบนึง

ผช.ผจก. : วันที่พี่มาเป็นวันที่2 ค่ะ ตะกี้หนูไปย้อนกล้องดูอีกรอบ

เรา : (อึ้งหนักว่า รู้สึกโดนหยามในหยามว่าอ่อ ชั้นมีหลักฐานอธิบายมาขนาดนี้ เธอบอกขอโทษ เเต่การกระทำเธอมันไม่ใช่เลยสักอย่าง) หรอคะ เเล้วตกลงเป็นพี่ไหม อะไรยังไง มีหลักฐานรึยังคะ ขอดูค่ะ (วันที่2 ที่น้องอ้างว่าบิลหายดิฉันไม่ได้ไปที่ร้านค่ะ รูปที่ดิฉันถ่ายคือวันที่11)

ผช.ผจก. : คือหนูย้อนไปก็ไม่เห็นค่ะพี่ รูปที่พี่ถ่ายวันไหนคะ

เรา : นี่จนถึงขนาดนี้เเล้ว น้องยังกล้าจะไล่ถามพี่ต่อ ตกลงว่าจะให้เป็นพี่ให้ได้ใช่ไหม มารยาทคุณเเย่มากนะ คุณเป็นผช.ผจก.จริงๆหรอเนี่ย ขอชื่อค่ะ

ผช.ผจก. : (ยื่นให้ ) พี่คะ  หนูทำให้พี่รู้สึกเเย่ขนาดนั้นเลยหรอ

เรา : (ความอดทนหมดละ) น้องคะ พี่อ่ะเข้ามา ไอติมเพิ่งมาเสริฟ อยู่ๆน้องพุ่งมาเลย ดราม่ามาขนาดนี้ คนเต็มร้าน ไอติมพี่ไม่ได้กิน ละลายหมด หมดอารมณ์จะกินเลย อยู่ดีๆถูกหาว่าเป็นผู้ร้าย ....ทั้งๆที่พี่ไม่ได้ทำ อธิบายก็เเล้ว ไล่เหตุการณ์มากับใคร นั่งตรงไหน สั่งอะไร วนๆอยู่ยังงี้ เพื่อให้โอกาสน้องคิดด้วยนะว่าน้องควรหยุด เเต่น้องก็ยังไม่หยุดที่จะทำเหมือนพี่เป็นผู้ร้าย จะเอาให้ได้... พี่ควรรู้สึกดีหรอคะ จะให้พี่เล่ากี่รอบก็เหมือนน้องจะไม่ได้ฟัง ถามจริงๆ น้องดูกล้องชัดเเละเเน่ใจขนาดไหน ถ้าน้องดูครบจนมั่นใจว่าเป็นพี่ น้องต้องมีหลักฐานสิ เพราะพี่อ่ะป็นคนถือบิลไปจ่ายเงิน ยังจำได้ว่าบอกน้องเเคชเชียร์ว่า เเพคไอติมเสร็จให้เอามาให้พี่ที่โต๊ะนี้นะคะ เเละพี่จะไม่ได้จ่ายน้องได้ไง  จนพี่กลับมานั่งที่โต๊ะ รอเด็กๆเสร็จพอไอติมที่จะกลับบ้านมาส่งที่โต๊ะ พวกพี่ถึงเดินออก นี่พี่เเทบจะระบุถึงรสไอติมที่สั่งไปอยู่เเล้วเเต่น้องก็ยังไม่จบ

แฟนเรา : น้องมาพูดเเบบนี้กลางร้าน ขอหลักฐานอะไรก็ไม่มี ถามว่าโต๊ะรอบตัวพี่ที่ไม่ได้อยู่ฟังจนจบ รวมถึงพนักงานทั้งร้านเขาจะตัดสินพวกพี่ไปยังไง บ้านพี่ก็อยู่ตรงนี้ เป็นลูกค้ากันมาตั้งเเต่ห้างเปิด เเล้วอีกหน่อยพวกพี่จะกล้าเข้ามากินอีกหรอ

เรา : ทำไมเธอต้องอาย คนที่ต้องอายไม่ใช่เรา เเต่ต้องเป็นผช.ผจก.สิ ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เขาสิต้องพิจารณาตัวเองว่าเขาทำอะไรลงไป

ผช.ผจก. : ค่ะพี่ หนูพลาดไปเเล้ว หนูขอโทษละกันนะ เนี่ยพี่เลยทานไอติมไม่ลงกันเลย ยังไงเดี๋ยวหนูขอเลี้ยงละกัน หรือจะให้หนูชดใช้ยังไงดี (แสดงท่าทีเหมือนว่าเรากับเเฟนอยากได้คูปอง)

เรา : หน้าพี่ดูเหมือนคนอยากกินฟรี หรืออยากได้วอชเขอร์น้องหรอ ไม่ต้องค่ะ...ชั้นจ่ายเองได้ ไอติมคุณต่อให้เลี้ยงชั้นตลอดไป ยังต้องถามเลยว่าชั้นจะกลับมากินอีกหรอ

เราถือบิลไปจ่ายเเละเดินทางกลับบ้าน

อันนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องผู้ช่วยผู้จัดการพูดน้ำเสียงดีนะคะ เเต่ใช้คำถามและเเสดงท่าทีที่ทำให้เรากับแฟนรู้สึกแย่ทุกคำถาม จากที่เป็นลูกค้าประจำที่สาขามานาน วันนี้เสียความรู้สึก เสียความน่าเชื่อถือเเละ เสียใจมากค่ะ เหมือนถูกจิกหัวไปตบกลางสี่เเยก เเละสุดท้ายบอกขอโทษ ตบผิดคนค่ะ ละยื่นเงินให้สองร้อย เพื่อจบ ยังไงยังงั้นเลย...

********อัพเดทเรื่องต่อจากเมื่อวาน*************

อัพเดทสถานการณ์ล่าสุดวันนี้ค่ะ หลังจากเกิดเหตุการณ์ เราโทรคุยกับทางผจก.ร้านโดยตรงก่อนเมื่อคืนนี้ ผจก.ร้านกล่าวขอโทษเเละบอกจะเข้ามาหาที่ร้านเเต่เช้า สอบถามเวลาที่เราเปิดร้านไป(เราเปิดร้านค้าอยู่เเถวนั้นค่ะ) เเต่วันนี้ช่วงเช้าก็หายไปหายเงียบไปกันหมด

จนตัดสินใจโทรไปเเจ้งกับทางลูกค้าสัมพันธ์ คนรับเรื่องรับเคสละส่งเรื่องต่อ สักพักทางผจก.ถึงได้รีบโทรมาขอไกล่เกลี่ย ขอโทษขอโพยเเทนผช.ผจก. เราเลยบอกว่าผจก.ไม่ได้ทำไรผิด ไม่ต้องขอโทษเรา เเต่ให้ผช.ผจก.ไปคุยกันที่โรงพักเเทนละกัน

สักพักหัวหน้าเเอเรียรีบโทรมาขอโทษ ถามไถ่ถึงเหตุการณ์ เเละบอกว่าจะกำหนดบทลงโทษให้พนักงานทั้งสองคน โดยขั้นต่ำอาจจะเป็นการพิจารณาให้พักงานจนกว่าเด็กจะสำนึก หรืออาจจะไล่ออกให้พ้นสภาพพนักงาน เเล้วถ้าทางเราจะเเจ้งความต่อก็ขอให้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไป

ช่วงบ่ายผจก.เดินทางมาที่ร้านด้วยตนเอง มาขอโทษกับเราอีก บอกว่าเขาเองไม่เคยรับรู้เรื่องมาก่อน ผช.ผจก.ไม่เคยเเจ้งเลยว่ามีบิลที่หาย ไม่ได้จ่ายวันนั้น เเละไม่รู้ว่าเด็กตนเองหาเงินจากส่วนไหนมาปิดยอดด้วย (คืออะไร?) เเสดงความเสียใจว่าถ้าเขารู้ก่อนว่าเป็นเรา จะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะเขาจำเราได้ว่าเป็นลค.ประจำ ซื้อของกับทางร้านเยอะมากทั้งเค้กมูลค่าสูงๆทั้งไอติมบ่อยๆ ตัวเขาเองพอเห็นรูปเราในไลน์ครั้งเเรกเมื่อคืนก็ช็อคมากว่าลูกน้องเขาพลาดมาก เป็นเขาก็ต้องเอาเรื่องร้านเช่นกัน พร้อมทั้งเเจงว่าผช.ผจก.เป็นคนเเบบนี้ ลักษณะขอโทษไม่จริงใจเเบบนี้เเหละ ถูกลค.คนอื่นคอมเพลนมาเยอะมาก ละก่อนกลับบอกว่าพรุ่งนี้จะพาเด็กเข้ามาขอโทษอีกครั้ง

ช่วงเย็นเราสอบถามไปยังทางหัวหน้าเเอเรียใหม่ว่า สรุปเราจะรู้ผลอะไรยังไงต่อ เขาเเจ้งว่า ทางร้านเป็นการซื้อเเฟรนไชน์ ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของว่าตกลงบทลงโทษจะยังไง เเต่เบื้องต้นเจ้าของบอกว่าจะเรียกพนักงานมาว่ากล่าวตักเตือน (พอเห็นเราอ่อนลง ยังไม่เเจ้งความเปลี่ยนบทลงโทษเลย) เราเลยบอกว่าคุณจะอ้างว่าทุกอย่างขึ้นกับเจ้าของ ถ้าอย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องเห็นเเก่หน้าคุณละนะ เเบรนด์คุณถึงจะขายเเฟรนไชส์ เเต่ชื่อที่เขาใช้คือเเบรนด์คุณ ถ้าทางคุณเพิกเฉย ดิฉันเองก็จำเป็นต้องเดินเรื่องต่อเช่นกัน

เราไม่ได้ต้องการวอชเชอร์ ไม่ได้ต้องการกินฟรี เราต้องการคำขอโทษอย่างจริงใจต่อการกระทำครั้งนี้พร้อมบทลงโทษอย่างเป็นทางการที่เป็นลายลักษณ์อักษร คุณกล้าที่จะหมิ่นเราต่อหน้าสาธารณชน หมิ่นในหมิ่น หมิ่นไม่จบ ข้อหาที่คุณกล่าวหาเรา ทำเราติดคุกได้เลยนะ พอเราจะเอาเรื่อง ขอหลักฐาน ไม่มีให้สักอย่าง เอาเเต่ขอไกล่เกลี่ยเเต่ไม่เอาคนที่ทำผิดมารับผิดชอบ ... ต้องอดทนเเค่ไหน คิดดู

ในส่วนของความคืบหน้าวันนี้ของทางร้าน พรุ่งนี้มีเวลาจะมาอีพเดทเพิ่มนะคะ

อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ค่ะว่า ไปใช้บริการที่ไหน ถ่ายรูป เก็บบิลไว้นานๆไม่ต้องทิ้งค่ะ เพราะวันนึงคุณอาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับดิฉัน ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด ตั้งสติให้ดีค่ะ อย่ายอมให้ใครมาตราหน้าว่าเราเป็นผู้ร้ายเเบบไม่มีหลักฐานอะไรเลย.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่