กรณีศึกษาหุ้น GL โดน ม.44 กลต. เล่นงาน

กระทู้สนทนา
GL เป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์แทบทุกสำนักคาดการณ์ตรงกันว่า จะถูกนำเข้าไปรวมคำนวณในดัชนี SET50 (จากที่ปัจจุบันอยู่ใน SET100) ซึ่งถามว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์จากอะไร ก็คาดการณ์จากเกณฑ์ทางด้าน quantitative ที่ตลาดได้เคยประกาศออกมา ว่าหุ้นที่จะติด SET50 จะต้องผ่านเกณฑ์อะไรบ้าง ซึ่ง GL ผ่านเกณฑ์ทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมาร์เก็ตแคป ฟรีโฟลต และมูลค่าการซื้อขาย

นักวิเคราะห์แทบทุกสำนักก็เชียร์ให้ซื้อ GL เพื่อรับการที่จะถูกนำเข้าคำนวณ SET50 โดยนำเอาข้อมูลในอดีตมาอ้างอิง เป็นการวิเคราะห์แบบ quantitative ว่า หุ้นที่จะเข้าคำนวณ SET50 จะให้ผลตอบแทนกี่ % หากซื้อล่วงหน้า เพราะหลังเข้าคำนวณจะต้องมีแรงซื้อจากกองทุนพวก passive ที่ลงทุนตามดัชนี SET50 จะต้องเข้ามาซื้อ GL เก็บเข้าพอร์ต  

พอนักวิเคราะห์แทบทุกสำนักออกบทวิเคราะห์มาให้ซื้อเพื่อรอการเข้าคำนวณ SET50 นักลงทุนที่อ่านบทวิเคราะห์แล้วมองว่าน่าสนใจที่จะเล่นจากสตอรี่นี้ ก็เข้ามาซื้อ GL เก็บ เพราะไม่ใช่นักวิเคราะห์ค่ายเดียวที่เชียร์ซื้อ แต่เป็นนักวิเคราะห์แทบทุกสำนักมองตรงกันว่า GL จะติด SET50

ด้วยเหตุนี้ ยิ่งใกล้วันที่จะมีการประกาศหุ้นที่จะเข้าคำนวณ SET50 ราคา GL ก็วิ่งขึ้นมาเพื่อการประกาศทันที ไม่ต่างกันกับหุ้นอย่าง BJC ที่ถูกคาดหมายว่าจะเข้า SET50 เช่นกัน

แล้วอะไรที่ทำให้ GL ปรับตัวลงมาแรง??

หุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาเร็วและแรง จะมีความอ่อนไหวอย่างมาก เพราะคนที่มีทุนต่ำก็มีอยู่มาก ส่วนใหญ่จะขายเพื่อล็อคกำไรก่อน ส่วนคนที่ซื้อที่ราคาสูง ก็จะมีความกลัวมาก และพร้อมที่เทขายหุ้นออกมาอย่างรวดเร็ว

อย่างที่ผมเคยบอกไปว่า ขึ้นมาด้วยข่าวอะไร หากการคาดการณ์มัน “ผิด” มันก็พร้อมที่จะลงแบบไม่คิดชีวิตเช่นกัน หลังจาก ตลท. ประกาศชื่อหุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 ไม่มีชื่อของ GL ติดโผ และยิ่งไปกว่านั้น GL ยังหลุดจากการคำนวณดัชนี SET100 เสียด้วย!!!!

นี่ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่คาดการณ์ไว้มัน “ผิดคาด” เท่านั้น แต่มันยัง “หนักว่าที่คิดไว้” เสียอีก  

ทั้งตลาดมีแต่คำถามว่า ทำไม GL ถึงไม่ติด SET50 แถมยังหลุดจาก SET100 เสียด้วย มันเกิดอะไรขึ้น นักวิเคราะห์ถูกด่ากันไปเต็มๆ เพราะออกบทวิเคราะห์ว่า GL จะติด SET50

ต้องบอกกันก่อนว่า เกณฑ์การเลือกหุ้นเข้าคำนวณ SET50 SET100 นั้น นอกจากจะมีเกณฑ์ทาง quantitative แล้ว ตลาดยังเปิดช่องในการใช้ “ดุลยพินิจ” ของตลาดด้วยว่าจะให้หุ้นตัวนั้นเข้าคำนวณหรือไม่?? ซึ่งไอ้ “ดุลยพินิจ” นี่ล่ะ คือเกณฑ์แบบ qualitative ซึ่งในทางการปฏิบัติจริงๆแล้ว มันไม่ควรมีเกณฑ์ในลักษณะนี้ขึ้น

งานนี้นักวิเคราะห์รับขี้ไปเต็มๆ เพราะถูกด่ากันหมด ทั้งๆที่นักวิเคราะห์ก็ใช้เกณฑ์ของ ตลท. นั่นล่ะมาใส่ในสูตรว่าหุ้นตัวใดควรเข้ามาอยู่ใน SET50 ซึ่ง GL เกินเกณฑ์ไปอย่างมาก กับ market cap ระดับ 1 แสนล้าน ด้วยปริมาณการซื้อขายที่คึกคัก และฟรีโฟลตที่เกินเกณฑ์ไปเยอะ ยังไงมันก็ควรจะติด SET50 แต่ “ดุลยพินิจ” ของ ตลท. มองว่า GL ไม่ควรแม้จะได้อยู่ใน SET100 เสียด้วยซ้ำ

ผมอยากถาม ตลท. ว่า “ดุลยพินิจ” ของตลาดคืออะไร? ตลาดควรมีคำอธิบายว่า ทำไม่หุ้นอย่าง GL ถึงไม่ติด SET50 แถมตลาดยังเขี่ยออกจาก SET100

SET50 ควรหมายถึงหุ้น 50 ตัวที่ส่งผลต่อดัชนีตลาดมากที่สุดไม่ใช่หรือ?? ซึ่งหากเราไปเทียบกับ MSCI เราจะเห็นว่า หุ้นอย่าง N-PARK (U) ยังติดการคำนวณ MSCI ได้เลย เพราะเกณฑ์มันถึง แล้วสำหรับ SET50 กับ SET100 ตลาดให้นิยามหุ้นที่จะติดการคำนวณดัชนี 2 ตัวนี้ไว้ว่าอย่างไร??

ถ้าจะบอกว่า GL ขิ้นมาแรงเกินไป ก่อนหน้านี้ หุ้นอย่าง TASCO ก็วิ่งจากแถวๆ 5 บาทไปถึง 40 กว่าบาท หรือเกือบ 10 เท่าตัว ก็ยังสามารถกระโดดจากหุ้นโนเนม ไปติด SET50 ได้ในทันที  

สถานการณ์มันเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก และสร้าง “ความกังวล” อย่างหนักให้กับคนเล่นหุ้น GL ก็คือ “ทำไมหุ้นตัวนี้ถึงหลุด SET100??”

ตราบใดที่ ตลท. ยังปิดปากเงียบ ไม่บอกว่า ตลาดใช้เกณฑ์ใดเขี่ย GL ออกจาก SET100 ทั้งๆที่ควรติด SET50 มันก็ยิ่งสร้างความสงสัย และความกังวลว่า ตลาดกำลัง “สงสัย” อะไรในหุ้น GL หรือไม่ / ตลาดกำลังไม่พอใจอะไร GL หรือไม่ ซึ่งแน่นนอนว่า หุ้นตัวใดที่ “มีปัญหากับ ตลท.” คงไม่มีใครอยากเข้าไปเล่น

นอกจากนั้น การใช้ “ดุลยพินิจ” ของ ตลท. ครั้งนี้ ตลาดจะรับประกันได้อย่างไรว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์จากการพิจารณาของตลาดในครั้งนี้ หากมีใครล่วงรู้การตัดสินใจของ ตลท. ก่อนที่จะมีการประกาศออกมาแล้วเทขายหุ้น GL ออกมาก่อน นั่นถือเป็นการเอาข้อมูลภายในมาหาประโยชน์หรือไม่

ผมรู้ว่า ตลท. คงไม่เปลี่ยนแปลงเกณฑ์ที่จะมีการใช้ “ดุลยพินิจ” เป็นแน่ แต่อยากเรียกร้อง ตลท. ว่า กรณีของ GL มัน “ผิดปกติ” เป็นอย่างมาก  

ตลท. ควรชี้แจงว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้หุ้นอย่าง GL หลุดจาก SET100 เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้ใช้เป็นแนวทางว่า ในการคัดเลือก SET50 ครั้งต่อๆไป จะต้องพิจารณาอะไรเพิ่มเติมไปกว่าเกณฑ์ทาง quantitative ที่ตลาดแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันแล้วบ้าง

ดังนั้น มันคงเลี่ยงไม่ได้ถ้าผมจะพูดว่า ที่ราคาหุ้น GL ปรับตัวลงมาครั้ง ส่วนหนึ่งเกิดจาก “ความไม่ชัดเจน” ของ ตลท. ที่สร้างความเคลือบแคลงให้กับนักลงทุนหมู่มาก และพาลคิดไปว่า GL กำลังทำอะไรผิดจนเป็นที่จับตาของตลาดอยู่หรือไม่ นักลงทุนควรระมัดระวังตัวในการเข้าลงทุนในหุ้น GL หรือไม่?

ตลาดบอกเสมอว่า นักลงทุนควรเล่นหุ้นโดยดูจากพื้นฐาน และวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการของบริษัท แล้วกับหุ้นที่มีการเติบโตขนาดนี้จากการรุกตลาดต่างประเทศ นักวิเคราะห์เองก็ให้ราคาเหมาะสมกัน 60 กว่าบาท บางรายให้ 80 กว่าบาทกันแล้ว ถ้าจะมองกันในแง่พื้นฐาน นักลงทุนที่ซื้อ GL จากพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโต เขาผิดตรงไหน?? มีอะไรที่นักลงทุนเหล่านี้ “ไม่รู้” แต่ ตลท. “รู้”  

ผมเอง ผมยอมรับว่า ผมสงสัยในการใช้ “วิศวกรรมทางการเงิน” ของ GL เพื่อผลักดันสร้างสตอรี่ให้กับหุ้น แต่ผมไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยในการทำธุรกิจของ GL เลย เพราะผมตามหุ้นตัวนี้มาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ที่เริ่มเข้าไปรุกธุรกิจในกัมพูชา จนมันเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารนั้นอ่านเกมได้ขาดจริงๆ จนปัจจุบันนี้ บริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ต้องทำตาม GL โดยการรุกธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV กันหมด

นักลงทุนที่เล่น GL ณ เวลานี้ จึงกำลังเหมือนอยู่บนทางแยกว่า เราควรจะเลือกเล่น GL ซึ่งเป็นหุ้นที่มองว่าจะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดต่อไปอีก 2 ปี โดยกำไรน่าจะโตได้อีกไม่ต่ำกว่า 3 เท่าใน 2 ปีข้างหน้าดีหรือไม่ ถ้าหุ้นตัวนี้ เป็นหุ้นที่ ตลท. “ไม่ชอบ”


เครดิตบทความโดย .....wattana stock site
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่