แชร์ประสบการณ์ ช่างภาพควายไทย ไปทำงานช่างภาพเรือสำราญ (สู้ว้อยยย !)EP.0

ความเดิมตอนที่แล้ว

EP. 1
http://ppantip.com/topic/35137761

EP. 2
http://ppantip.com/topic/35148464


ซึ่งในตอนจบ EP.2 ผมเล่าถึงการทำงานที่จบ คอนแทรคแรกของผม หลังจากนั้นผมได้มาพักร้อนที่ไทยเป็นเวลาสามเดือน (โดยทั่วไปแล้วคุณจะได้ Vacation 2 เดือน แต่คุณสามารถขอยืดเวลาเป็น 3-4 เดือนได้ ) ซึ่งระหว่างพักร้อนนั้น คุณจะไม่ได้รับเงินเดือนใดๆทั้งสิ้น บางคนก็อยากรีบจะกลับไปทำงานเร็วๆ แต่บางคนก็อยากพักนานๆ  อันนี้ตามแต่สะดวก

จริงๆผมลังเลอยู่ว่าจะกลับไปทำคอนแทรคสองดีหรือเปล่า เพราะผมคิดว่า ผมชอบอาหารไทย ผมชอบที่จะอยู่เมืองไทย เลยขอยืดเวลาพักร้อนออกไป รอเล่นสงกรานต์ที่ไทยก่อน แต่พอบริษัท ส่ง e-mail มาว่า เรือลำถัดไปที่ผมได้ไปนั้นคือ Carnival Spirit ซึ่งวิ่งอยู่ที่ Sydney !!!

ผมรีบเปิดเนต ดูเส้นทางการเดินเรือของ Carnival Spirit ว่าจะได้ไปที่ไหนบ้าง โอ้ววววแม่จ้าววว  ผมตอบตกลงโดยทันที  

คืองี้ครับ ผมเป็นพวกที่ไม่ชอบทำอะไรเดิมๆซ้ำมากนัก ไม่ชอบที่จะไปเรียนรู้อะไรเดิมๆที่เราได้เรียนรู้มาก่อนแล้ว นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมลังเลในตอนแรก แต่เมื่อรู้ว่าจะได้ไปทำงานในประเทศใหม่ๆที่ไม่เคยไป ไปในที่ใหม่ๆที่ไม่เคยเหยียบ นั่นเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิต

มันก็เหมือนการท่องเที่ยวไปต่างประเทศ บางทีเราก็ต้องการไปเที่ยวประเทศใหม่ๆที่ยังไม่เคยไป มากกว่าไปประเทศที่เราเคยไปมาแล้ว

อีกเหตุผลข้อหนึ่งคือ ตอนจบคอนแทรคแรก ผมเพิ่งได้เป็น AWP ยังไม่ได้ถ่ายภาพแต่งงานมากนัก ดังนั้นคอนแทรคที่สองนี้ จึงคิดว่าอยากไปถ่ายลูกค้าที่ออสเตรเลียเยอะๆ  นั่นเป็นเหตุผลที่ผมกลับไปทำงานที่นั่นอีกรอบนึงครับ

และเนื่องจากคอนแทรคสอง เป็นอะไรที่แจ่มแมวจัดจ้าน ไม่แพ้คอนแทรคแรก ทั้งสถานที่ที่ได้ไปท่องเที่ยว ทั้งประสบการณ์ที่ได้รับ ทั้งเพื่อนใหม่ๆที่ได้รู้จัก อีกทั้งลูกค้าที่เข้ามามากมายในชีวิต นั่นทำให้ถ้าพิมพ์ต่อเนี่ย คงจะยาวเหยียดเขียดตะปาดแน่นอน ผมเลยคิดว่า เรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่ EP.0 - ปัจจุบัน ที่จบ คอนแทรคสอง ผมจะตีพิมพ์เป็น พอคเกตบุคแทน สำหรับผู้ที่สนใจ ก็ฝากติดตามกันด้วยเช่นเคยนะคร้าบ


..........เกริ่นมาซะยาว แต่เรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ มันไม่ใช่ EP.3 ที่ต่อจากภาค 2 แต่มันคือ EP.0 จุดเริ่มต้นของการทำงานที่นี่ ซึ่งหลายๆคนได้สอบถามมา ทั้งใน Facebook และในพันทิป วันนี้ตามสัญญาครับ เรามาเริ่มต้นการเดินทางไปพร้อมกันได้เล้ยยยยย


ขอเริ่มเรื่องจาก การทำงานของผมก่อนนะครับ ผมเป็นช่างภาพที่ติดเกม (มากกกก) ก็คือเป็นคนชอบเล่นเกมคนหนึ่ง ทำให้มีชื่อเสียงด้านวงการเกมคอนโซลพอสมควร เคยทำรายการให้ทางช่องทรู เขียนสคริปต์รายการเกี่ยวกับเกม เป็นพิธีกรให้บางรายการ เคยแข่งเกมในงาน TGS จนได้แชมป์ มาหลายรางวัล

สุดท้ายก็มาทำงานเกี่ยวกับเกม คือเป็นเกมดีไซเนอร์ แต่ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายภาพไปด้วย

ทีนีจุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ว่า เรารู้สึกว่า ชีวิตมันตัน มันไม่มีอะไร มันไม่ท้าทาย มันเนิบนาบเกินไป ผมมองอนาคตแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นข้าราชการ ทำงานกินเงินเดือนไปเรื่อยๆ รอวันเกษียณ แต่งานที่ผมทำมันเป็นบริษัทเอกชนไง วันหนึ่งเกิดการปรับเปลี่ยน ย้ายเข้าโยกออก มันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วถึงตอนนั้นเราจะรู้สึกว่าตัวเองแก่เกินที่จะกลัวการเปลี่ยนแปลง

ที่สำคัญ ผมรู้สึกว่า เรายังมีสิ่งที่เราอยากทำอีกเยอะเลย เราอยากไปต่างประเทศ เราอยากท่องเที่ยว เราอยากเก่งภาษาอังกฤษซึ่งตอนนั้นเรากากกรังมากมาย  มันมีเรื่องในหัวเยอะแยะไปหมด

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นแรงผลักดันคือผมอยากทำให้ตัวเองรู้สึกว่าก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้ เพราะในใจมันรู้สึกเคว้งคว้าง แบบแปลกๆ บอกไม่ถูก

เคยป่ะ นั่งทำงานอยู่แล้วรู้สึกว่า ชีวิตกรูมันจะยังไงต่อดีวะ มันจะเอื่อยๆ เรื่อยเปื่อยไปแบบนี้ตลอดเลยป่าวฟะ ?

.............นั่นแหละอารมณ์ตอนนั้น

ผมไม่อยากให้คนอ่านกระทู้นี้แล้วตัดสินใจลาออกจากงานมาทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน

อย่าเอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินอะไรที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิต

ผมยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูก เป็นบุคคลที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วตอนนั้น รู้สึกว่าถ้าอยากจะทำอะไรมันก็ต้องตอนนี้แหละฟะ มันได้เวลาแล้ว

(ถึงแม้ว่าหลังจากได้ไปทำงานที่นั่น จะเห็นคนมีลูกมีเมีย มาทำงานกันเต็มไปหมด -..-")


ว่าแล้วผมก็เริ่มเสิร์ชหาข้อมูลต่างๆ ว่าจะทำงานต่างประเทศ มันมีอะไรน่าสนใจบ้าง งานอะไรที่มันยิงปืนนัดเดียว ได้นกทั้งรัง (สองตัวคงยังไม่พอ)



................จนกระทั่งผมได้เจอกับงาน ช่างภาพเรือสำราญ

ดมตด. (เดี๋ยว มา ต่อ เด้อออออ )

ป้าดดดดดดดด




(แปะไว้ซักรูป ให้กระทู้มีรูป อิอิ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่