เขียนกระทู้เล่าประสบการณ์เป็นครั้งแรกนะคะ ผิดพลาดประการใด เล่าไม่สนุกอย่างไร กราบขออภัยนะคะ
พอดีมีพี่ผู้หญิงที่รู้จักผ่านเพื่อนในเฟสบุคทำงานเป็นช่างภาพเรือสำราญมาหลายปีแล้ว ตัวเราเองเคยกดติดตามพี่เค้าไว้ ชื่อพี่ ด. เป็นสาวห้าว ผมสั้น
ได้อ่านเรื่องราว การเดินทางและทำงานของพี่ ด. แล้ว เราเองก็อยากลองทำงานนี้บ้าง (ตอนนั้นเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ค่ะ) แต่เราถ่ายภาพไม่ค่อยเก่ง จับกล้องเป็นงานอดิเรก ถ่ายเพื่อน ถ่ายหมา แมว หรือวิวไปเรื่อยเปื่อย
เมื่อปีที่แล้วได้อ่านกระทู้ ช่างภาพบนเรือสำราญที่มาเขียนเล่าประสบการณ์ ก็ยิ่งฮึกเหิม อยากลองทำบ้าง โดยเหตุผลหลักๆที่อยากทำคือ อยากฝึกภาษาอังกฤษ กับอยากเดินทางไปยังที่ต่างๆ พร้อมทั้งฝึกถ่ายภาพไปในตัวค่ะ ก็เตรียมตัวมาก่อนหน้านั้นอยู่พอสมควร จนพร้อมและสัมภาษณ์ผ่านในที่สุด
เรื่องที่จะเล่าเลยอยากเล่าในอีกด้านหนึ่งของงานว่าได้เจอะเจออะไรบ้าง รวมถึงรายได้ที่ได้ของงานนี้ เผื่อใครที่คิดอยากจะทำ จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ เพราะเท่าที่ค้นหาในเนตมา แทบไม่มีใครพูดถึงรายได้ และสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างทำงานนี้ค่ะ
อย่างแรกเลยหลายคนบอกว่างานบนเรือสำราญหนักมาก เราลองไปทำดูก็พบว่า หนักเป็นบางช่วงค่ะ เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางทำงานเกิน 10 ชม. ต่อวัน แต่ที่รู้สึกหนักเพราะว่า แรงกดดันจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้ามากกว่า
วันหยุดน้อยถึงน้อยมาก แล้วแต่เมเนเจอร์จะจัดให้ อย่าไปคาดหวังอะไรมากค่ะ ได้เมเนเจอร์ดี งานก็สบาย เมเนเจอร์แย่ก็เหนื่อยหน่อย
ช่วงแรกที่ไปรู้สึกงานหนักมาก เดือนแรกมีเรื่องให้จำเยอะแยะไปหมด น้ำตาเล็ด คิดถึงบ้าน คิดถึงหมาที่เลี้ยง คิดถึงเพื่อน คิดถึงอาหาร โอย..สารพัดเจ้าค่ะ
แต่พอผ่านไป 1 เดือนรู้สึกว่างานจะค่อยๆง่ายขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเราเริ่มชินกับงาน และเริ่มชินหูกับเจ้าของภาษามากขึ้นค่ะ
Activity สำหรับลูกเรือเยอะมาก 1 เดือนมีกิจกรรมแทบวันเว้นวัน เดี๋ยวก็มี ฟู้ดร์ปาตี้, แข่งบิงโก, เล่นสไลเดอร์, แด๊นซ์ปาร์ตี้, แข่งกีฬา,ปาร์ตี้ในคลับ,คาราโอเกะ และอีกมากมายที่หมุนเวียนมาให้พนักงานไม่เบื่อ โดยส่วนตัวแล้วเราไปแทบทุกครั้งที่มีปาร์ตี้ค่ะ ดื่มเฮฮาเป็นปกติอยู่แล้ว
สวัสดิการโดยรวมของงานค่อนข้างดี เพราะช่างภาพเป็น Staff member มีคนคอยทำความสะอาดห้อง จัดผ้าปูเตียง เปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ทุกวันค่ะ
การทำงานบนเรือก็เหมือนกับการทำงานในโรงแรมที่อยู่กลางทะเลค่ะ แต่เรือสำราญมีหลายสิ่งหลายอย่างมาก มีร้านอาหารหลายร้าน มีคลับเที่ยวกลางคืนหลายแห่งในเรือ มีโรงหนัง มีโรงละคร มีคาสิโน มีเกมเซ็นเตอร์ มีห้องสมุด มีร้านขายของ มีสนามบาส สระว่ายน้ำ สนามฟุตซอล ฟิตเนส สปาร์นวดตัว และอีกมากมายค่ะ ตามแต่ขนาดของเรือ
การทำงานบนเรือคือเราจะนอนอยู่ในเรือเลย คือเราจะไม่เสียค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ มีอาหารให้พนักงานฟรีทุกมื้อ
การทำงานในเรือหากไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนี่เก็บเงินสบายมากค่ะ เพราะแทบจะไม่ได้ใช้จ่ายเงินเลย นอกจากค่าโทรศัพท์เผื่ออยากโทรกลับบ้านกับค่า อินเทอเนต ที่ราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร (ส่วนมากเราจะใช้เนตบนเรือไม่นานมาก นอกจากธุระสำคัญ ที่เหลือเวลาเรือจอดลงพอร์ทต่างๆ เราไปนั่งร้านกาแฟใช้ wifi ฟรีหรือใส่ซิมประเทศนั้นๆ แล้วใช้เนตเอาค่ะ)
การทำงานหลักๆจะเป็นการถ่ายรูปให้กับลูกค้าค่ะ ทุกคืนจะถ่าย Portrait บอกท่าทางให้ลูกค้า ซึ่งไม่ยากเท่าไหร่ เพราะตอนที่ได้ไปทำครั้งแรกทางบริษัทจะให้เราไปเข้าคอลเลจ เพื่อเรียนก่อนค่ะ (เรียน 2 สัปดาห์ระหว่างที่เรียนจะมีเงินเดือนให้ด้วยนะ)
การทำงานจริงจะยากแค่ช่วงแรกในการปรับตัว เพราะต้องจำทั้งเรื่องขายภาพ เรื่องการทำงาน และปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานหลายๆคนค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วไม่ใช่คนสวยค่ะ อยู่ไทยก็ธรรมดา ผิวสีน้ำผึ้งค่อนไปทางคล้ำนิดหน่อย เราเป็นผู้หญิงลุยๆ แต่ไปที่นั่นกลับฮอตซะอย่างนั้น หนุ่มจีบเยอะค่ะ แต่เราไม่ได้สนใจเท่าไหร่ บางคนมันมีเมียมีลูกอยู่บ้านแล้วยังมาจีบเราเลยค่ะ ลำไยมาก
เวลาเที่ยว พอมีบ้าง ตอนจอดที่พอร์ทต่างๆ ถ่ายภาพตอนเช้าเสร็จ ก็เดินเที่ยวไปทั่วนั่นแหละค่ะ มาเริ่มงานอีกทีก็ตอนเย็น ถ้าวันไหนได้เดย์ออฟ ก็ออกไปลั้ลลาแต่เช้าได้เลย
ความรู้สึกการทำงานคงเหมือนกับแอร์โฮสเตสกระมังคะ คือเที่ยวไปทำงานไป แต่งานค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน
มีคนไทยอยู่ในเรือที่ไปทุกลำค่ะ แต่อาจจะอยู่คนละแผนก เช่น บาร์เทนเดอร์ บาริสต้า เด็กเสิร์ฟ หรือแม่บ้านก็มีค่ะ แต่ไม่เยอะมาก พนักงานในเรือประมาณ 1 พันคน อาจจะมีคนไทยอยู่ราวๆ 15-20 คนค่ะ แต่เราเป็นช่างภาพหญิงคนเดียว
พูดถึงเรื่องรายได้กันบ้าง เพราะหลายคนจะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจค่ะ
โดยรวมแล้วเราจะได้รายได้ราวๆ 40,000 บาทต่อเดือนค่ะ ( ไม่รวมค่าโบนัส หรือว่าบุคกิ้งถ่ายภาพที่จะเป็นเงินพิเศษเพิ่มนะคะ)
แต่หากใครสามารถถ่ายภาพแต่งงานได้ หรือเลื่อนขั้นตัวเองเป็นช่างภาพแต่งงาน จะสามารถได้ % จากการขายภาพด้วยค่ะ
เพื่อนช่างภาพชาวฟิลิปปินส์ ขายภาพงานแต่งได้ครูสละ 300-500 USD เดือนหนึ่งมี 4 ครูส ถ้าขายภาพได้ทุกครูส รวมกับเงินเดือนเข้าไป ก็เฉียดแสนต่อเดือน แต่หากไปเรือลำไหนที่มีช่างภาพเวดดิ้งเยอะ อาจจะได้แบ่งๆงานกันไปบ้างค่ะ
รายได้อาจจะดูไม่ได้หวือหวามากเท่าไหร่ แต่พอคิดว่าเราไปทำงานต่างประเทศเพื่อฝึกภาษา มีที่พักให้ฟรี กับอาหารฟรีทุกมื้อ รวมถึงได้เดินทางเที่ยวไปยังที่ต่างๆฟรี ก็ถือว่าพอใช้ได้ค่ะ (อารมณ์คล้ายๆ Work and Travel)
คอนแทรคแรกที่ทำหลังจากสัมภาษณ์งานผ่านทุกอย่างจะไม่ยากแล้วค่ะ เพราะจะขอวีซ่า หรือทำอะไรก็ไม่ยากถ้าเราสัมภาษณ์งานผ่านและได้ใบ Job letter มาแล้วล่ะก็ วีซ่าก็ขอไม่ยากเลยค่ะ
การไปทำงานคอนแทรคแรก จะต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปเองค่ะ หลังจากนั้น ตั๋วขากลับ หรือคอนแทรคถัดไป ทางบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างค่ะ
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจนะคะ เพราะบอกไว้ก่อนว่า งานนี้หนักตรงที่ต้องจากบ้านเราไปถึง 8 เดือนนี่แหละค่ะ แต่ถ้าถามถึงประสบการณ์ที่ได้รับ ก็ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่า ที่ทำให้ชีวิตเราแกร่งขึ้นจริงๆค่ะ
ใครสงสัยอะไรหรืออยากลองไปลุยดูซักตั้งก็สอบถามได้ค่ะ ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
แชร์ประสบการณ์ช่างภาพสาว บนเรือสำราญเจ้าค่ะ
พอดีมีพี่ผู้หญิงที่รู้จักผ่านเพื่อนในเฟสบุคทำงานเป็นช่างภาพเรือสำราญมาหลายปีแล้ว ตัวเราเองเคยกดติดตามพี่เค้าไว้ ชื่อพี่ ด. เป็นสาวห้าว ผมสั้น
ได้อ่านเรื่องราว การเดินทางและทำงานของพี่ ด. แล้ว เราเองก็อยากลองทำงานนี้บ้าง (ตอนนั้นเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ค่ะ) แต่เราถ่ายภาพไม่ค่อยเก่ง จับกล้องเป็นงานอดิเรก ถ่ายเพื่อน ถ่ายหมา แมว หรือวิวไปเรื่อยเปื่อย
เมื่อปีที่แล้วได้อ่านกระทู้ ช่างภาพบนเรือสำราญที่มาเขียนเล่าประสบการณ์ ก็ยิ่งฮึกเหิม อยากลองทำบ้าง โดยเหตุผลหลักๆที่อยากทำคือ อยากฝึกภาษาอังกฤษ กับอยากเดินทางไปยังที่ต่างๆ พร้อมทั้งฝึกถ่ายภาพไปในตัวค่ะ ก็เตรียมตัวมาก่อนหน้านั้นอยู่พอสมควร จนพร้อมและสัมภาษณ์ผ่านในที่สุด
เรื่องที่จะเล่าเลยอยากเล่าในอีกด้านหนึ่งของงานว่าได้เจอะเจออะไรบ้าง รวมถึงรายได้ที่ได้ของงานนี้ เผื่อใครที่คิดอยากจะทำ จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ เพราะเท่าที่ค้นหาในเนตมา แทบไม่มีใครพูดถึงรายได้ และสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างทำงานนี้ค่ะ
อย่างแรกเลยหลายคนบอกว่างานบนเรือสำราญหนักมาก เราลองไปทำดูก็พบว่า หนักเป็นบางช่วงค่ะ เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางทำงานเกิน 10 ชม. ต่อวัน แต่ที่รู้สึกหนักเพราะว่า แรงกดดันจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้ามากกว่า
วันหยุดน้อยถึงน้อยมาก แล้วแต่เมเนเจอร์จะจัดให้ อย่าไปคาดหวังอะไรมากค่ะ ได้เมเนเจอร์ดี งานก็สบาย เมเนเจอร์แย่ก็เหนื่อยหน่อย
ช่วงแรกที่ไปรู้สึกงานหนักมาก เดือนแรกมีเรื่องให้จำเยอะแยะไปหมด น้ำตาเล็ด คิดถึงบ้าน คิดถึงหมาที่เลี้ยง คิดถึงเพื่อน คิดถึงอาหาร โอย..สารพัดเจ้าค่ะ
แต่พอผ่านไป 1 เดือนรู้สึกว่างานจะค่อยๆง่ายขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเราเริ่มชินกับงาน และเริ่มชินหูกับเจ้าของภาษามากขึ้นค่ะ
Activity สำหรับลูกเรือเยอะมาก 1 เดือนมีกิจกรรมแทบวันเว้นวัน เดี๋ยวก็มี ฟู้ดร์ปาตี้, แข่งบิงโก, เล่นสไลเดอร์, แด๊นซ์ปาร์ตี้, แข่งกีฬา,ปาร์ตี้ในคลับ,คาราโอเกะ และอีกมากมายที่หมุนเวียนมาให้พนักงานไม่เบื่อ โดยส่วนตัวแล้วเราไปแทบทุกครั้งที่มีปาร์ตี้ค่ะ ดื่มเฮฮาเป็นปกติอยู่แล้ว
สวัสดิการโดยรวมของงานค่อนข้างดี เพราะช่างภาพเป็น Staff member มีคนคอยทำความสะอาดห้อง จัดผ้าปูเตียง เปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ทุกวันค่ะ
การทำงานบนเรือก็เหมือนกับการทำงานในโรงแรมที่อยู่กลางทะเลค่ะ แต่เรือสำราญมีหลายสิ่งหลายอย่างมาก มีร้านอาหารหลายร้าน มีคลับเที่ยวกลางคืนหลายแห่งในเรือ มีโรงหนัง มีโรงละคร มีคาสิโน มีเกมเซ็นเตอร์ มีห้องสมุด มีร้านขายของ มีสนามบาส สระว่ายน้ำ สนามฟุตซอล ฟิตเนส สปาร์นวดตัว และอีกมากมายค่ะ ตามแต่ขนาดของเรือ
การทำงานบนเรือคือเราจะนอนอยู่ในเรือเลย คือเราจะไม่เสียค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ มีอาหารให้พนักงานฟรีทุกมื้อ
การทำงานในเรือหากไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนี่เก็บเงินสบายมากค่ะ เพราะแทบจะไม่ได้ใช้จ่ายเงินเลย นอกจากค่าโทรศัพท์เผื่ออยากโทรกลับบ้านกับค่า อินเทอเนต ที่ราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร (ส่วนมากเราจะใช้เนตบนเรือไม่นานมาก นอกจากธุระสำคัญ ที่เหลือเวลาเรือจอดลงพอร์ทต่างๆ เราไปนั่งร้านกาแฟใช้ wifi ฟรีหรือใส่ซิมประเทศนั้นๆ แล้วใช้เนตเอาค่ะ)
การทำงานหลักๆจะเป็นการถ่ายรูปให้กับลูกค้าค่ะ ทุกคืนจะถ่าย Portrait บอกท่าทางให้ลูกค้า ซึ่งไม่ยากเท่าไหร่ เพราะตอนที่ได้ไปทำครั้งแรกทางบริษัทจะให้เราไปเข้าคอลเลจ เพื่อเรียนก่อนค่ะ (เรียน 2 สัปดาห์ระหว่างที่เรียนจะมีเงินเดือนให้ด้วยนะ)
การทำงานจริงจะยากแค่ช่วงแรกในการปรับตัว เพราะต้องจำทั้งเรื่องขายภาพ เรื่องการทำงาน และปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานหลายๆคนค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วไม่ใช่คนสวยค่ะ อยู่ไทยก็ธรรมดา ผิวสีน้ำผึ้งค่อนไปทางคล้ำนิดหน่อย เราเป็นผู้หญิงลุยๆ แต่ไปที่นั่นกลับฮอตซะอย่างนั้น หนุ่มจีบเยอะค่ะ แต่เราไม่ได้สนใจเท่าไหร่ บางคนมันมีเมียมีลูกอยู่บ้านแล้วยังมาจีบเราเลยค่ะ ลำไยมาก
เวลาเที่ยว พอมีบ้าง ตอนจอดที่พอร์ทต่างๆ ถ่ายภาพตอนเช้าเสร็จ ก็เดินเที่ยวไปทั่วนั่นแหละค่ะ มาเริ่มงานอีกทีก็ตอนเย็น ถ้าวันไหนได้เดย์ออฟ ก็ออกไปลั้ลลาแต่เช้าได้เลย
ความรู้สึกการทำงานคงเหมือนกับแอร์โฮสเตสกระมังคะ คือเที่ยวไปทำงานไป แต่งานค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน
มีคนไทยอยู่ในเรือที่ไปทุกลำค่ะ แต่อาจจะอยู่คนละแผนก เช่น บาร์เทนเดอร์ บาริสต้า เด็กเสิร์ฟ หรือแม่บ้านก็มีค่ะ แต่ไม่เยอะมาก พนักงานในเรือประมาณ 1 พันคน อาจจะมีคนไทยอยู่ราวๆ 15-20 คนค่ะ แต่เราเป็นช่างภาพหญิงคนเดียว
พูดถึงเรื่องรายได้กันบ้าง เพราะหลายคนจะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจค่ะ
โดยรวมแล้วเราจะได้รายได้ราวๆ 40,000 บาทต่อเดือนค่ะ ( ไม่รวมค่าโบนัส หรือว่าบุคกิ้งถ่ายภาพที่จะเป็นเงินพิเศษเพิ่มนะคะ)
แต่หากใครสามารถถ่ายภาพแต่งงานได้ หรือเลื่อนขั้นตัวเองเป็นช่างภาพแต่งงาน จะสามารถได้ % จากการขายภาพด้วยค่ะ
เพื่อนช่างภาพชาวฟิลิปปินส์ ขายภาพงานแต่งได้ครูสละ 300-500 USD เดือนหนึ่งมี 4 ครูส ถ้าขายภาพได้ทุกครูส รวมกับเงินเดือนเข้าไป ก็เฉียดแสนต่อเดือน แต่หากไปเรือลำไหนที่มีช่างภาพเวดดิ้งเยอะ อาจจะได้แบ่งๆงานกันไปบ้างค่ะ
รายได้อาจจะดูไม่ได้หวือหวามากเท่าไหร่ แต่พอคิดว่าเราไปทำงานต่างประเทศเพื่อฝึกภาษา มีที่พักให้ฟรี กับอาหารฟรีทุกมื้อ รวมถึงได้เดินทางเที่ยวไปยังที่ต่างๆฟรี ก็ถือว่าพอใช้ได้ค่ะ (อารมณ์คล้ายๆ Work and Travel)
คอนแทรคแรกที่ทำหลังจากสัมภาษณ์งานผ่านทุกอย่างจะไม่ยากแล้วค่ะ เพราะจะขอวีซ่า หรือทำอะไรก็ไม่ยากถ้าเราสัมภาษณ์งานผ่านและได้ใบ Job letter มาแล้วล่ะก็ วีซ่าก็ขอไม่ยากเลยค่ะ
การไปทำงานคอนแทรคแรก จะต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปเองค่ะ หลังจากนั้น ตั๋วขากลับ หรือคอนแทรคถัดไป ทางบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างค่ะ
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจนะคะ เพราะบอกไว้ก่อนว่า งานนี้หนักตรงที่ต้องจากบ้านเราไปถึง 8 เดือนนี่แหละค่ะ แต่ถ้าถามถึงประสบการณ์ที่ได้รับ ก็ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่า ที่ทำให้ชีวิตเราแกร่งขึ้นจริงๆค่ะ
ใครสงสัยอะไรหรืออยากลองไปลุยดูซักตั้งก็สอบถามได้ค่ะ ยินดีให้คำแนะนำค่ะ