คือเรื่องมันเกิดว่าเราอัดอั้นมานานมาก เนื่องจากเพื่อนเราคนนี้ชอบพูดเหมือนเราก็ทำนู้นนั้นนี่ไม่ได้ เราไม่เมาะห์เราจะเปลี่ยนสายงานเพื่อนก็บอกไม่ดี เราจะไปเรียนต่อเพื่อนก็บอกว่าเราไม่เหมาะกับการเรียนต่อ เราควรเลิกเรียนได้แล้ว แกควรทำงานได้แล้วจริงจังกับมัน เพื่อนมักจะมีคำพูดประมาณนี้ว่าเราไม่เหมาะกับการเรียนต่อไม่เหมาะกับการเปลี่ยนงาน ควรทำงานที่ไม่ต้องใช้สมอง คือฉันก็อัดอั้นใจกับคำพูดของเพื่อน ที่นี้ด้วยความว่าเมาฉันเลยโทรไปสารภาพบอกตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าต้องกินยา ฉันเครียดกับพูดที่เธอพูดว่าฉันก็ทำไม่ได้ตอนนี้ฉันทำได้แล้ว ขอเกิ่นก่อนฉันก็พูดประมาณว่าเห็นแก่เป็นเพื่อนพอฉันเมาแกก็ไปรับฉัน ซึ้งตอนนั้นฉันทำงานที่นึงแล้วฉันไปกินเหล้ากับพี่ที่มำงานปรากฎว่าเมาเล๊ะพี่ที่ทำงานก็ช่วยดูแลเพื่อนคนนี้ก็มารับ พร้อมกับบอกให้ฉันลาออกจากงานซะเพราะยังไงฉันก็ไม่เหมาะกับงานที่นี้ ให้โทรไปบอกเค้าว่าจะลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ฉันก็อายไม่กล้าไปทำงานบวกกับตื่นไม่ทันเลยโทรไปที่Hrว่าขอลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ทุกคนในแผนกก็ตกใจกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น เค้าก้โทรมาถามไลน์มาถาม ฉันเลยบอกไปตามความจริงพี่หัวหน้าก็บอกว่าไม่มีใครว่าแกเลย ลาออกด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนได้ยังไงนี่แกอายุเท่าไหร่แล้ว ฉันก็นึกว่าโดนข่มขื่นหรืออะไร ฉันก็บอกป่าวพี่ที่ทำงานว่าป่าวเค้าก็ถามกลับมาว่าอยากกลับมาทำงานไหมฉันก็บอกว่าอยาก พี่ที่แผนกก็บอกพรุ่งนี้เจอกันฉันก็ไปทำงานแต่ก็เครียดด้วยอะไรด้วยอายด้วยกลัวว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะมองยังไง ฉันเลยโทรกลับไปปรึกษาเพื่อนคนนี้ นางก็บอกไม่รู้วะแกควรที่จะหนักแน่นกว่านี้แล้วเอาจริงๆแล้วปะที่เค้าโทรมาไม่ใข้อะไรเพราะเค้าขาดคนไม่อยากให้คนลาออกแต่ถ้าแกเลือกทางนี้แล้ว และถ้ามีปัญหาอะไรอีกก็ไม่ต้องมาให้ฉันช่วยแล้ว ปล.ที่นี้คืองานกลางคืนที่ฉันทำ จากนั้นฉันก็เครียดกลัวเสียเพื่อนเลยโทรปรึกษาเพื่อนอีกคนนางนึงนางก็โมโหมากบอกว่าสิ่งที่ฉันทำโง่มากและบ้า 1.คือไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง 2.คือเชื่อเพื่อนมาก 3.ทุกอย่างคือการเรียนรู้แกต้องรู้จักรับมือและแก้ปัญหากับสิ่งที่แกก่อไว้ไม่ใช้หนีปัญหาแบบนี้ ว่างั้นแกก็จะหนีปัญหาตลอดชีวิต
เหตุการ์ณที่2ฉันจะทำเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอก 1.คือฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง 2.คือฉันไม่ใช่คนเกรดเฉลี่ยดี เพื่อนคนนี้ก็บอกว่าฉันว่าแกไม่ควรเรียนต่อแล้วแกไม่เหมาะกับการเรียนอะไรแล้วทั้งนั้นแกควรที่จะทำงาน และที่สำคัญแกไม่เหมาะที่จะไปอยู่กับแม่แกที่นู้นเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก แกอยู่คนเดียวมาตลอดอยู่ดีดีจะไปอยู่กับแม่ฉันว่าแกอยู่ไม่ได้หรอก ฉันก็แอบเซงแบบอะไรวะทำไมคนฉลาดเท่านั้นหรอถึงเรียนหนังสือต่อ ทำไมคนอย่างฉันถึงเรียนต่อไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรแต่เก็บมาคิด
เหตุการ์ณที่3 เพื่อนคนนี้เนี่ยละแนะนำให้ฉันไปสมัครงานที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งนางบอกตำแหน่งเสริฟ์ว่าง ฉันก็เลยไปแต่เพียงแต่ไม่อยากทำเสริฟ์แล้วอยากเป็นฟร้อน ปรากฎสัมภาษณ์ผ่าน แต่นางบอกว่าฉันไม่เหมาะงานมันละเอียดขึ้นตกกับเงินเดี๋ยวแกก็มีปัญหาอีกทำไมไม่ทำเสริฟ์แล้วแต่แกนะเพื่อนอีกคนของฉันยังทำไม่ได้เลย ฉันก็เออจริงโทรกลับไปหาHRว่าไม่เอาแล้วได้งานที่อื่น แต่หลังจากนั้นโทรกลับไปเล่าให้เพื่อนอีกคนฟังนางก็ด่าบลาบลา ว่าฉันเชื่อคนอื่นมากไปทำไมไม่ลองก่อน ทุกคนเรียนรู้กันได้ที่นั้นรับคนยากมากแกรู้ไหมทำไมไม่เอา แกคิดอะไรอยู่ แกจะกลัวอะไรไม่มีใครเรียนรู้จาก10ก่อนหรอก ฉันก็แอบบเฟลและเก็บมาคิด
ฉันก็บอกเพื่อนคนนี้ว่าอยากเป็นเซลล์นางก็บอกฉันทำไม่ได้หรอก คนเป็นเซลล์ต้องพูดจาฉะฉาน ฉันก็บอกนางไปว่าของแบบนี้เรียนรู้กันได้ ฉันเลยไปสมัครปรากฎว่าได้และได้ทำตอนแรกแอบเครียดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ นางก็บอกฉันว่าเพื่อนนางยังทำยอดไม่ได้เลย นางก็พูดมาแค่นี้ฉันก็ไม่พูดอะไร เริ่มเบื่อกับคนพูดของเพื่อนคนนี้ที่ทำไมถึงต้องคอย-ดันตลอด หรือฉันคิดไปเองรึป่าว
จากนั้นไม่นานฉันกึ่งเมากึ่งสารภาพเพราะเวลาเมานางเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึงเลยโทรไปบอกว่าเห็นแกเป็นเพื่อน บลาบลาอยากให้แกรู้ไม่ได้อยากเลิกคบกับแกหรืออะไรแต่ก็ชอบคิดว่าเราทำอะไรไม่ได้ เวลาเราจะทำอะไรแกก็ห้ามฉันก็ยกตัวอย่าง นางก็บอกว่านางเป็นห่วงฉันมากแต่ถ้ายังงั่นก็ห่างกันซักพักดีไหม เพราะฉันรู้สึกว่าทางที่แกเลือกมันไม่เหมาะกับแกแล้วที่สำคัญเดี๋ยวแกก็มีปัญหาโดนด่าอีกฉันแค่ไม่อยากให้ใครด่าแก แต่ถ้าความหวังดีของฉันมันทำให้แกมองโลกในแง่ลบและต้องไปพึ่งหมอกินยาเครียดก็ห่างกันดีกว่าแล้วต่อไปนี้ฉันก็จะไปยุ่งวุ่นวายกับแกอีก มันคือชีวิตของแกถ้าความหวังดีของฉันมันทำร้ายแก ฉันก็จะเลิกพอกันที ตอนนั้นฉันก็บอกเพื่อนไปว่าไม่อยากจะเลิกคบนะฉันยังเห็นความดีของแกอยู่ แต่เพื่อนบอกว่าฉันเสียความรู้สึกไปแล้ว ตอนนั้นก็โล่งนะแต่รู้สึกว่าเราควรที่รับผิดชอบกับคำพูดตัวเองเมื่อพูดไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา
เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเราเองมองโลกในแง่ลบ อคติกับเพื่อนมากไป หรืออะไรซึ้งฉันปรึกษาพี่สาว พี่สาวบอกสิ่งที่ฉันทำมันผิดบางทีเพื่อนบอกอะไรเราก็ควรเก็บไปคิดบ้างว่าเราบ่งพร่องจริงไหม เรามันไม่เก่งก็ต้องยอมรับ บางทีการพยายามมากไปมันก็เป็นการฝืนตัวเอง ข้อดีเค้าก็มีเพื่อนดีดีไม่ได้หาได้ง่ายๆ ทำไมถึงทำแบบนี้ละถ้าอยากเป็นเพื่อนกับเค้าต่อก็โทรไปง้อเค้า ซึ้งความรู้สึกของฉันตอนนี้คือไม่ได้อยากง้อเพราะฉันก็เสียความรู้สึกกับคำพูดของเพื่อนเหมือนกัน ฉันก็เก็บเอามาคิดตลอดว่าตัวเองทำไม่ดี ไม่ได้เรื่องอะไรเลย ฉันได้ความคิดหนึ่งมาจากหัวหน้าคนนึงว่าคนทุกคนเกิดมาเท่ากันเพราะฉะนั้นพี่ไม่เชื่อว่าแกจะทำไม่ได้
จริงๆแล้วเราเป็นคนแบบไหน
เหตุการ์ณที่2ฉันจะทำเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอก 1.คือฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง 2.คือฉันไม่ใช่คนเกรดเฉลี่ยดี เพื่อนคนนี้ก็บอกว่าฉันว่าแกไม่ควรเรียนต่อแล้วแกไม่เหมาะกับการเรียนอะไรแล้วทั้งนั้นแกควรที่จะทำงาน และที่สำคัญแกไม่เหมาะที่จะไปอยู่กับแม่แกที่นู้นเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก แกอยู่คนเดียวมาตลอดอยู่ดีดีจะไปอยู่กับแม่ฉันว่าแกอยู่ไม่ได้หรอก ฉันก็แอบเซงแบบอะไรวะทำไมคนฉลาดเท่านั้นหรอถึงเรียนหนังสือต่อ ทำไมคนอย่างฉันถึงเรียนต่อไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรแต่เก็บมาคิด
เหตุการ์ณที่3 เพื่อนคนนี้เนี่ยละแนะนำให้ฉันไปสมัครงานที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งนางบอกตำแหน่งเสริฟ์ว่าง ฉันก็เลยไปแต่เพียงแต่ไม่อยากทำเสริฟ์แล้วอยากเป็นฟร้อน ปรากฎสัมภาษณ์ผ่าน แต่นางบอกว่าฉันไม่เหมาะงานมันละเอียดขึ้นตกกับเงินเดี๋ยวแกก็มีปัญหาอีกทำไมไม่ทำเสริฟ์แล้วแต่แกนะเพื่อนอีกคนของฉันยังทำไม่ได้เลย ฉันก็เออจริงโทรกลับไปหาHRว่าไม่เอาแล้วได้งานที่อื่น แต่หลังจากนั้นโทรกลับไปเล่าให้เพื่อนอีกคนฟังนางก็ด่าบลาบลา ว่าฉันเชื่อคนอื่นมากไปทำไมไม่ลองก่อน ทุกคนเรียนรู้กันได้ที่นั้นรับคนยากมากแกรู้ไหมทำไมไม่เอา แกคิดอะไรอยู่ แกจะกลัวอะไรไม่มีใครเรียนรู้จาก10ก่อนหรอก ฉันก็แอบบเฟลและเก็บมาคิด
ฉันก็บอกเพื่อนคนนี้ว่าอยากเป็นเซลล์นางก็บอกฉันทำไม่ได้หรอก คนเป็นเซลล์ต้องพูดจาฉะฉาน ฉันก็บอกนางไปว่าของแบบนี้เรียนรู้กันได้ ฉันเลยไปสมัครปรากฎว่าได้และได้ทำตอนแรกแอบเครียดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ นางก็บอกฉันว่าเพื่อนนางยังทำยอดไม่ได้เลย นางก็พูดมาแค่นี้ฉันก็ไม่พูดอะไร เริ่มเบื่อกับคนพูดของเพื่อนคนนี้ที่ทำไมถึงต้องคอย-ดันตลอด หรือฉันคิดไปเองรึป่าว
จากนั้นไม่นานฉันกึ่งเมากึ่งสารภาพเพราะเวลาเมานางเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึงเลยโทรไปบอกว่าเห็นแกเป็นเพื่อน บลาบลาอยากให้แกรู้ไม่ได้อยากเลิกคบกับแกหรืออะไรแต่ก็ชอบคิดว่าเราทำอะไรไม่ได้ เวลาเราจะทำอะไรแกก็ห้ามฉันก็ยกตัวอย่าง นางก็บอกว่านางเป็นห่วงฉันมากแต่ถ้ายังงั่นก็ห่างกันซักพักดีไหม เพราะฉันรู้สึกว่าทางที่แกเลือกมันไม่เหมาะกับแกแล้วที่สำคัญเดี๋ยวแกก็มีปัญหาโดนด่าอีกฉันแค่ไม่อยากให้ใครด่าแก แต่ถ้าความหวังดีของฉันมันทำให้แกมองโลกในแง่ลบและต้องไปพึ่งหมอกินยาเครียดก็ห่างกันดีกว่าแล้วต่อไปนี้ฉันก็จะไปยุ่งวุ่นวายกับแกอีก มันคือชีวิตของแกถ้าความหวังดีของฉันมันทำร้ายแก ฉันก็จะเลิกพอกันที ตอนนั้นฉันก็บอกเพื่อนไปว่าไม่อยากจะเลิกคบนะฉันยังเห็นความดีของแกอยู่ แต่เพื่อนบอกว่าฉันเสียความรู้สึกไปแล้ว ตอนนั้นก็โล่งนะแต่รู้สึกว่าเราควรที่รับผิดชอบกับคำพูดตัวเองเมื่อพูดไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา
เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเราเองมองโลกในแง่ลบ อคติกับเพื่อนมากไป หรืออะไรซึ้งฉันปรึกษาพี่สาว พี่สาวบอกสิ่งที่ฉันทำมันผิดบางทีเพื่อนบอกอะไรเราก็ควรเก็บไปคิดบ้างว่าเราบ่งพร่องจริงไหม เรามันไม่เก่งก็ต้องยอมรับ บางทีการพยายามมากไปมันก็เป็นการฝืนตัวเอง ข้อดีเค้าก็มีเพื่อนดีดีไม่ได้หาได้ง่ายๆ ทำไมถึงทำแบบนี้ละถ้าอยากเป็นเพื่อนกับเค้าต่อก็โทรไปง้อเค้า ซึ้งความรู้สึกของฉันตอนนี้คือไม่ได้อยากง้อเพราะฉันก็เสียความรู้สึกกับคำพูดของเพื่อนเหมือนกัน ฉันก็เก็บเอามาคิดตลอดว่าตัวเองทำไม่ดี ไม่ได้เรื่องอะไรเลย ฉันได้ความคิดหนึ่งมาจากหัวหน้าคนนึงว่าคนทุกคนเกิดมาเท่ากันเพราะฉะนั้นพี่ไม่เชื่อว่าแกจะทำไม่ได้