คือตั้งแต่อดีตผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายถูกปกป้องจากผู้ชาย ผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้าในการดูแลกิจการบ้านเรือน หรือลุยงานหนัก แต่สมัยนี้ผู้หญิงเขาก็เป็นช้างเท้าหน้าแล้วนะครับ บางครั้งก็รู้สึกแปลกว่าทำไมบางทีรู้สึกว่าผมจะต้องเสียสละอยู่เรื่อยไป บางทีก็คิดว่าในบางครั้งผมก็โดนเอาเปรียบจากจุดนี้เหมือนกันนะ เช่น
1. ตารางกะ
บางทีผมมีธุระส่วนตัวที่จะต้องไปทำ หรือช่วงเทศกาลที่อยากจะไปเที่ยวกับครอบครัวกับเขาบ้าง พอคุยกับหัวหน้า หัวหน้าบอก เสียสละให้น้องหน่อย ปีหน้า ปีต่อๆไป ก็อีหรอบนี้ คือ น้องที่ทำงานเที่ยวกับครอบครัวได้ผมไปไม่ได้เลย เพราะน้องเป็นผู้หญิงเลยต้องเสียสละให้น้องหน่อย ทั้งๆที่น้องคนนี้ลาการเมืองเป็นสิบหน ผมแทบจะไม่เคยลาเลย แค่อยากจะไปเที่ยวตามเทศกาลบ้าง ก็เจอคำพูดว่า " ไม่ต้องเอาหรอกเนาะ เสียสละให้น้องมัน " จุกตรงคอพูดไม่ออก
2. เวลายกของ
ทั้งๆที่ก็อยู่แผนกเดียวกัน ช่วยกันยกน่าจะเสร็จงานได้ง่ายกว่ายกคนเดียว โอเคแหละเป็นผู้หญิง แต่ก็อยู่แผนกเดียวกันนะ จะยืนมองให้เราขนอย่างเดียวเลย บางทีก็บอกว่า "ฉันไม่ขน เพราะฉันบอบบางเป็นผู้หญิง" ผมว่ามันไม่เกี่ยวไหมบางทีผมก็มายกให้ด้วยความเต็มใจเพราะว่าเราเป็นผู้ชาย แต่พอนานเข้าก็เล่นไม่ยกเลยอ่ะ
3.เวลายืนบนรถเมล์แล้วกลับบ้าน มันใช้เวลาหลายกิโลมาก ถ้าผมไม่เห็นว่าเด็ก แก่ ท้อง ผมถึงจะลุกให้ แต่เห็นผู้หญิงธรรมดากำลังวังชามี ถ้าใกล้ผมลุกให้นะแต่ ถ้ามันไกลแบบหลายกิโลผมต้องยืนของหนักๆไปจนถึงบ้านก็ไม่ไหวอ่ะครับ บางคนลุกให้นั่งแล้วยังให้เราถือของพุรุงพะรังไม่ช่วยสักนิดก็มี พอเราไม่ลุกก็มองแบบ " ไอ้นี่แมร่งเห็นแก่ตัว" บางคนก็ต่อว่าเราด้วย ผมต้องเสียสละตลอดไปรึเปล่าเนี่ย สมมุติผมไปเชียงใหม่ ผมก็ต้องยืนไปถึงเชียงใหม่เปล่าเนี่ย วันหลังเลยเอาแบบกูนั่งติดกระจกดีกว่าจะได้ไม่รู้สึกผิด โดนสายตาเหล่ และโดนด่า
4.เวลาพักเบรคทานข้าวในที่ทำงาน มันพักเป็นรอบๆ รอบผมปก 14.00 น. รอบเขา 15.00 แล้วก็เดินมาบอกเราจะไปบ่ายสอง แกไม่หิวหรอก แกต้องเสียสละชั้นเป็นผุ้หญิงฉันไปก่อน รู้ได้ไงครับว่าผมไม่หิว ตั้งแต่ชาวยังไม่ได้- นี่บ่ายสองนะคุณ
5.ใช้ซื้อของ วันนี้ร้อนไม่มีใครอยากออกไปซื้อของข้างนอก พวกเลยฝากเธอไปซื้อข้าวให้พวกชั้นด้วย ฉันเป็นผู้หญิงโดนแดดไม่ได้ แกต้องเสียสละ คือมันใช่ไหมอ่ะ
อีกหลายเรื่องเลยครับ ทำไมเอาคำว่า ผู้ชายหรือสุภาพบุรุษมาใช้แบบนี้ผมว่ามันไม่แฟร์เลย ทั้งๆที่ก็เท่าเทียมกันมาหลายปีแล้ว เดี๋ยวเชื่อสิแมร่งมีคนไล่ผมไปเป็นตุ๊ดกะเทยอีกจากกระทู้นั้ รู้สึกเอาคำว่าผู้ชาย สุภาพบุรุษมาเอาเปรียบกันชัดๆเลย ใครคิดงั้นบ้างครับ
บางทีคำว่า "สุภาพบุรุษ" หรือการเกิดเป็นชายต้องเสียสละเรื่อยไปเลยหรือเปล่า คิดแบบผมบ้างไหมครับ
1. ตารางกะ
บางทีผมมีธุระส่วนตัวที่จะต้องไปทำ หรือช่วงเทศกาลที่อยากจะไปเที่ยวกับครอบครัวกับเขาบ้าง พอคุยกับหัวหน้า หัวหน้าบอก เสียสละให้น้องหน่อย ปีหน้า ปีต่อๆไป ก็อีหรอบนี้ คือ น้องที่ทำงานเที่ยวกับครอบครัวได้ผมไปไม่ได้เลย เพราะน้องเป็นผู้หญิงเลยต้องเสียสละให้น้องหน่อย ทั้งๆที่น้องคนนี้ลาการเมืองเป็นสิบหน ผมแทบจะไม่เคยลาเลย แค่อยากจะไปเที่ยวตามเทศกาลบ้าง ก็เจอคำพูดว่า " ไม่ต้องเอาหรอกเนาะ เสียสละให้น้องมัน " จุกตรงคอพูดไม่ออก
2. เวลายกของ
ทั้งๆที่ก็อยู่แผนกเดียวกัน ช่วยกันยกน่าจะเสร็จงานได้ง่ายกว่ายกคนเดียว โอเคแหละเป็นผู้หญิง แต่ก็อยู่แผนกเดียวกันนะ จะยืนมองให้เราขนอย่างเดียวเลย บางทีก็บอกว่า "ฉันไม่ขน เพราะฉันบอบบางเป็นผู้หญิง" ผมว่ามันไม่เกี่ยวไหมบางทีผมก็มายกให้ด้วยความเต็มใจเพราะว่าเราเป็นผู้ชาย แต่พอนานเข้าก็เล่นไม่ยกเลยอ่ะ
3.เวลายืนบนรถเมล์แล้วกลับบ้าน มันใช้เวลาหลายกิโลมาก ถ้าผมไม่เห็นว่าเด็ก แก่ ท้อง ผมถึงจะลุกให้ แต่เห็นผู้หญิงธรรมดากำลังวังชามี ถ้าใกล้ผมลุกให้นะแต่ ถ้ามันไกลแบบหลายกิโลผมต้องยืนของหนักๆไปจนถึงบ้านก็ไม่ไหวอ่ะครับ บางคนลุกให้นั่งแล้วยังให้เราถือของพุรุงพะรังไม่ช่วยสักนิดก็มี พอเราไม่ลุกก็มองแบบ " ไอ้นี่แมร่งเห็นแก่ตัว" บางคนก็ต่อว่าเราด้วย ผมต้องเสียสละตลอดไปรึเปล่าเนี่ย สมมุติผมไปเชียงใหม่ ผมก็ต้องยืนไปถึงเชียงใหม่เปล่าเนี่ย วันหลังเลยเอาแบบกูนั่งติดกระจกดีกว่าจะได้ไม่รู้สึกผิด โดนสายตาเหล่ และโดนด่า
4.เวลาพักเบรคทานข้าวในที่ทำงาน มันพักเป็นรอบๆ รอบผมปก 14.00 น. รอบเขา 15.00 แล้วก็เดินมาบอกเราจะไปบ่ายสอง แกไม่หิวหรอก แกต้องเสียสละชั้นเป็นผุ้หญิงฉันไปก่อน รู้ได้ไงครับว่าผมไม่หิว ตั้งแต่ชาวยังไม่ได้- นี่บ่ายสองนะคุณ
5.ใช้ซื้อของ วันนี้ร้อนไม่มีใครอยากออกไปซื้อของข้างนอก พวกเลยฝากเธอไปซื้อข้าวให้พวกชั้นด้วย ฉันเป็นผู้หญิงโดนแดดไม่ได้ แกต้องเสียสละ คือมันใช่ไหมอ่ะ
อีกหลายเรื่องเลยครับ ทำไมเอาคำว่า ผู้ชายหรือสุภาพบุรุษมาใช้แบบนี้ผมว่ามันไม่แฟร์เลย ทั้งๆที่ก็เท่าเทียมกันมาหลายปีแล้ว เดี๋ยวเชื่อสิแมร่งมีคนไล่ผมไปเป็นตุ๊ดกะเทยอีกจากกระทู้นั้ รู้สึกเอาคำว่าผู้ชาย สุภาพบุรุษมาเอาเปรียบกันชัดๆเลย ใครคิดงั้นบ้างครับ