คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
กล่าวหาไปก่อน ให้สื่อประโคม สร้างกระแสให้สังคมหลงเชื่อว่าทำผิดจริง
โดยเค้ารู้ว่าสังคมไทยนั้นอ่อนไหวต่อกระแส โดยไม่ดูหลักฐานและเหตุผล
มีหลายคนเชื่อโดยใช้หลักที่ว่า ถ้าไม่ผิด ไม่มีหลักฐานเค้าจะกล่าวหาได้อย่างไร
ทั้งที่ก็ไม่เคยเห็นหลักฐานนั้นเลย
ระบบยุติธรรมแบบกล่าวไปหาก่อน แล้วไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์กันในชั้นศาลทีหลัง
นั้นมีข้อบกพร่อง ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกมาหลายราย
หากกระบวนการเริ่มต้นในการสอบสวนผิดพลาด
หรือมีการทุจริตเกิดขึ้น กระบวนการขั้นต่อมาก็ผิดตาม
เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดอื่นก็ผิดตาม
ความผิดพลาดจากการสอบสวน ทำให้ผู้บริสุทธิ์หลายราย
ต้องมารับโทษที่ตนเองไม่ได้ก่อไว้ แล้วอย่างนี้จะเรียกว่ายุติธรรมได้อย่างไร
ดังตัวอย่างของกรณีคุณครูจอมทรัพย์ เป็นต้น
นี่คือข้อบกพร่องของระบบยุติธรรมของบ้านเรา
ซึ่งควรต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน สร้างความยุติธรรมให้ศักสิทธิ์จริง
อย่าปล่อยให้ความยุติธรรมเป็นเพียงแค่ความฝัน
โดยเค้ารู้ว่าสังคมไทยนั้นอ่อนไหวต่อกระแส โดยไม่ดูหลักฐานและเหตุผล
มีหลายคนเชื่อโดยใช้หลักที่ว่า ถ้าไม่ผิด ไม่มีหลักฐานเค้าจะกล่าวหาได้อย่างไร
ทั้งที่ก็ไม่เคยเห็นหลักฐานนั้นเลย
ระบบยุติธรรมแบบกล่าวไปหาก่อน แล้วไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์กันในชั้นศาลทีหลัง
นั้นมีข้อบกพร่อง ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกมาหลายราย
หากกระบวนการเริ่มต้นในการสอบสวนผิดพลาด
หรือมีการทุจริตเกิดขึ้น กระบวนการขั้นต่อมาก็ผิดตาม
เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดอื่นก็ผิดตาม
ความผิดพลาดจากการสอบสวน ทำให้ผู้บริสุทธิ์หลายราย
ต้องมารับโทษที่ตนเองไม่ได้ก่อไว้ แล้วอย่างนี้จะเรียกว่ายุติธรรมได้อย่างไร
ดังตัวอย่างของกรณีคุณครูจอมทรัพย์ เป็นต้น
นี่คือข้อบกพร่องของระบบยุติธรรมของบ้านเรา
ซึ่งควรต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน สร้างความยุติธรรมให้ศักสิทธิ์จริง
อย่าปล่อยให้ความยุติธรรมเป็นเพียงแค่ความฝัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เค้ามีพยานหลักฐาน เค้าจึงกล่าวหา นี่คือหลักกฎหมาย
ผ่านสื่อ นี่เป็นสังคม ข่าวใดที่เป็นที่สนใจของสังคม สื่อนั้นย่อมนำมาเสนอเป็นข่าว นี่คือหน้าที่ของสื่อ สื่อข่าวต่อสาธารณะชน
ตามกระบวนการยุติธรรม ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ปฎิเสธข้อกล่าวหา โดยนำพยานหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ของตน ผ่านตามขั้นตอน
กระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีกำหนดไว้ชัดเจน เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันภายใต้กติกาเดียวกัน
เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมส่วนรวม
หากผู้ถูกกล่าวหา หลบหนี ไม่ยอมนำพยานหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ของตน ตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม นั่นคือผู้ที่อยู่นอกสังคม
ไม่ยอมรับกติกาของสังคม
หากผู้ถูกกล่าวหา ยุยง ปลุกปั่นผู้อื่น เพื่อมาปกป้องตนด้วยข้อมูลอันบิดเบือน นั่นคือผู้ที่ก่อความวุ่นวายให้สังคม ให้ส่วนรวม
ผ่านสื่อ นี่เป็นสังคม ข่าวใดที่เป็นที่สนใจของสังคม สื่อนั้นย่อมนำมาเสนอเป็นข่าว นี่คือหน้าที่ของสื่อ สื่อข่าวต่อสาธารณะชน
ตามกระบวนการยุติธรรม ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ปฎิเสธข้อกล่าวหา โดยนำพยานหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ของตน ผ่านตามขั้นตอน
กระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีกำหนดไว้ชัดเจน เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันภายใต้กติกาเดียวกัน
เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมส่วนรวม
หากผู้ถูกกล่าวหา หลบหนี ไม่ยอมนำพยานหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ของตน ตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม นั่นคือผู้ที่อยู่นอกสังคม
ไม่ยอมรับกติกาของสังคม
หากผู้ถูกกล่าวหา ยุยง ปลุกปั่นผู้อื่น เพื่อมาปกป้องตนด้วยข้อมูลอันบิดเบือน นั่นคือผู้ที่ก่อความวุ่นวายให้สังคม ให้ส่วนรวม
ความคิดเห็นที่ 6
สาวก ใช้ "มุก" แบบนี้อีกแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แหม..
ถ้า เล่นอย่างนี้
ไล่ยังไง ก็ไม่จน ครับ
มุกแนว Paradox หรือ Mobius Strip แบบนี้ (หรือ มุกเงินบาทนึงหายไปไหน)
ก็มีแต่ สาวก ด้วยกันเอง หรือ "คนหัวอ่อน" เท่านั้นแหละ
ที่ ยังเชื่อกันจริงจัง เชื่อกันเป็นตุเป็นตะ
และก็ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย
"หลวงปู่เณรคำ" , "ยันตระ" เค้าใช้ มุกแบบนี้ กันมาก่อนนานแล้ว (อลัชชี พวกนี้ก็อ้างว่า โดนกล่าวหาเหมือนกัน)
หนีให้ได้ก่อน-ค่อยว่ากัน (Catch Me if You Can)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แหม..
ถ้า เล่นอย่างนี้
ไล่ยังไง ก็ไม่จน ครับ
มุกแนว Paradox หรือ Mobius Strip แบบนี้ (หรือ มุกเงินบาทนึงหายไปไหน)
ก็มีแต่ สาวก ด้วยกันเอง หรือ "คนหัวอ่อน" เท่านั้นแหละ
ที่ ยังเชื่อกันจริงจัง เชื่อกันเป็นตุเป็นตะ
และก็ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย
"หลวงปู่เณรคำ" , "ยันตระ" เค้าใช้ มุกแบบนี้ กันมาก่อนนานแล้ว (อลัชชี พวกนี้ก็อ้างว่า โดนกล่าวหาเหมือนกัน)
หนีให้ได้ก่อน-ค่อยว่ากัน (Catch Me if You Can)
แสดงความคิดเห็น
ทำไมการตั้งข้อหากับวัดพระธรรมกายจึงใช้วิธีกล่าวหาผ่านสื่อไปก่อน แล้วตรวจสอบความจริงทีหลัง?
ตามหลักกฎหมายแล้ว ก่อนจะตั้งข้อหาใครนั้น ต้องตรวจสอบความจริงให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยตั้งข้อหาทีหลัง ถ้าไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับข้อสงสัยอย่างชัดเจน ก็ไม่สามารถตั้งข้อหาได้ ถ้าฝืนทำไปเรียกว่ายัดข้อหา
น่าสงสัยว่าทำไมการตั้งข้อหากับวัดพระธรรมกาย ถึงใช้วิธีกล่าวหาผ่านสื่อไปก่อน แล้วตรวจสอบความจริงทีหลัง แถมผลักภาระให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นฝ่ายพิสูจน์ความจริงกับสังคมอีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้เกิดความคลางแคลงใจว่า ถ้าลำพังแค่การตั้งข้อหายังให้ความยุติธรรมไม่ได้ แล้วจะให้ประชาชนเชื่อมั่นกระบวนการสอบสวนของรัฐได้อย่างไร
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มีสาเหตุเกิดจากการชี้เบาะแสที่ไม่มีมูลความจริงใช่หรือไม่ แล้วก็โยนความผิดให้วัดพระธรรมกายไปหาทางแก้ไขข้อกล่าวหาเอาเอง โดยที่ผู้ชี้เบาะแสอันเป็นเท็จ ไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายอันใดเลย
ขณะที่วัดพระธรรมกายก็โดนสังคมพิพากษาไปเรียบร้อยแล้ว โดยสังคมก็ให้การรับรองการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงให้กลายเป็นความถูกต้องไปแล้ว
วิธีการกล่าวหาผ่านสื่อในทุกวันนี้ แทบจะกลายเป็นสูตรสำเร็จในการใช้สังคมเป็นเครื่องมือรับรองคำกล่าวหาอันเป็นเท็จอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว โดยที่วัดพระธรรมกายหมดสิทธิ์จะชี้แจงความเป็นจริง เพราะสังคมตัดสินไปแล้ว ชาววัดก็ทำได้เพียงสวดบทธรรมจักรกับฝึกความอดทนต่อการถูกพิพากษาอย่างไม่เป็นธรรมกันต่อไป
-----------------------------------------------------