ต่อจากกระทู้นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/36241874
ตอน...ถึงเวลาสยบปีศาจ...!!!
สตาลินล้มป่วยด้วยอาการของโรคหัวใจในวันที่ 2 มีนาคม แต่ก่อนนั้นหนึ่งวัน เขาได้ให้กลุ่มใกล้ชิดเข้าไปร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วย หลังจากสตาลินเริ่มออกอาการเมามาย...เขาไล่ทุกคนออกไปจากห้อง
ทั้งหมดนั้นคือ เบเรีย, ครุสเชฟ, โมโลตอฟ และ ยาเชสเลฟ....สตาลินหลุดปากออกมาว่า
"มันจบสำหรับพวกนายแล้ว..."
ตรงนี้...เบเรียเข้าใจในทันทีว่า ถึงเวลาที่สตาลินจะกำจัดพวกเขาแล้ว เพราะอย่างที่เล่ามาในกระทู้เก่าว่า สตาลินไม่เลี้ยงใครนาน...ลูกน้องมือขวาสองคนของเบเรียก็เพิ่งถูกกำจัดไปตามคำสั่งสตาลินด้วยข้อหาว่า รู้มากเกินไปแล้ว...
พอวันรุ่งขึ้นที่สตาลินเริ่มมีอาการหัวใจกำเริบ...เขาล้มลงนอนเหยียดยาวกับพื้น...หมดสติ...
เบเรีย...ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น...เขารอดูจนเวลาผ่านไปอีกสองวัน จึงได้เรียกแพทย์ให้เข้ามาดูอาการ แต่มันสายไปเสียแล้ว...
สตาลินเสียชีวิตในวันที่ 5 มีนาคม 1953
หลังจากที่ได้รับทราบจากแพทย์แน่นอน...เบเรียได้เข้าไปบอกกับครุสเชฟว่า..."เราได้รักษาชีวิตพวกนายไว้อย่างทันเวลาเลยนะเว้ย...เพราะเขากำลังจะเล่นงานพวกเราอยู่"
เพราะรู้จักนิสัยกันดี ครุสเชฟที่ก้าวขึ้นมาแทนที่สตาลินนั้น ไม่เคยไว้ใจเบเรีย อีกทั้งเขารู้ด้วยว่า เบเรียต้องการที่จะเป็นใหญ่...เพียงแต่ในช่วงแรกๆเขาได้ใช้วิธี"หลอกใช้" เบเรียให้ช่วยกำจัดคู่แข่งคนอื่นๆออกไป
และเมื่อทุกอย่างสำเร็จตามแผนที่วางไว้...ก็ถึงคิวของเบเรีย...แต่เผอิญว่ามีเหตุก่อการจลาจลที่เยอรมันตะวันออกซึ่งต้องส่งกำลังเข้าไปปราบปราม และเสร็จสิ้นในวันที่ 17 มิถุนายน..
ครุสเชฟไม่ได้รอช้า...วันที่ 26 มิถุนายน มีการประชุมสภาเปรสซิเดียม...ที่ครุสเชฟได้แอบเอากำลังทหารมาซ่อนไว้ตามห้องต่างๆ...ในความควบคุมของแม่ทัพซูคอฟ...
เบเรียมาถึงสภาในเวลาปรกติ...และการประชุมได้เริ่มด้วยการนำงานของเบเรียออกมาซักถาม และ ไต่สวน...ซึ่งไม่ใช่วาระการประชุมที่ได้แจ้งให้ทุกคนทราบ...
เบเรียประหลาดใจมาก...ไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขา...
สุดท้ายของการประชุม...ทุกคนได้ลงความเห็นว่า..ควรที่จะขับเบเรียออกไปจากกรรมการพรรคเป็นอันดับแรก...
อันดับที่สองคือ ครุสเชฟได้ส่งสัญญาณให้ทหารเข้ามาทำการจับกุม...
เขาได้ถูกพาตัวไปคุมขัง เพื่อทำการสอบสวนในเรื่องต่างๆ รวมไปถึงเรื่องเอกสารลับของสตาลินที่อยู่ในความครอบครองของเบเรีย...
เขาถูกคุมขังในคุกลับใต้ดินของมอสโคว์อยู่นานถึงหกเดือน จากนั้น ได้ถูกประหารชีวิตโดยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 1953 ด้วยฝีมือของนายพล P.F. Batiskim***
***ทหารระดับนายพลทุกคน...เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเบเรียมานานแสนนาน เพราะการที่ชอบสอดแทรกและล้ำเส้นในทุกกองทัพของหน่วยตำรวจลับจากเบเรีย...เช่นเมื่อทำศึกกับเยอรมัน
เบเรียจะส่งหน่วยตำรวจ NKVD ออกตามหลังไป...และใช้นโยบายว่า...ทหารคนไหนถอย...จะถูกยิงสวนมาจากข้างหลัง...
และเขารู้ดีว่าสตาลินชอบเสร็จศึก...ฆ่าขุนพล...ดังนั้นเบเรียจึงคอยเสนอว่า ใครสมควรที่จะอยู่หรือจะไป (เข้าคุกหรือค่าย...หรือ สำเร็จโทษ)
อย่างแม่ทัพซูคอฟที่รบชนะทั้งสิบทิศ...เมื่อวันที่เสร็จสิ้นศึก โซเวียตได้มีการเดินขบวนพาเหรดฉลองชัยชนะ...ที่แม่ทัพซูคอฟขี่ม้าออกมาและเรียกเสียงโห่ร้องต้อนรับอย่างกึกก้องในฐานะวีรบุรุษนั้น...
เขาก็แทบเอาตัวไม่รอดในต่อมา...เพราะรัศมีของความเป็นวีรบุรุษนั้นเจิดจ้าจนเกินไปทำเอาสตาลินหมองมัวอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเบเรียเริ่มกลัวที่จะโดนโค่นลง...เพราะได้สร้างความขัดแย้งไว้เยอะ
สตาลินอยากจะกำจัดแม่ทัพซูคอฟแบบให้สิ้นซากก็ทำไม่ได้ เพราะสงครามจริงๆแล้ว มันยังไม่จบ...ข่าวก็แว่วๆออกมาว่าคู่สัมพันธมิตรทั้งอเมริกาและอังกฤษจ้องที่จะเล่นงานโซเวียตต่อไป...
เขาระแวงไปหมด เพราะจากประสบการณ์กับฮิตเล่อร์ที่เคยจับมือสัญญิง สัญญาว่าเป็นเกลอกันเป็นอย่างดี...ยังหักหลังได้แบบหน้าตาเฉย...
ดังนั้น...เขายังคงต้องรักษาขุนพลไว้...อย่างแม่ทัพซูคอฟที่กำลังป๊อปปูล่าร์ หากว่าเกิดมีอันเป็นไปขึ้นมา...ประชาชนคงไม่พอใจ และ เหล่าทหารทั้งหลายก็จะหมดกำลังใจในการที่จะสู้รบเพื่อบ้านเมือง
ทางที่ดีที่สุด...เขาได้ย้ายแม่ทัพซูคอฟออกไปยัง Odessa ชายแดนยูเครน...แทบไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไรเลย นอกจาก ตกปลาเล่นไปวันวัน...
อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์....ภาคสิบสอง!!
ตอน...ถึงเวลาสยบปีศาจ...!!!
สตาลินล้มป่วยด้วยอาการของโรคหัวใจในวันที่ 2 มีนาคม แต่ก่อนนั้นหนึ่งวัน เขาได้ให้กลุ่มใกล้ชิดเข้าไปร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วย หลังจากสตาลินเริ่มออกอาการเมามาย...เขาไล่ทุกคนออกไปจากห้อง
ทั้งหมดนั้นคือ เบเรีย, ครุสเชฟ, โมโลตอฟ และ ยาเชสเลฟ....สตาลินหลุดปากออกมาว่า
"มันจบสำหรับพวกนายแล้ว..."
ตรงนี้...เบเรียเข้าใจในทันทีว่า ถึงเวลาที่สตาลินจะกำจัดพวกเขาแล้ว เพราะอย่างที่เล่ามาในกระทู้เก่าว่า สตาลินไม่เลี้ยงใครนาน...ลูกน้องมือขวาสองคนของเบเรียก็เพิ่งถูกกำจัดไปตามคำสั่งสตาลินด้วยข้อหาว่า รู้มากเกินไปแล้ว...
พอวันรุ่งขึ้นที่สตาลินเริ่มมีอาการหัวใจกำเริบ...เขาล้มลงนอนเหยียดยาวกับพื้น...หมดสติ...
เบเรีย...ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น...เขารอดูจนเวลาผ่านไปอีกสองวัน จึงได้เรียกแพทย์ให้เข้ามาดูอาการ แต่มันสายไปเสียแล้ว...
สตาลินเสียชีวิตในวันที่ 5 มีนาคม 1953
หลังจากที่ได้รับทราบจากแพทย์แน่นอน...เบเรียได้เข้าไปบอกกับครุสเชฟว่า..."เราได้รักษาชีวิตพวกนายไว้อย่างทันเวลาเลยนะเว้ย...เพราะเขากำลังจะเล่นงานพวกเราอยู่"
เพราะรู้จักนิสัยกันดี ครุสเชฟที่ก้าวขึ้นมาแทนที่สตาลินนั้น ไม่เคยไว้ใจเบเรีย อีกทั้งเขารู้ด้วยว่า เบเรียต้องการที่จะเป็นใหญ่...เพียงแต่ในช่วงแรกๆเขาได้ใช้วิธี"หลอกใช้" เบเรียให้ช่วยกำจัดคู่แข่งคนอื่นๆออกไป
และเมื่อทุกอย่างสำเร็จตามแผนที่วางไว้...ก็ถึงคิวของเบเรีย...แต่เผอิญว่ามีเหตุก่อการจลาจลที่เยอรมันตะวันออกซึ่งต้องส่งกำลังเข้าไปปราบปราม และเสร็จสิ้นในวันที่ 17 มิถุนายน..
ครุสเชฟไม่ได้รอช้า...วันที่ 26 มิถุนายน มีการประชุมสภาเปรสซิเดียม...ที่ครุสเชฟได้แอบเอากำลังทหารมาซ่อนไว้ตามห้องต่างๆ...ในความควบคุมของแม่ทัพซูคอฟ...
เบเรียมาถึงสภาในเวลาปรกติ...และการประชุมได้เริ่มด้วยการนำงานของเบเรียออกมาซักถาม และ ไต่สวน...ซึ่งไม่ใช่วาระการประชุมที่ได้แจ้งให้ทุกคนทราบ...
เบเรียประหลาดใจมาก...ไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขา...
สุดท้ายของการประชุม...ทุกคนได้ลงความเห็นว่า..ควรที่จะขับเบเรียออกไปจากกรรมการพรรคเป็นอันดับแรก...
อันดับที่สองคือ ครุสเชฟได้ส่งสัญญาณให้ทหารเข้ามาทำการจับกุม...
เขาได้ถูกพาตัวไปคุมขัง เพื่อทำการสอบสวนในเรื่องต่างๆ รวมไปถึงเรื่องเอกสารลับของสตาลินที่อยู่ในความครอบครองของเบเรีย...
เขาถูกคุมขังในคุกลับใต้ดินของมอสโคว์อยู่นานถึงหกเดือน จากนั้น ได้ถูกประหารชีวิตโดยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 1953 ด้วยฝีมือของนายพล P.F. Batiskim***
***ทหารระดับนายพลทุกคน...เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเบเรียมานานแสนนาน เพราะการที่ชอบสอดแทรกและล้ำเส้นในทุกกองทัพของหน่วยตำรวจลับจากเบเรีย...เช่นเมื่อทำศึกกับเยอรมัน
เบเรียจะส่งหน่วยตำรวจ NKVD ออกตามหลังไป...และใช้นโยบายว่า...ทหารคนไหนถอย...จะถูกยิงสวนมาจากข้างหลัง...
และเขารู้ดีว่าสตาลินชอบเสร็จศึก...ฆ่าขุนพล...ดังนั้นเบเรียจึงคอยเสนอว่า ใครสมควรที่จะอยู่หรือจะไป (เข้าคุกหรือค่าย...หรือ สำเร็จโทษ)
อย่างแม่ทัพซูคอฟที่รบชนะทั้งสิบทิศ...เมื่อวันที่เสร็จสิ้นศึก โซเวียตได้มีการเดินขบวนพาเหรดฉลองชัยชนะ...ที่แม่ทัพซูคอฟขี่ม้าออกมาและเรียกเสียงโห่ร้องต้อนรับอย่างกึกก้องในฐานะวีรบุรุษนั้น...
เขาก็แทบเอาตัวไม่รอดในต่อมา...เพราะรัศมีของความเป็นวีรบุรุษนั้นเจิดจ้าจนเกินไปทำเอาสตาลินหมองมัวอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเบเรียเริ่มกลัวที่จะโดนโค่นลง...เพราะได้สร้างความขัดแย้งไว้เยอะ
สตาลินอยากจะกำจัดแม่ทัพซูคอฟแบบให้สิ้นซากก็ทำไม่ได้ เพราะสงครามจริงๆแล้ว มันยังไม่จบ...ข่าวก็แว่วๆออกมาว่าคู่สัมพันธมิตรทั้งอเมริกาและอังกฤษจ้องที่จะเล่นงานโซเวียตต่อไป...
เขาระแวงไปหมด เพราะจากประสบการณ์กับฮิตเล่อร์ที่เคยจับมือสัญญิง สัญญาว่าเป็นเกลอกันเป็นอย่างดี...ยังหักหลังได้แบบหน้าตาเฉย...
ดังนั้น...เขายังคงต้องรักษาขุนพลไว้...อย่างแม่ทัพซูคอฟที่กำลังป๊อปปูล่าร์ หากว่าเกิดมีอันเป็นไปขึ้นมา...ประชาชนคงไม่พอใจ และ เหล่าทหารทั้งหลายก็จะหมดกำลังใจในการที่จะสู้รบเพื่อบ้านเมือง
ทางที่ดีที่สุด...เขาได้ย้ายแม่ทัพซูคอฟออกไปยัง Odessa ชายแดนยูเครน...แทบไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไรเลย นอกจาก ตกปลาเล่นไปวันวัน...