แชร์ประสบการณ์ เมื่อคนใกล้ตัวพบว่าเป็นมะเร็ง

ปกติ ผมไม่เคยได้เข้ามาอ่าน กระทู้ในห้องสวนลุมเท่าไร
แต่จนมาวันนึง ผมต้องกลับมาลองค้นหาข้อมูล ต่างๆมากมาย และได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มากมายในคลังกระทู้ของ pantip
วันนี้เหตุการณ์ ที่ผมเจอ มันได้ผ่านมาแล้ว น่าจะเกินครึ่งทาง
จึงอยากจะแชร์ ประสบการณ์ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ
ซึ่งมันอาจจะช่วยคนอื่นๆ ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

จุดเริ่มต้น มาจาก ผมพบว่าคนในครอบครัว ผมคนนึง เป็นมะเร็ง ที่ตับ
เมื่อประมาณเดือน กันยายน 59
คุณ พ่อผม ได้ไปตรวจสุขภาพ เนื่องจาก เวลาเดินรู้สึกเจ็บที่สะโพก จะฝั่งเข็มก็แล้ว นวดรักษา ฉีดยา ก็แค่ช่วยบรรเทา
แล้วก็กลับมาปวดๆเจ็บๆใหม่ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับ โรคที่เจอเลย มันอาจจะเป็นความบังเอิญ ก็ว่าได้ ที่หมอแห่งหนึ่ง ได้ลองขอ ตรวจเลือด
และ พบว่าค่า AFP สูงถึง 30,000 กว่า นั้นคือค่าบ่งชี้มะเร็งตับ ซึ่งคนปกติ ควรจะมีค่าดังกล่าว ไม่เกิน 10
วันที่ทราบผล คุณพ่อ ผมโทรมาหา แจ้งบอกผมว่า ค่ามะเร็งมันออกมาสูงมาก
ช่วงเวลาที่ผมทราบครั้งแรก ผมรู้ทันทีว่า พ่อผม ไม่สบายใจแน่ รวมถึงผมด้วย แต่
ผมยังไม่อยากจะเชื่อ กับตัวเลขดังกล่าว เพราะมันเป็นค่าที่สูงมาก และเป็นผลตรวจจาก คลินิก แห่งหนึ่งเท่านั้น

สิ่งที่ทำต่อไป คือ  ให้พ่อผมทำการตรวจเลือกอีกครั้ง ที่ รพ ใกล้ บ้าน
แต่ผล ตรวจ ค่า AFP ที่บ่งชี้มะเร็งตับ ก็ไม่ได้แตกต่าง กันเลย ผลที่ออกมา ก็ยังคงประมาณ 30,000 กว่า
ซึ่งในระหว่างนั้น พี่ ผมทั้ง สองคนที่ต่างประเทศก็เริ่มหาข้อมูลไปพร้อมๆกัน และก็ยืนยันกันด้วยข้อมูลที่แต่ละคนหามา
มันทำให้ครอบครัวผม ทราบและต้องเริ่มยอมรับกับเหตุการณ์นี้แล้วว่า คุณพ่อผม เป็น มะเร็งตับ แน่นอนแล้ว

หากถามว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร แน่นอนครับ
เราคงไม่แตกต่างจากครอบครัวอื่นๆ คือ
ผมและทุกคนในบ้าน ในครอบครัวผม ทุกคนถึงแม้ไม่ได้พูดออกมา แต่น้ำเสียง ที่ผมจำได้
ในช่วงแรกๆที่ทราบ ทุกคนวิตกกังวล กันมาก จนทำให้ผม และพี่น้อง ที่อยู่ต่างประเทศ เริ่มคุยและปรึกษากันมากขึ้น
ว่าเราจะทำกันยังไงต่อไป และเริ่มศึกษา ว่าจะรักษา มันอย่างไร
เราทุกคน 3 พี่น้องหาข้อมูลต่างๆมากมาย ทั้งจากคนรอบข้าง และ อินเตอร์เนต
ผมเชื่อว่า ส่วนมากคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ร้อยละ 90 จะหาข้อมูลจนล้น มากๆ แล้วกลับกลายเป็นว่า
ทำให้เราเครียดเพิ่มมากขึ้น การหาข้อมูลเรียกว่า ประหนึ่งผมกำลังอ่านรายละเอียดต่างๆ เหมือนกำลังจะไปสอบวิชาแพทย์ เกี่ยวกับ ตับ
ผมพูดจริงๆ ครับ เหตุการณ์นี้  Google ไม่ใช่หมอ เป็นแค่เหล่งข้อมูล
อย่าทำการเชื่อ และตัดสินใจเอง บนข้อมูลเหล่านี้ เพราะอะไรผมถึงบอกแบบนี้
เพราะระหว่างการหาข้อมูล ผมพบกระทู้ และข้อมูลบนเวบมากมาย ถึงการรักษา มะเร็งตับให้หายได้มากมาย
รวมถึงการพูดถึงความล้มเหลวของผู้ที่ไปรักษาในรูปแบบต่างๆ ก็เยอะ ช่วงอารมณ์คุณจะสวิงมากๆ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผม และ พี่น้อง คุยกันและเห็นพร้อมกัน คือ การตัดสินใจ ที่ต้องค่อยๆเริ่มจัดการกับเหตุการณ์ในอนาคต
ว่าเราจะจัดการกับโรคนี้อย่างไร

ขอย้อนกลับมาที่หลังจากที่ เราทราบผลที่ไปตรวจที่ รพ และเป็นการบ่งชัดว่า น่าจะเป็นมพเร็งตับแน่ๆ
ผม ตัดสินใจ พาคุณพ่อไปหาหมอที่ รพ ปิยะการุณ ศิริราช ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 59
วันนั้น ผม ได้พบ คุณ หมอท่านหนึ่ง ที่ประจำดูแลเรื่อง ทางเดินอาหารและตับ สิ่งแรก คือ
ทาง รพ ให้คุณพ่อผม ตรวจเลือกซ้ำ อีกครั้ง และทำ CT SCAN และให้กลับมา วันที่ 11 ตุลาคม 59 เพื่อมาดูผลการตรวจ

วันที่ 11 ตุลาคม 59
ผม พาคุณ พ่อ ไป รพ เพื่อรับฟังผลการตรวจ ผมเข้าไปพบคุณหมอ พร้อม คุณพ่อ
ผลตรวจที่ได้รับแจ้ง คือ ค่า AFP 30,000 กว่า และ CT SCAN พบว่า
ก้อนมะเร็งขนาดประมาณ 9 cm ทางด้านซ้ายของตับซึ่ง หมอบอกว่ามันใหญ่มาก
ผมทราบทันทีว่า พ่อผม รู้สึกอย่างไร ความวิตกกังวล ที่ออกมาจากสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด
พอ ถึงจุดนี้ ผมขอให้ พ่อผม ออกไปรอเข้านอก และผม ได้สอบถามเพิ่มเติม
สิ่งที่ผม ถามในขณะนั้น คือ วิธีกาารรักษามีหรือไม่อย่างไร และ ระยะเวลาที่เหลือคือเท่าไร
ในระหว่างที่ หมอ แจ้งผลการตรวจนั้น ผมพูดจริงๆครับ ความรู้สึกผม เหมือนโดนกด ให้ลงลึกไปอีก
เพราะคำตอบที่ได้รับ บอกว่าถ้ารักษา ตามขั้นตอน น่าจะเหลือเวลา 9 เดือน
ผมหยุดนิ่ง และคิดอะไรไม่ออก โดยที่หมอได้ทำการแจ้งให้นัดกับหมอรังสี และหมอที่ชำนาญทางด้านนี้เพิ่มเติม
แล้วลาหมอ เดินออกจากห้องมา ผมได้นัดอีกครั้ง ให้มาพบวันที่ 13 ตุลาคม 59 และ พบหมอรังสีที่นั้น ในอาทิตย์นัดไป

จากเหตุการณ์นี้ ผมบอกได้อย่างเดียวครับ ห้ามหมดหวัง และจมอยู่กับสิ่งที่ได้ยินมา
จนกว่าจะเจอหมอเฉพาะทาง ที่เขาทำการวินิจฉัยแล้ว
ทำไมผม ถึงพูดแบบนั้น เพราะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับกัน อย่างสิ้นเชิงครับ

หลังจากที่พบทราบผล และทางคุณ หมอท่านแรก ได้นัดให้พบ หมอเฉพาะทาง ไปแล้วนั้น
ในวันนั้นก่อนออกจาก รพ ผมคิดขึ้นมาได้ และโทรไปหาเพื่อน สมัยเรียนมัธยม ซึ่งปัจจุบันเป็นหมอที่ รพ ศิริราช
ว่าตอนนี้ ผมพาพ่อผม มา รพ และตรวจเจอ กับอาการแบบนี้ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้ไป พบคุณหมอท่านนี้
ทำให้ผมย้อนกลับไปที่แผนกเดิม และขอทำการยกเลิกนัดก่อนหน้านี้ทั้งหมด และขอนัดกับ หมอท่านั้น
แต่ผล คือ กว่าจะได้คิว เจอท่าน อีกประมาณ 1 เดือน ถึงจะมีคิวได้พบปรึกษา คุณหมอท่านนั้น
ผมขอผลการตรวจ ผล CT SCAN เอากลับบ้านทั้งหมด และเริ่มต้นการวิ่งหาหนทาง ที่จะพบหมอเฉพาะทางท่านนั้น
ในระหว่างทางกลับบ้าน ผมทราบดีกว่า คุณพ่อ วิตกกังวลขนาดไหน แต่ พ่อผมก็พยายามไม่แสดงอะไรออกมา
ส่วนผม ก็พยายามพูดคุย ให้เป็นปกติ และพูดถึงว่ามีทางรักษา เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งผลต่างๆ ที่คุณหมอท่านแรกแจ้งมาในช่วงที่ผมถามคุณหมอไป ที่อยู่กับ 2 คนผมไม่ได้บอกคุณพ่อ ผมไป
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมแทบอยากจะร้องไห้ หรือระบายอะไรออกมากมาย แต่ก็ทำไม่ได้
จนผมไปส่งพ่อ และกลับมานอนอีกบ้านกับภรรยาย ผมรู้เลยว่าตอนนั้นผมอ่อนแอมาก ผมร้องไห้ต่อหน้าภรรยายผม
แบบ เป็นอะไรที่ผมไม่สามารถบังคับตัวเองได้ เพราะผมรู้สึกเศร้า หดหู่ ไม่รู้จะหาทางออกยังไง สับสนมากๆ
แต่ผมต้องขอขอบคุณ ภรรยา ผมมากๆที่ทำให้ผมดึงสติกลับมา แล้วหาทางรักษา จะมามั่วจิตตกแบบนี้ไม่ได้

และวันนั้นหลังจากกลับมาบ้าน
ผมแจ้งพี่ทั้ง 2 คน กับประชุม Con Call กัน 3 คน พี่น้องผม อยู่กันคนละประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น สหรัฐ
กลับสิ่งที่เกิดขึ้นและผลที่ทราบ และการตัดสินใจของผม ที่จะเลิกนัด และทำการหาหมอเฉพาะทางท่านนั้น
โดยที่พี่ทั้ง 2 คน ก็รับรู้กับการตัดสินใจนี้ หลังจากนั้น ผมหาข้อมูล ว่าหมอท่านนี้ ประจำรักษา หรือ อยู่ที่ไหนบ้าง
หลังจากที่ทราบ ผมทำการนัด โดยโทรไปที่ รพ วิชัยยุทธ ซึ่งได้ คิว วันที่ 17 ตุลาคม 59

ทุกอย่างเหมือนผมทำงานกับเวลา ผมตัดสินใจไปในขณะนั้น ผมพูดจริงๆ ไม่รู้ว่ามันจะถูกหรือจะผิดกับผลที่จะเกิดในอนาคต
ผมรู้เรียงแค่ว่า ผมต้องมั่นใจ และจัดการให้เร็วที่สุด ระยะเวลาที่ รอ คอยพบคุณหมอ 3-4 วันมันช่างเหมือนนานมากๆ
และกับสิ่งที่ รอคอย ก็ไม่รู้ว่าผล ที่จะรับรู้จะเป็นอย่างไร

วันที่ 17 ตุลาคม 59
วันนั้นผม ได้นัด กับ คุณ หมอ 2 ท่าน ที่ รพ วิชัยยุทธ์ เพราะหลังจากที่ได้ปรึกษา กับเพื่อนที่เป็นแพทย์ แล้ว
ก็ได้สอบถามกับคนรอบข้าง จน ได้คุยกับ คุณอา และได้ข้อมูล เพิ่มว่า เพื่อคุณอา ก็เคยมารักษาที่นี้ และทำการเปลี่ยนตับ
จากคุณหมอ ที่นี้ด้วย โดยมีคุณหมอเจ้าของไข้ ท่านนี้ และคุณหมอที่ทำการผ่า ชื่อเดียวกับที่เพื่อนบอกมา
มันทำให้ผมรู้สุกถึงแสงสว่างเพิ่มมากขึ้น
จนช่วงเวลาที่ได้พบคุณ หมอ ที่ขอนัดไว้ โดยเป็นนัดที่ขอปรึกษาอาการ
โดยคุณหมอท่านนี้จะเป็นเจ้าของไข้ให้ คุณพ่อ ผม  ก็อ่านผล ที่ผม เอามาจาก รพ เดิม
และได้พูดคุยถึงวิธีการรักษา ว่าจะต้องทำคีโม และทำการผ่าตัด ต่อไป
โดยที่หลังจากนั้น คุณหมอก็แจ้งว่า เดียวลองปรึกษาคุณ หมอ ที่จะเป็นคนผ่าตัดให้คุณผ่าผมดูอีกที

หลังจากนั้น ผมได้พบกับคุณ หมอ ที่เป็นคนผ่าตัดให้พ่อ ผม
ท่านได้ดูผล CT SCAN ที่ผมของมา หลังจากเปิดดูผลแล้ว
ก็บอกว่า ต้องทำให้ขนาดก้อนนี้เล็กลงก่อน แล้วจึงทำการผ่าตัดได้
ผมสอบถามเพิ่มเติม คุณพ่อผม มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน และอายุ 75 แล้ว ยังจะสามารถทำการผ่าตัดหรือรักษาได้หรือไม่
ผลที่ได้รับกลับมาคือ 80 ผมก็ผ่ามาแล้ว เหมือนกับ ไม่ได้กังวลอะไรเลย

อย่างที่บอกตอนต้น ความรู้สึกมันกลับหัวกลับหาง กันไปหมด มันทำให้ผมมีความหวังเพิ่มมากขึ้น
อย่างบอกไม่ถูก  มันถึงเป็นที่มา ที่ผมบอกว่าทุกอย่างต้องมีกำลังใจอย่าหมดหวัง

หลังจากนั้น ผมขอทำการนัด และเข้าขั้นตอนการรักษาว่าต้องมีอะไรบ้าง
โดยกระบวนการรักษาทั้งหมดตั้งแต่ที่ผมเริ่มเล่ามานั้น รวมๆ ประมาณ 4 เดือน
คือ คุณ พ่อผม ได้รับการรักษาคือ
การทำ คีโม เฉพาะจุด หรือ TACE ทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ละครั้ง
หลังจากทำ TACE ก็จะตามผลด้วยการทำ CT SCAN ว่า ก้อนดังกล่าวสามารควบคุมขนาด ได้แล้วหรือไม่
เมื่อหมอมั่นใจแล้วก็เข้าสู่
การทำ PVE คือการอุกเส้นเลือดดำ เพื่อทำให้ตับส่วนที่เหลือ ขยายตัวเพื่อทำงานชดเชยส่วนขาดหายไป
และ ทำการ PET SCAN
และทำการผ่าตัด ตับ ซีกขวา
ปัจจุบันทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว กลับบ้าน รอตัดไหมที่เย็บและติดตามผลที่รักษา
ผมทราบดีทั้งหมดนี้มันแค่เดินทางมาครึ่งทาง เรายังต้องติดตามผลอีกตลอดเวลา
แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่า เราต้องอย่างหมอหวัง ที่จะสู้ จนกว่าเราจะได้พยายาม

ซึ่งทั้งหมดนี้ ในช่วงการทำขั้นตอนต่างๆ ยังต้องมีการดูแล
ที่เราๆ คนรอบข้างต้องช่วยกัน รวมถึงคนไข้ต้องมีกำลังใจด้วย

ในส่วนการดูแล อาหารการกินผมต่างๆ เดียวขอมาต่อนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่