ก่อนอื่นผมรู้สึกดีใจที่เหตุการณ์จบลงแบบ win win  กันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายรัฐก็ได้ตรวจค้นวัดจนทะลุปรุโปร่งและรู้แหล่งขุมทรัพย์ของวัดพระธรรมกายหมดทุกจุด นอกจากนี้ยังสามารถถอดสมณศักดิ์ของพระผู้ก่อตั้งวัดอีก ฝ่ายวัดพระธรรมกายก็พิสูจน์ถึงความเหนียวแน่นในศรัธาของพระและโยมที่มีต่อคำสอนของพระมงคลเทพมุนี และหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่ได้อบรมสั่งสอนสานุศิษย์มานานนับสิบสิบปี ทำให้เป็นหลักประกันได้ดีว่าในอนาคตเมื่อหมดยุคของผู้ก่อตั้งวัดแล้วแต่ตัววัดและคำสอนของวัดจะยังคงอยู่ต่อไป ฝ่ายกองเชียร์ทั้งฝ่ายที่ไม่ชอบวัด และฝ่ายที่ชอบวัดต่างก็พออกพอใจในผลของเหตุการณ์ที่ผ่านมาสุดแต่ว่าจะมองเข้าข้างตัวเองแบบไหน สำหรับผมมีมุมมองในเรื่องนี้แบบนี้ครับ บุคลากรของวัดพระธรรมกายตั้งแต่พระ อุบาสก อุบาสิกา เกือบทั้งหมดมีความรู้ขั้นต่ำปริญญาตรี บางท่านก็จบปริญญาโท และเอก การอุทิศตัวเข้ามาอยู่ในวัดนี้เป็นการตัดสินใจที่ได้ไตร่ตรองอย่างดีแล้ว ดังนั้นการรวมตัวกันปกป้องวัดจึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยไม่หวั่นเกรงภยันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้นจากอำนาจรัฐจึงสุดที่ทุกคนจะคาดคิดแม้ทางฝ่ายรัฐเองก็ตาม การให้ข้อมูลข่าวสารในทางไม่ดีของวัดเพื่อสื่อไปยังผู้เลื่อมใสศรัธาวัดผ่านคนหน้าเดิมๆไม่มีผลสั่นคลอนศรัธาความเชื่อมั่น อาจจะเป็นเพราะคาดการณ์ผิดว่าผู้นับถือคำสอนของวัดพระธรรมกายเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ในความเป็นจริงผู้ศรัธาเลื่อมใสวัดส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางหลากหลายอาชีพ ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถคิดวิเคราะห์ข้อมูลจากสื่อได้ เพราะก่อนที่คนเหล่านี้จะมาศรัธาวัด คนเหล่านี้อาจจะไม่เคยเลื่อมใสศรัธาวัดไดเลยมาก่อนก็ได้ ข้อเด่นเหล่านี้ผมอยากให้วัดอื่นๆทั้งหลายนำไปขบคิดและปรับปรุงวิธีการคัดเลือกบุคคลากรทั้งพระและโยมที่จะเข้ามาทำนุบำรุงพุทธศาสนามากกว่าไปออกกฏหมายบ้าบอคอแตก เพราะถ้าทุกวัดมีบุคคลากรแบบเดียวกับวัดพระธรรมกาย คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านถือว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้องในเวลานี้จะสามารถแผ่ขยายครอบคลุมประเทศและโลกครับ