คำเตือน เหตุการณ์ในเรื่อง ชื่อตัวละคร ฉาก บริบท เป็นเพียงเรื่องสมมุติเท่านั้น
กรุณาอย่าหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงโดยเด็ดขาด^^
วิกาล
จันทรา
สายลม
หัวใจ
เงาจันทร์
วิกาลดึกดื่น จันทราเคลื่อนคล้อย สายลมเฉื่อยฉิว หัวใจเงียบงัน เงาจันทร์ซึมเซา บุรุษหนุ่มคล้ายรอคอยอยู่กลางเงาจันทร์ ใต้แมกไม้ ในสายลมเยือกเย็น หมู่ตึกข้างหน้าห่างไปไม่ไกลโคมไฟยังคงกระจ่าง ใกล้บานประตูใหญ่มีป้ายหินอ่อนสลักอักษรให้ความรู้สึกอาจหาญเปี่ยมคุณธรรมล้ำฟ้า
หมู่ตึกอิทธิพล
เขาฉายาในวงการว่า นักฆ่าเลื่อยยนต์ งานคือฆ่าคน มือฆ่าคนต้องไม่สั่นไหวกลับกลาย ยิ่งคนสมควรตายก็ต้องสมควรให้ตาย ต่อให้ไม่ถึงเวลาตายก็มิอาจไม่ตาย ต่อให้ไม่ตายคืนนี้คนในหมู่ตืกไม่อยากตายก็ต้องตาย
หมู่ตึกอิทธิพล คล้ายไม่ใช่หมู่ตึกธรรมดา หมู่ตึกธรรมดาไม่มีบารมียิ่งใหญ่คับฟ้าเช่นนี้ เนื่องเพราะเป็นหมู่ตึกมีสีสันพรรณราย เฒ่าอิทธิพลผู้เป็นประมุขยิ่งมีสีสันบรรเจิดเพริดแพร้วพิสดาร ไม่เพียงมีเงิน ยังมีอำนาจวาสนามหาศาล ลูกหลานพลอยมีอำนาจวาสนาไปด้วย แค่ออกปากเห่าคำเดียวตาชั่งยังแกว่งไกวกระเจิดกระเจิง ผู้ใดขวางการโกงกินล้วนถูกกำจัดปัดเป่าพ้นเส้นทาง
ไอ้หนุ่มแหกต่วย ลูกชายคนโตของตระกูล ไม่เคยร่ำเรียน ไม่เคยทำงาน วันคืนพาพรรคพวกขับโคเทียมเกวียนฉวัดเฉวียนไปรอบหมู่บ้าน ไม่พอใจใครกระโดดลงมาจากพาหนะใช้ไม้ตะเกียบจักกะจี้ผู้คนจนตายทั้งเป็น มันสามารถทำเลวตามใจได้เพราะรู้ว่าบิดาของมันต้องลงมาปกป้องเสมอ คนเราเกิดมาไม่มีทางเท่าเทียมกันไม่ว่าหลับหรือตื่น เพราะบางคนเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองคาบมีดคาบปืนออกมาจากท้องแม่ แทนที่คลอดออกมาจะแหกปากร้องไห้อย่างเด็กธรรมดา กับหัวร่ออย่างน่าขนพองสยองเกล้ากับแววตาอำมหิต ราวกับเป็นผีนรกกลับชาติมาเกิดก็มิปาน และหลังจากนั้นก็ไม่เคยทำอะไรผิด ต่อให้ไปฆ่าใครสักคนก็ไม่ผิด เพราะบิดามารดาจะถือร่มคันใหญ่มาปิดฟ้าให้เสมอ
น้องคนรองของหมู่ตึกชื่อ ต่าช้ำ (ภาษาออกทางจีนๆ อย่าคิดมากเด้อ) วันๆ มิอาจทำการใด เพียงพาพรรคหมู่ ขี่ควายซิ่งวิ่งก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปวันๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะถือว่าพวกตัวเองเป็นกฎหมู่ ถือว่าบิดาใหญ่ หลายครั้งขี่ควายซิ่งวิ่งเร็วเกินไปจนพุ่งไปชนคนเดินถนนตายก็ไม่มีใครกล้าเอาความ
น้องคนสุดท้องฉายา สกนะรัด วีรเวรมิพ่ายผู้เป็นพี่ ล่าสุดพาพรรคพวกไปฆ่าคนล้างหมู่บ้านเพราะคิดว่าเขามองหน้า สุดท้ายกลายเป็นฆ่าผิดหมู่บ้าน ศาลเลยยกฟ้องเพราะถือว่าไม่มีเจตนา ใครตายก็ตายแล้วกันไปถือว่าโมฆะ คนตายร้องเรียนไม่ได้ หนำซ้ำสกนะรัดยังอายุเพียง 14 ขวบ กฎหมายคุ้มครองไม่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายปานใด
ดังนั้น มีคนคิดว่า พวกนี้สมควรตาย
จันทราคลาเคลื่อน บุรุษหนุ่มรอเวลา
เพียงคนในหมู่ตึกนอนหลับ เลื่อยยนต์พิฆาตของมันจะทำงานทันทีเลื่อยยนต์ไม่รวดเร็วจนไร้เงาเหมือนมีดบินของลี้คิมฮวง ไม่หนักหน่วงดุจขุนเขาถล่มถลายเหมือน Black Sabbath ไม่ Sweet Child O' Mine เหมือน Guns N' Roses แต่มีประโยชน์เด็ดขาดคือฆ่าคน
พอเสียงเลื่อยยนต์คำรามกระหึ่มแตกสนั่น ผู้คนตกตะลึงชาค้าง กว่าจะตั้งตัวได้ แขนขารยางค์ชุ่มเลือดเนื้อเศษชิ้นส่วนร่างกาย กระเด็นเซ็นซ่านคลุกเคล้าธารโลหิตตับไตไส้พุงขาดวิ่นดิ้นเร่าระริกไหวไปมาบนพื้นท่ามกลางควันคลุ้งของไอน้ำมันฉุนอบอวลลมหายใจแห่งความตายสูดวิญญาณ ลงสู่ขุมนรกอย่างอิ่มเอมปรีดิ์เปรม
หลังจากคืบคลานเข้าไปใกล้กำแพงหมู่ตึกจนแสงโคมไฟกระจ่างสว่างชัดตา บุรุษหนุ่มยืดตัวตรง หยิบหน้ากากรูปใบหน้าของตัวเองจากกระเป๋ามาสวมปิดใบหน้า (สุดยอดแห่งการปลอมตัวคือปลอมตัวเป็นตัวเอง ไม่มีใครจับได้เด็ดขาด) มือขวากุมด้ามเลื่อยยนต์มั่น เตรียมทะยานข้ามกำแพงเข้าไปในหมู่ตึก
“เมี้ยว!”
ท่าร่างกำลังจะกระโดดปราดขึ้นชะงักค้าง เสียงแมวร้องดังอยู่ข้างๆคล้ายทรงพลานุภาพเร้นลับจนลมปราณแตกซ่าน หันไปมองอย่างขุ่นเคืองกับภาพเจ้าแมวสีขาวนัยน์ตาเป็นประกายวับวาวด้วยประกายตากึ่งหิวกึ่งอ้อน ท่าทางภารกิจครั้งนี้ยุ่งยากเสียแล้ว วงการนักฆ่าถือว่าเจอแมวก่อนลงมือเป็นลางไม่ดี
ฆ่าทิ้งเสียดีไหม.....
“เมี้ยว!” แมวขาวพูดคำเดิม เดินเข้ามาใช้สีข้างคลอเคลียอยู่ข้อเท้า นั่นเป็นลางร้ายแรงอีกสองเท่า วงการถือว่านักฆ่าสัมผัสแมวก่อนลงมือนอกจากจะไม่สำเร็จภารกิจยังต้องตกตายอนาถจิต หัวใจของนักฆ่าเลื่อยยนต์ตกวูบลง ง้างเท้าทำท่าจะเตะออกไปแต่พลันชะงักค้าง แม้ว่าจะเป็นนักฆ่าแต่ก็มิใช่นักเตะแมว วงการถือว่าผู้ใดทำร้ายหมาแมวและบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย ล้วนถูกประณามเลวร้าย สมองของหมาแมวก็มีเท่านั้น ไยต้องไปถือสาหาความ
นักฆ่าถอนใจรู้ชะตากรรมแล้วว่าชีวิตตนเองใกล้จบสิ้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นแม้ว่าจะต้องแลกกับชีวิตก็ต้องยอม รวบรวมความเข้มแข็งยืดอกทำท่าจะกระโดดปราดออกไป
“เมี้ยว”
เจ้าเหมียวร้องอีกแล้ว แถมยังปีนขึ้นมาบนรองเท้า ถ้ากระโดดปราดออกไป น้องเหมียวต้องล้มกลิ้งอาจบาดเจ็บหรือพิการ
บุรุษหนุ่มถอนใจอีกครั้ง คล้ายเป็นลูกโป่งถูกปล่อยลม ทรุดตัวลงนั่งยองๆ มองหน้าเจ้าเหมียวที่ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง แถมทำท่ายืนสองขายืดตัวเอาหน้ามาใกล้แทบชนจมูก
“หิวหรือไง เจ้าเหมียว” เอ่ยปากถามโดยไม่ตั้งใจ รู้ทันทีว่าแมวหิว เพราะคัมภีร์แมวบอกว่าอาการเช่นนี้แสดงถึงความหิว พอดีนึกได้ว่าในกระเป๋ายังมีปลาย่างตัวเขื่องอยู่หนึ่งตัว ก่อนมาสาวคนรักได้มอบย่างปลาไว้ให้เป็นอาหารฉุกเฉินและดูต่างหน้าระหว่างเดินทาง ยามคิดถึงได้เพียงหยิบมาดอมดมอย่างทะนุถนอม แต่คงต้องตัดใจแล้ว
ตัดสินใจหยิบปลาช่อนย่างแสนรักแสนหวงวางให้แมวขาว ซึ่งเจ้าเหมียวก็ร้องงึมงำอย่างดีใจมีความสุขกับการกินปลาย่าง ในใจของนักฆ่ามีทั้งความเสียดายและดีใจ เสียดายว่าของดูต่างหน้าคนรักถูกกัดกินต่อหน้าต่อตาราวหัวใจถูกกัดกินไปด้วย แต่ในความเจ็บร้าวยังดีใจที่เห็นเจ้าแมวอดโซมีอาหารกินกันตาย
ขณะเจ้าเหมียวกำลังกินอาหารไม่ลืมหูไม่ลืมตา บุรุษหนุ่มค่อยเลี่ยงออกมาอย่างเงียบงัน รวบรวมพลังกายใจเตรียมถาโถมออกไปเสี่ยงชีวิต
“เมี้ยว...เมี้ยว...เมี้ยว...เมี้ยว..”
เสียงร้องแหลมเล็กดังมาอีก ทำให้หันไปมองอย่างขัดใจกับการถูกขัดจังหวะ แล้วต้องลืมตาโพลงเมื่อเห็นลูกแมวตัวน้อยสี่ตัวพากันเดินออกมาจากเงามืดของไม้พุ่มตรงมากินปลาย่างกับแมวขาวอย่างหิวกระหาย
คุณพระ....เจ้าแมวสีขาวเป็นแมวแม่ลูกอ่อน วงการนักฆ่าถือว่าเป็นลางร้ายแสนร้าย เมื่อเห็นแมวแม่ลูกอ่อนปรากฏกายให้เห็นก่อนปฏิบัติการ หมายถึงชีวิตต้องจบสิ้นอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ และการปฏิบัติการจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่ต่อให้ลางร้ายชัดเจนอย่างไรก็ต้องลงมือ
ไม่นานปลาช่อนย่างแสนรักตัวเขื่องก็เหลือแต่หัวปลาและกระดูก ท่าทางพวกแมวดูสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาทันตา มองหน้าราวกับจะขอบคุณแล้วเข้ามานัวเนียซ้ายขวาหน้าหลังจนทำให้บุรุษหนุ่มต้องค่อยล่าถอยห่างออกจากแนวรั้วหมู่ตึกไปตั้งหลัก เพราะบรรดาแมวทำให้สมาธิแตกซ่าน โดยมีฝูงแมวเดินตามไม่คาดสายตา
เสียงแมวคงปลุกพวกยามให้ตื่นขึ้นเพราะมีเสียงเคลื่อนไหวเงาร่างวูบวาบอยู่บนกำแพงหินสูงเกือบสองวา ยังดีว่าพวกยามไม่ได้สงสัยอะไรมากนักเพราะอย่างไรก็เป็นเพียงเสียงแมวร้องไม่นานการเคลื่อนไหวของพวกยามก็เงียบสงบลง คาดว่าคงหลับยามต่อ เพราะยังไม่เคยปรากฏว่าจะมีใครบังอาจบุกรุกเข้ามาในยามวิกาล ทำให้การป้องกันค่อนข้างหละหลวม ทั้งยังเชื่อมั่นกับยอดฝีมือจำนวนร้อยกว่าคนที่พำพักในหมู่ตึก
“ชิ้วๆ เส่ๆ...ไปห่างๆ จะไปไหนก็ไป” นักฆ่าเลื่อยยนต์พยายามส่งเสียงทำไม้ทำมือไล่บรรดาแมวให้ออกไปห่างๆ แต่แมวไม่เข้าใจภาษามือและภาษากาย แทนที่จะถอยหนีกลับกลับวิ่งเข้ามาหยอกเล่นด้วยอย่างสนุกสนาน ทั้งกัดรองเท้าทั้งตะกายขากางเกงจนแกะไม่หลุด พอเอื้อมมือไปจะดึงออกลูกแมวกลับกระโดดงับมือเล่นอย่างสนุกสนานไม่ยอมหนี
“โปรดเถิด ไปเถิดนะน้องเหมียว” เขาลงทุนนั่งลงยกมือไหว้แมวอ้อนวอนเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร “กรุณาไปจากชีวิตของข้า ให้ข้าปฏิบัติภารกิจเป็นครั้งสุดท้ายเถิดหนา ไปห่างๆ เลย เดี๋ยวพวกเจ้าจะตายไปด้วย”
บรรดาลูกแมวมองแล้วพากันทำท่าไหว้ตามแบบแมวแสนรู้ เป็นการเลียนแบบท่าทางอย่างน่ารัก บางตัวกระโดดขึ้นมาบนบ่าแล้วตะกายขึ้นไปบนศีรษะ บางตัวมุดเข้าไปในอกเสื้ออย่างไม่สนใจคำอ้อนวอนเหมือนจะบอกว่า ไม่รู้ไม่สนหรอกตะเอง เค้าจะเล่นกับตะเอง บุราหนุ่มกัดฟันกรอดหลับตาพยายามนับหนึ่งถึงร้อยด้วยความหดหู่ ไม่นึกว่าหน้าที่สำคัญจะถูกขัดขวางไร้เดียงสาจากบรรดาแมว
ชีวิตของนักฆ่า ไม่ตายก็ถูกจองจำ เพียงวันนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากตาย ตายเพื่อลากคนเลวลงนรกไปด้วยให้มากที่สุด
ฉับพลันนั้นเอง ท้องฟ้าสว่างจ้า ดาวดวงหนึ่งขยายใหญ่มากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นลูกไฟมหึมาพุ่งจากฟากฟ้า ถล่มครืนลงกลางหมู่ดึกระเบิดสะท้านสะเทือน หมู่ตึกอิทธิพลทั้งหมดถูกถล่มพินาศภายในพริบตาท่ามกลางเปลวไฟลุกไหม้เผาผลาญ เศษซากสิ่งของกลายเป็นจุลแรงสะเทือนทำให้นักฆ่าเลื่อยยนต์ล้มกลิ้งไปบนพื้น แต่ยังพยายามกันบรรดาแมวให้พ้นอันตรายด้วยสัญชาตญาณสุดชีวิต ลูกไฟนับร้อยนับพันลอยกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนค่อยลับดับแสง เหลือทะเลเพลิงยังคงลุกโชนในบริเวณที่เคยเป็นหมู่ตึกอันเกริกไกรสว่างจ้าไปไกล ราวจะบ่งบอกความพินาศ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทุกชีวิตในหมู่ตึกอิทธิพลเปลี่ยนมิติไปเรียบร้อย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ถ้าไม่มีบรรดาแมวทั้งหลายมาคลอเคลียติดพัน เขาคงถาโถมเข้าไปในหมู่ตึกและไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรสุดท้ายก็คงกลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์แมวล้วนเหลวไหล
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ภารกิจครั้งนี้ไม่ได้ปฏิบัติการ แต่เรื่องราวกลับจบสิ้น เลื่อยยนต์ไม่ได้ตัดเฉือนตัดฆ่าใคร ธรรมชาติได้ยื่นมือเข้ามาจัดการปัญหาให้เรียบร้อย
ขณะกำลังนอนเหม่อมองควันไฟถ่านลอยเต็มท้องฟ้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป รู้สึกมีบางอย่างมาสัมผัสแก้ม
"เมี้ยว...เมี้ยว…"
พวกแมวนั่นเอง เขาลุกขึ้นสำรวจจำนวนทันที แล้วยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกของค่ำคืน พวกมันอยู่ครบทุกตัว พวกมันถึงจะตื่นตระหนกตกใจกับเสียงระเบิดสะท้านสะเทือนก็ปรับตัวได้รวดเร็ว
บุรุษหนุ่มลุกขึ้นยืน โยนเลื่อยยนต์ทิ้งไป มือถือเลื่อยหยาบกร้านไร้ใจ จับลูกแมวขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง มือถือแมวนุ่มนวลอบอุ่นสัมผัสถึงตัวอุ่นนุ่มขนฟูๆ ...นั่นล่ะคือชีวิต...ลูกแมวบางตัวใส่ในอกเสื้อกระเป๋าเสื้อ บางตัววางบนบ่า ภารกิจใหม่เข้ามาในชีวิตโดยไม่มีใครจ้างวาน
หน้าที่ดูแลเลี้ยงแมว
“ไปอยู่ด้วยกันนะเจ้าเหมียว” เขาบอกกับบรรดาแมวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เสียงแมวขานรับเมี้ยวๆ อย่างดีใจเพราะพวกมันในที่สุดก็มีเจ้าของแล้ว แมวทุกตัวล้วนต้องการเจ้าของดูแลใส่ใจ
ภาพสุดท้ายของค่ำคืนนั้น บุรุษผู้หนึ่งเดินห่างออกไปจากกลุ่มควันและเปลวไฟ มีลูกแมวพกติดตัวไปด้วยกับเสียงร้องเล็กๆน่ารักๆ ไม่ขาดระยะ แม่แมวเดินตามด้วยสีหน้าเบิกบาน แม้จะท้องไม่มีพ่อ และคลอดลูกออกมาแบบแมวจรจัดก็ไม่มีปัญหาต่อไป แม่แมวและลูกแมวจะได้กินอาหารอิ่มๆ มีที่นอนอบอุ่นปลอดภัย ไม่ต้องเคยหลับๆตื่นๆหวาดผวา มีมือเจ้าของคอยใส่ใจอุ้มเล่นคอยลูบหัวเกาคาง มีความรักและมีความสุข อย่างที่แมวควรจะได้รับตลอดไปของชีวิตแห่งความเป็นแมว
เมี้ยว!!
จบแล้วครับ จบแบบแมวๆ นี่ล่ะ^^
เลื่อยยนต์พิฆาต......นักฆ่าแมวเหมียว
กรุณาอย่าหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงโดยเด็ดขาด^^
วิกาล
จันทรา
สายลม
หัวใจ
เงาจันทร์
วิกาลดึกดื่น จันทราเคลื่อนคล้อย สายลมเฉื่อยฉิว หัวใจเงียบงัน เงาจันทร์ซึมเซา บุรุษหนุ่มคล้ายรอคอยอยู่กลางเงาจันทร์ ใต้แมกไม้ ในสายลมเยือกเย็น หมู่ตึกข้างหน้าห่างไปไม่ไกลโคมไฟยังคงกระจ่าง ใกล้บานประตูใหญ่มีป้ายหินอ่อนสลักอักษรให้ความรู้สึกอาจหาญเปี่ยมคุณธรรมล้ำฟ้า
หมู่ตึกอิทธิพล
เขาฉายาในวงการว่า นักฆ่าเลื่อยยนต์ งานคือฆ่าคน มือฆ่าคนต้องไม่สั่นไหวกลับกลาย ยิ่งคนสมควรตายก็ต้องสมควรให้ตาย ต่อให้ไม่ถึงเวลาตายก็มิอาจไม่ตาย ต่อให้ไม่ตายคืนนี้คนในหมู่ตืกไม่อยากตายก็ต้องตาย
หมู่ตึกอิทธิพล คล้ายไม่ใช่หมู่ตึกธรรมดา หมู่ตึกธรรมดาไม่มีบารมียิ่งใหญ่คับฟ้าเช่นนี้ เนื่องเพราะเป็นหมู่ตึกมีสีสันพรรณราย เฒ่าอิทธิพลผู้เป็นประมุขยิ่งมีสีสันบรรเจิดเพริดแพร้วพิสดาร ไม่เพียงมีเงิน ยังมีอำนาจวาสนามหาศาล ลูกหลานพลอยมีอำนาจวาสนาไปด้วย แค่ออกปากเห่าคำเดียวตาชั่งยังแกว่งไกวกระเจิดกระเจิง ผู้ใดขวางการโกงกินล้วนถูกกำจัดปัดเป่าพ้นเส้นทาง
ไอ้หนุ่มแหกต่วย ลูกชายคนโตของตระกูล ไม่เคยร่ำเรียน ไม่เคยทำงาน วันคืนพาพรรคพวกขับโคเทียมเกวียนฉวัดเฉวียนไปรอบหมู่บ้าน ไม่พอใจใครกระโดดลงมาจากพาหนะใช้ไม้ตะเกียบจักกะจี้ผู้คนจนตายทั้งเป็น มันสามารถทำเลวตามใจได้เพราะรู้ว่าบิดาของมันต้องลงมาปกป้องเสมอ คนเราเกิดมาไม่มีทางเท่าเทียมกันไม่ว่าหลับหรือตื่น เพราะบางคนเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองคาบมีดคาบปืนออกมาจากท้องแม่ แทนที่คลอดออกมาจะแหกปากร้องไห้อย่างเด็กธรรมดา กับหัวร่ออย่างน่าขนพองสยองเกล้ากับแววตาอำมหิต ราวกับเป็นผีนรกกลับชาติมาเกิดก็มิปาน และหลังจากนั้นก็ไม่เคยทำอะไรผิด ต่อให้ไปฆ่าใครสักคนก็ไม่ผิด เพราะบิดามารดาจะถือร่มคันใหญ่มาปิดฟ้าให้เสมอ
น้องคนรองของหมู่ตึกชื่อ ต่าช้ำ (ภาษาออกทางจีนๆ อย่าคิดมากเด้อ) วันๆ มิอาจทำการใด เพียงพาพรรคหมู่ ขี่ควายซิ่งวิ่งก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปวันๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะถือว่าพวกตัวเองเป็นกฎหมู่ ถือว่าบิดาใหญ่ หลายครั้งขี่ควายซิ่งวิ่งเร็วเกินไปจนพุ่งไปชนคนเดินถนนตายก็ไม่มีใครกล้าเอาความ
น้องคนสุดท้องฉายา สกนะรัด วีรเวรมิพ่ายผู้เป็นพี่ ล่าสุดพาพรรคพวกไปฆ่าคนล้างหมู่บ้านเพราะคิดว่าเขามองหน้า สุดท้ายกลายเป็นฆ่าผิดหมู่บ้าน ศาลเลยยกฟ้องเพราะถือว่าไม่มีเจตนา ใครตายก็ตายแล้วกันไปถือว่าโมฆะ คนตายร้องเรียนไม่ได้ หนำซ้ำสกนะรัดยังอายุเพียง 14 ขวบ กฎหมายคุ้มครองไม่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายปานใด
ดังนั้น มีคนคิดว่า พวกนี้สมควรตาย
จันทราคลาเคลื่อน บุรุษหนุ่มรอเวลา
เพียงคนในหมู่ตึกนอนหลับ เลื่อยยนต์พิฆาตของมันจะทำงานทันทีเลื่อยยนต์ไม่รวดเร็วจนไร้เงาเหมือนมีดบินของลี้คิมฮวง ไม่หนักหน่วงดุจขุนเขาถล่มถลายเหมือน Black Sabbath ไม่ Sweet Child O' Mine เหมือน Guns N' Roses แต่มีประโยชน์เด็ดขาดคือฆ่าคน
พอเสียงเลื่อยยนต์คำรามกระหึ่มแตกสนั่น ผู้คนตกตะลึงชาค้าง กว่าจะตั้งตัวได้ แขนขารยางค์ชุ่มเลือดเนื้อเศษชิ้นส่วนร่างกาย กระเด็นเซ็นซ่านคลุกเคล้าธารโลหิตตับไตไส้พุงขาดวิ่นดิ้นเร่าระริกไหวไปมาบนพื้นท่ามกลางควันคลุ้งของไอน้ำมันฉุนอบอวลลมหายใจแห่งความตายสูดวิญญาณ ลงสู่ขุมนรกอย่างอิ่มเอมปรีดิ์เปรม
หลังจากคืบคลานเข้าไปใกล้กำแพงหมู่ตึกจนแสงโคมไฟกระจ่างสว่างชัดตา บุรุษหนุ่มยืดตัวตรง หยิบหน้ากากรูปใบหน้าของตัวเองจากกระเป๋ามาสวมปิดใบหน้า (สุดยอดแห่งการปลอมตัวคือปลอมตัวเป็นตัวเอง ไม่มีใครจับได้เด็ดขาด) มือขวากุมด้ามเลื่อยยนต์มั่น เตรียมทะยานข้ามกำแพงเข้าไปในหมู่ตึก
“เมี้ยว!”
ท่าร่างกำลังจะกระโดดปราดขึ้นชะงักค้าง เสียงแมวร้องดังอยู่ข้างๆคล้ายทรงพลานุภาพเร้นลับจนลมปราณแตกซ่าน หันไปมองอย่างขุ่นเคืองกับภาพเจ้าแมวสีขาวนัยน์ตาเป็นประกายวับวาวด้วยประกายตากึ่งหิวกึ่งอ้อน ท่าทางภารกิจครั้งนี้ยุ่งยากเสียแล้ว วงการนักฆ่าถือว่าเจอแมวก่อนลงมือเป็นลางไม่ดี
ฆ่าทิ้งเสียดีไหม.....
“เมี้ยว!” แมวขาวพูดคำเดิม เดินเข้ามาใช้สีข้างคลอเคลียอยู่ข้อเท้า นั่นเป็นลางร้ายแรงอีกสองเท่า วงการถือว่านักฆ่าสัมผัสแมวก่อนลงมือนอกจากจะไม่สำเร็จภารกิจยังต้องตกตายอนาถจิต หัวใจของนักฆ่าเลื่อยยนต์ตกวูบลง ง้างเท้าทำท่าจะเตะออกไปแต่พลันชะงักค้าง แม้ว่าจะเป็นนักฆ่าแต่ก็มิใช่นักเตะแมว วงการถือว่าผู้ใดทำร้ายหมาแมวและบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย ล้วนถูกประณามเลวร้าย สมองของหมาแมวก็มีเท่านั้น ไยต้องไปถือสาหาความ
นักฆ่าถอนใจรู้ชะตากรรมแล้วว่าชีวิตตนเองใกล้จบสิ้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นแม้ว่าจะต้องแลกกับชีวิตก็ต้องยอม รวบรวมความเข้มแข็งยืดอกทำท่าจะกระโดดปราดออกไป
“เมี้ยว”
เจ้าเหมียวร้องอีกแล้ว แถมยังปีนขึ้นมาบนรองเท้า ถ้ากระโดดปราดออกไป น้องเหมียวต้องล้มกลิ้งอาจบาดเจ็บหรือพิการ
บุรุษหนุ่มถอนใจอีกครั้ง คล้ายเป็นลูกโป่งถูกปล่อยลม ทรุดตัวลงนั่งยองๆ มองหน้าเจ้าเหมียวที่ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง แถมทำท่ายืนสองขายืดตัวเอาหน้ามาใกล้แทบชนจมูก
“หิวหรือไง เจ้าเหมียว” เอ่ยปากถามโดยไม่ตั้งใจ รู้ทันทีว่าแมวหิว เพราะคัมภีร์แมวบอกว่าอาการเช่นนี้แสดงถึงความหิว พอดีนึกได้ว่าในกระเป๋ายังมีปลาย่างตัวเขื่องอยู่หนึ่งตัว ก่อนมาสาวคนรักได้มอบย่างปลาไว้ให้เป็นอาหารฉุกเฉินและดูต่างหน้าระหว่างเดินทาง ยามคิดถึงได้เพียงหยิบมาดอมดมอย่างทะนุถนอม แต่คงต้องตัดใจแล้ว
ตัดสินใจหยิบปลาช่อนย่างแสนรักแสนหวงวางให้แมวขาว ซึ่งเจ้าเหมียวก็ร้องงึมงำอย่างดีใจมีความสุขกับการกินปลาย่าง ในใจของนักฆ่ามีทั้งความเสียดายและดีใจ เสียดายว่าของดูต่างหน้าคนรักถูกกัดกินต่อหน้าต่อตาราวหัวใจถูกกัดกินไปด้วย แต่ในความเจ็บร้าวยังดีใจที่เห็นเจ้าแมวอดโซมีอาหารกินกันตาย
ขณะเจ้าเหมียวกำลังกินอาหารไม่ลืมหูไม่ลืมตา บุรุษหนุ่มค่อยเลี่ยงออกมาอย่างเงียบงัน รวบรวมพลังกายใจเตรียมถาโถมออกไปเสี่ยงชีวิต
“เมี้ยว...เมี้ยว...เมี้ยว...เมี้ยว..”
เสียงร้องแหลมเล็กดังมาอีก ทำให้หันไปมองอย่างขัดใจกับการถูกขัดจังหวะ แล้วต้องลืมตาโพลงเมื่อเห็นลูกแมวตัวน้อยสี่ตัวพากันเดินออกมาจากเงามืดของไม้พุ่มตรงมากินปลาย่างกับแมวขาวอย่างหิวกระหาย
คุณพระ....เจ้าแมวสีขาวเป็นแมวแม่ลูกอ่อน วงการนักฆ่าถือว่าเป็นลางร้ายแสนร้าย เมื่อเห็นแมวแม่ลูกอ่อนปรากฏกายให้เห็นก่อนปฏิบัติการ หมายถึงชีวิตต้องจบสิ้นอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ และการปฏิบัติการจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่ต่อให้ลางร้ายชัดเจนอย่างไรก็ต้องลงมือ
ไม่นานปลาช่อนย่างแสนรักตัวเขื่องก็เหลือแต่หัวปลาและกระดูก ท่าทางพวกแมวดูสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาทันตา มองหน้าราวกับจะขอบคุณแล้วเข้ามานัวเนียซ้ายขวาหน้าหลังจนทำให้บุรุษหนุ่มต้องค่อยล่าถอยห่างออกจากแนวรั้วหมู่ตึกไปตั้งหลัก เพราะบรรดาแมวทำให้สมาธิแตกซ่าน โดยมีฝูงแมวเดินตามไม่คาดสายตา
เสียงแมวคงปลุกพวกยามให้ตื่นขึ้นเพราะมีเสียงเคลื่อนไหวเงาร่างวูบวาบอยู่บนกำแพงหินสูงเกือบสองวา ยังดีว่าพวกยามไม่ได้สงสัยอะไรมากนักเพราะอย่างไรก็เป็นเพียงเสียงแมวร้องไม่นานการเคลื่อนไหวของพวกยามก็เงียบสงบลง คาดว่าคงหลับยามต่อ เพราะยังไม่เคยปรากฏว่าจะมีใครบังอาจบุกรุกเข้ามาในยามวิกาล ทำให้การป้องกันค่อนข้างหละหลวม ทั้งยังเชื่อมั่นกับยอดฝีมือจำนวนร้อยกว่าคนที่พำพักในหมู่ตึก
“ชิ้วๆ เส่ๆ...ไปห่างๆ จะไปไหนก็ไป” นักฆ่าเลื่อยยนต์พยายามส่งเสียงทำไม้ทำมือไล่บรรดาแมวให้ออกไปห่างๆ แต่แมวไม่เข้าใจภาษามือและภาษากาย แทนที่จะถอยหนีกลับกลับวิ่งเข้ามาหยอกเล่นด้วยอย่างสนุกสนาน ทั้งกัดรองเท้าทั้งตะกายขากางเกงจนแกะไม่หลุด พอเอื้อมมือไปจะดึงออกลูกแมวกลับกระโดดงับมือเล่นอย่างสนุกสนานไม่ยอมหนี
“โปรดเถิด ไปเถิดนะน้องเหมียว” เขาลงทุนนั่งลงยกมือไหว้แมวอ้อนวอนเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร “กรุณาไปจากชีวิตของข้า ให้ข้าปฏิบัติภารกิจเป็นครั้งสุดท้ายเถิดหนา ไปห่างๆ เลย เดี๋ยวพวกเจ้าจะตายไปด้วย”
บรรดาลูกแมวมองแล้วพากันทำท่าไหว้ตามแบบแมวแสนรู้ เป็นการเลียนแบบท่าทางอย่างน่ารัก บางตัวกระโดดขึ้นมาบนบ่าแล้วตะกายขึ้นไปบนศีรษะ บางตัวมุดเข้าไปในอกเสื้ออย่างไม่สนใจคำอ้อนวอนเหมือนจะบอกว่า ไม่รู้ไม่สนหรอกตะเอง เค้าจะเล่นกับตะเอง บุราหนุ่มกัดฟันกรอดหลับตาพยายามนับหนึ่งถึงร้อยด้วยความหดหู่ ไม่นึกว่าหน้าที่สำคัญจะถูกขัดขวางไร้เดียงสาจากบรรดาแมว
ชีวิตของนักฆ่า ไม่ตายก็ถูกจองจำ เพียงวันนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากตาย ตายเพื่อลากคนเลวลงนรกไปด้วยให้มากที่สุด
ฉับพลันนั้นเอง ท้องฟ้าสว่างจ้า ดาวดวงหนึ่งขยายใหญ่มากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นลูกไฟมหึมาพุ่งจากฟากฟ้า ถล่มครืนลงกลางหมู่ดึกระเบิดสะท้านสะเทือน หมู่ตึกอิทธิพลทั้งหมดถูกถล่มพินาศภายในพริบตาท่ามกลางเปลวไฟลุกไหม้เผาผลาญ เศษซากสิ่งของกลายเป็นจุลแรงสะเทือนทำให้นักฆ่าเลื่อยยนต์ล้มกลิ้งไปบนพื้น แต่ยังพยายามกันบรรดาแมวให้พ้นอันตรายด้วยสัญชาตญาณสุดชีวิต ลูกไฟนับร้อยนับพันลอยกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนค่อยลับดับแสง เหลือทะเลเพลิงยังคงลุกโชนในบริเวณที่เคยเป็นหมู่ตึกอันเกริกไกรสว่างจ้าไปไกล ราวจะบ่งบอกความพินาศ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทุกชีวิตในหมู่ตึกอิทธิพลเปลี่ยนมิติไปเรียบร้อย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ถ้าไม่มีบรรดาแมวทั้งหลายมาคลอเคลียติดพัน เขาคงถาโถมเข้าไปในหมู่ตึกและไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรสุดท้ายก็คงกลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์แมวล้วนเหลวไหล
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ภารกิจครั้งนี้ไม่ได้ปฏิบัติการ แต่เรื่องราวกลับจบสิ้น เลื่อยยนต์ไม่ได้ตัดเฉือนตัดฆ่าใคร ธรรมชาติได้ยื่นมือเข้ามาจัดการปัญหาให้เรียบร้อย
ขณะกำลังนอนเหม่อมองควันไฟถ่านลอยเต็มท้องฟ้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป รู้สึกมีบางอย่างมาสัมผัสแก้ม
"เมี้ยว...เมี้ยว…"
พวกแมวนั่นเอง เขาลุกขึ้นสำรวจจำนวนทันที แล้วยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกของค่ำคืน พวกมันอยู่ครบทุกตัว พวกมันถึงจะตื่นตระหนกตกใจกับเสียงระเบิดสะท้านสะเทือนก็ปรับตัวได้รวดเร็ว
บุรุษหนุ่มลุกขึ้นยืน โยนเลื่อยยนต์ทิ้งไป มือถือเลื่อยหยาบกร้านไร้ใจ จับลูกแมวขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง มือถือแมวนุ่มนวลอบอุ่นสัมผัสถึงตัวอุ่นนุ่มขนฟูๆ ...นั่นล่ะคือชีวิต...ลูกแมวบางตัวใส่ในอกเสื้อกระเป๋าเสื้อ บางตัววางบนบ่า ภารกิจใหม่เข้ามาในชีวิตโดยไม่มีใครจ้างวาน
หน้าที่ดูแลเลี้ยงแมว
“ไปอยู่ด้วยกันนะเจ้าเหมียว” เขาบอกกับบรรดาแมวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เสียงแมวขานรับเมี้ยวๆ อย่างดีใจเพราะพวกมันในที่สุดก็มีเจ้าของแล้ว แมวทุกตัวล้วนต้องการเจ้าของดูแลใส่ใจ
ภาพสุดท้ายของค่ำคืนนั้น บุรุษผู้หนึ่งเดินห่างออกไปจากกลุ่มควันและเปลวไฟ มีลูกแมวพกติดตัวไปด้วยกับเสียงร้องเล็กๆน่ารักๆ ไม่ขาดระยะ แม่แมวเดินตามด้วยสีหน้าเบิกบาน แม้จะท้องไม่มีพ่อ และคลอดลูกออกมาแบบแมวจรจัดก็ไม่มีปัญหาต่อไป แม่แมวและลูกแมวจะได้กินอาหารอิ่มๆ มีที่นอนอบอุ่นปลอดภัย ไม่ต้องเคยหลับๆตื่นๆหวาดผวา มีมือเจ้าของคอยใส่ใจอุ้มเล่นคอยลูบหัวเกาคาง มีความรักและมีความสุข อย่างที่แมวควรจะได้รับตลอดไปของชีวิตแห่งความเป็นแมว
เมี้ยว!!
จบแล้วครับ จบแบบแมวๆ นี่ล่ะ^^