ช่วงที่ผ่านมามีการโต้เถียงกันเรื่องการสอบครูผู้ช่วยที่เปิดกว้างให้ผู้ที่ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูสามารถสมัครได้ โดยมีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างยกเหตุผลขึ้นมาค่อนข้างน่าสนใจมากเลยทีเดียว โดยขอแบ่งตามที่เราอ่านมาดังนี้นะ
ฝ่ายคัดค้าน :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนที่ไม่ได้จบครูมาโดยตรงไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คณะครุฯผลิตครูที่มีคุณภาพซึ่งย่อมจะสามารถสร้างนักเรียนที่มีคุณภาพดีกว่าคนที่ไม่ได้จบมาโดยตรง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คณะครุฯเรียน5ปี ในขณะที่คณะอื่นเรียนเพียง4ปี ย่อมเกิดความเสียเปรียบแก่ผู้ที่เรียนคณะครุฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนที่จะประกอบวิชาชีพครู ควรจะมีใบประกอบวิชาชีพก่อนมาทำงาน ไม่ใช่ไปทำงานแล้วค่อยหาใบประกอบวิชาชีพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนที่จบครูมีจิตวิทยาและมีแผนการสอนที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้จบครูมาโดยตรง
ฝ่ายเห็นด้วย :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สามารถนำคนที่เก่งวิชาเฉพาะด้านเข้ามาถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จิตวิญญาณความเป็นครู เทคนิคการสอน ความรู้จิตวิทยาการศึกษา ต้องมีได้เฉพาะผู้ที่เรียนครูมาเท่านั้นหรือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนที่จบครูมาโดยตรงบางคนไม่ได้ใส่ใจเด็กเท่าที่ควรโดยมักจะสนใจกับการทำรายงานเพื่ออัพเงินเดือนของตน
....นอกจากนี้ยังมีการโต้งเถียงอีกมากมาย....
....ส่วนตัวเราจะไม่ยกประเด็นว่าการเปิดกว้างให้ทุกสาขาอาชีพสามารถสอบครูผู้ช่วยได้นั้นดีหรือไม่ แต่เราจะยกประเด็นว่าการออกมาโต้เถียงกันครั้งนี้เป็นการปกป้องครู ปกป้องระบบการศึกษาหรือปกป้องนักเรียน เพราะฝ่ายคัดค้านมักกล่าวอ้างถึงประสิทธิ์ภาพและความพร้อมรวมทั้งจิตวิญญาณที่จะมาสอนเด็กนักเรียนว่าคนที่จบครูมาโดยตรงย่อมมีสิ่งดังกล่าวและสามารถทำหน้าที่ของครูได้ดีกว่า คนที่ไม่ได้จบครูมาโดยตรง
ซึ่งเรามองว่าเราแทบจะไม่เคยเห็ยครูออกมาปกป้องนักเรียนกันเลย ที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องของข้อสอบโอเน็ตที่ผิดพลาด ตกลงแล้วคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มิควรจะต้องปกป้องเรื่องเหล่านี้หรือ?? หรือว่าอย่างไรกันแน่ที่ครูควรมีและควรปกป้อง หรือว่าเรื่องแบบนี้นักเรียนก็ควรจะปกป้องตัวเอง
ทั้งนี้ทุกฝ่ายออกมาโต้เถียงกันโดยต่างอ้างว่าเพื่อปกป้องนักเรียน ซึ่งเรายังมองไม่เห็นว่าตกลงแล้ว ครูออกมาปกป้องนักเรียนหรือปกป้องใคร และผู้ใหญ่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องการปกป้องใครหรือต้องการทำอะไรกัน
สุดท้ายนี้เรายังมองเห็นแต่ว่าทุกฝ่ายออกมาปกป้องผลประโยชน์ของตนเองโดยใช้นักเรียนเป็นโล่เพื่อมาปกป้องตนเองกันทั้งนั้น แล้วคุณล่ะอยากปกป้องใคร ???
....ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงข้อความนี้ ทั้งนี้เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้นำหรือสร้างความเกียจชังแก่ใคร เพียงแต่หยิบยกประเด็นตามความคิดและแสดงออกมา โดยประสงค์จะให้ทุกคนร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดกัน หากข้อความข้างต้นสร้างความไม่สบายใจแก่ผู้อ่านเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ดราม่าครู ปกป้องนักเรียน หรือ ปกป้องใคร ?????
ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างยกเหตุผลขึ้นมาค่อนข้างน่าสนใจมากเลยทีเดียว โดยขอแบ่งตามที่เราอ่านมาดังนี้นะ
ฝ่ายคัดค้าน : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝ่ายเห็นด้วย : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
....นอกจากนี้ยังมีการโต้งเถียงอีกมากมาย....
....ส่วนตัวเราจะไม่ยกประเด็นว่าการเปิดกว้างให้ทุกสาขาอาชีพสามารถสอบครูผู้ช่วยได้นั้นดีหรือไม่ แต่เราจะยกประเด็นว่าการออกมาโต้เถียงกันครั้งนี้เป็นการปกป้องครู ปกป้องระบบการศึกษาหรือปกป้องนักเรียน เพราะฝ่ายคัดค้านมักกล่าวอ้างถึงประสิทธิ์ภาพและความพร้อมรวมทั้งจิตวิญญาณที่จะมาสอนเด็กนักเรียนว่าคนที่จบครูมาโดยตรงย่อมมีสิ่งดังกล่าวและสามารถทำหน้าที่ของครูได้ดีกว่า คนที่ไม่ได้จบครูมาโดยตรง
ซึ่งเรามองว่าเราแทบจะไม่เคยเห็ยครูออกมาปกป้องนักเรียนกันเลย ที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องของข้อสอบโอเน็ตที่ผิดพลาด ตกลงแล้วคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มิควรจะต้องปกป้องเรื่องเหล่านี้หรือ?? หรือว่าอย่างไรกันแน่ที่ครูควรมีและควรปกป้อง หรือว่าเรื่องแบบนี้นักเรียนก็ควรจะปกป้องตัวเอง
ทั้งนี้ทุกฝ่ายออกมาโต้เถียงกันโดยต่างอ้างว่าเพื่อปกป้องนักเรียน ซึ่งเรายังมองไม่เห็นว่าตกลงแล้ว ครูออกมาปกป้องนักเรียนหรือปกป้องใคร และผู้ใหญ่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องการปกป้องใครหรือต้องการทำอะไรกัน
สุดท้ายนี้เรายังมองเห็นแต่ว่าทุกฝ่ายออกมาปกป้องผลประโยชน์ของตนเองโดยใช้นักเรียนเป็นโล่เพื่อมาปกป้องตนเองกันทั้งนั้น แล้วคุณล่ะอยากปกป้องใคร ???
....ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงข้อความนี้ ทั้งนี้เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้นำหรือสร้างความเกียจชังแก่ใคร เพียงแต่หยิบยกประเด็นตามความคิดและแสดงออกมา โดยประสงค์จะให้ทุกคนร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดกัน หากข้อความข้างต้นสร้างความไม่สบายใจแก่ผู้อ่านเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย