เกือบตกเครื่อง XJ703

สวัสดีครับ ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์เกือบตกเครื่องกลับไทยไม่ทันที่โซลครับ
        เมื่อคืนวันที่ 26 มีนาคม 2560 เวลาประมาณ 5 ทุ่ม กลุ่มของผมซึ่งมีกันทั้งหมด 4 คน ได้เดินทางขึ้นรถไฟ Ktx เพื่อไปสนามบินอินชอน ซึ่งในขณะนั้น รถไฟ Ktx ก็ไม่ยอมออกจากสถานีสักที ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นขบวนสุดท้ายในวันนั้น ใจผมกับเพื่อนผมก็เริ่มเป็นกังวลว่าคงไปไม่ทันแน่ๆ เพราะเครื่องออกตอนเวลา 01.05 น. ของวันที่ 27 มีนาคม 2560 ซึ่งเคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดทำการก่อนเครื่องออกก่อน 1 ชั่วโมง หมายความว่าผมและกลุ่มเพื่อนจะต้องถึงเคาน์เตอร์เช็คอินภายในเวลา 00.05 น. ซึ่งในขณะนั้นตัวผมก็เป็นกังวลว่าคงไปไม่ทันแน่ๆ จนแฟนผมต้องคอยปลอบผมว่าจะกังวลไปทำไม ถ้าไม่ทันก็คือไม่ทัน พอรถไฟออกจากสถานีมาสักระยะ คนในรถไฟก็ค่อยๆเบาบางลง ซึ่งคงเหลือแค่กลุ่มของผมที่เป็นกังวลว่าจะไปไม่ทัน ซึ่งในขณะนั้นเพื่อนผมได้ยินพี่ๆ 2 คนด้านข้างคุยกันเป็นภาษาไทย เพื่อนผมก็สงสัยว่าพี่ๆเขาบิน flight เดียวกันกับพวกผมหรือเปล่า ผลจึงมองพี่เขาเป็นระยะๆด้วยความอยากรู้ พี่เขาก็มองทางผมเป็นระยะๆ จากนั้นพี่เขาก็ถามผมว่า "ผมบิน flight ไหน"
ซึ่งผมตอบว่า "XJ703" ซึ่งเป็น flight เดียวกับพวกพี่เขา ซึ่งพวกเราก็ได้คุยกันมากขึ้นว่าถ้าตกเครื่องจะทำยังไง ซึ่งพวกผมก็ไม่ได้คิดไว้ พี่ๆเขาบอกว่าเขาลืมกล้องจึงต้องกลับไปเอาที่ที่พัก จึงทำให้มาอยู่ในรถไฟ Ktx กับพวกผมในรอบนี้ได้ พี่ๆบอกว่ากระเป๋าของเขาอยู่ที่สนามบินแล้ว ซึ่งต่างจ่กพวกผมที่ต้องคอยลากกระเป๋าแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักค่อนข้างสูง เราก็ได้คุยได้คอยลุ้นกันว่าจะไปทันไหม พี่ๆได้บอกว่าทางครอบครัวของพี่เขาได้ขอร้องทางเคาน์เตอร์เช็คอินในการเลทเวลา ซึ่งทางเคาน์เตอร์ก็ให้เลทเวลาได้แค่ 10 นาที พี่ๆบอกทางออกจากรถไฟ Ktx ให้กับพวกผม ซึ่งถ้าพี่ๆไม่ได้บอกพวกผมก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปเคาน์เตอร์เช็คอินทางไหน เราได้คุยๆกันว่าถ้ารถไฟจอดเราจะวิ่งให้ไวที่สุดโดยให้ผมวิ่งตามพี่ๆไปให้ไว แล้วให้เพื่อนผมวิ่งตาม เพราะในขณะนั้นผมวิ่งไวที่สุดในกลุ่มเพื่อน แต่ต้องแบกเป้ 7 กิโลกรัม และลากกระเป๋าลากอีก 20กิโลกรัม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายมากนัก พอรถไฟจอดพี่ๆเขาก็รีบวิ่ง ผมก็รีบวิ่งไปติดๆเพื่อที่จะไปเคาน์เตอร์เช็คอินก่อน เพื่อที่เพื่อนผมจะสามารถตามผมไปเคาน์เตอร์เช็คอินได้ทัน เพราะถ้าผมนำกระเป๋าไปเคาน์เตอร์เช็คอินก็พอจะสามารถถ่วงเวลาได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งทางพี่ๆได้บอกว่าทางเกาหลีพูดว่า"ถ้าวิ่งมาก็จะรอ" ซึ่งจำเป็นที่พวกเราจะต้องวิ่งไปให้ไวที่สุด พอพวกผมวิ่งมาสักระยะหนึ่งก็ได้เจอทางครอบครัวพี่เขา ที่มารอพี่เขาตรงทางเข้า และคอยนำทางพี่เขาไป ซึ่งทางพี่เขาและครอบครัวยังมีน้ำใจมาคอยช่วยเหลือกลุ่มพวกผม มาคอยบอกทางให้ บอกให้ผมรีบๆนำกระเป๋าไปเคาน์เตอร์เช็คอิน ซึ่งผมก็ยังเป็นห่วงแฟนผมและคนในกลุ่มว่าจะสามารถตามมาทันหรือเปล่า ซึ่งน้องของพี่เขาและครอบครัวก็ได้คอยรอเพื่อนผมและนำทางให้ ซึ่งแฟนผมบอกว่าทางครอบครัวพี่เขาได้ช่วยแฟนผมเข็นกระเป๋าเดินทางด้วย ซึ่งผมมาถึงเคาน์เตอร์เช็คอิน ผมยอมรับครับว่าเหนื่อยมาก แต่ก็ต้องยอมครับ ไม่งั้นคงตกเครื่องแน่ จากนั้นเพื่อนๆผมก็ได้มาเช็คอินจนครบ สรุปกลุ่มผมและทางพี่ๆเข่ไม่ตกเครื่องครับ ผมต้องขอบคุณพี่ๆและครอบครัวมากๆครับที่คอยให้ความช่วยเหลือ คอยบอกทาง และไม่ทิ้งกลุ่มของพวกผม ถ้าผมไม่เจอพี่ๆในรถไฟกลุ่มของพวกผมคงต้องตกเครื่องอย่างแน่นอนครับ ผมขอขอบคุณพี่ๆและครอบครัวอีกครั้งครับที่ทำให้พวกผมไม่ตกเครื่องแบะได้กลับประเทศไทยได้ทัน ครอบครัวพี่เป็นคนดีมีน้ำใจมากๆครับ ขอบคุณครับ คราวหน้าคราวหลังพวกผลจะเผื่อเวลาในการเดินทางให้มากขึ้นครับ ครั้งนี้ถือเป็นประสบการจริงๆครับ เข็ดเลยครับ คราวหลังจะไม่ประมาทเลยครับ
ขอบคุณพื้นที่ในการแบ่งปันเรื่องราวครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่